วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2560

[ภาพยนตร์] เปรต อาบัติ : กรรม ของใคร ของมัน...



มารู้เอาทีหลังว่า เปรต อาบัติ คือฉบับ Director's Cut ของ อาปัติ ซึ่งออกฉายในปี พ.ศ.2558 และมีประเด็นของเนื้อหาหรือภาพที่ล่อแหลมและถูกพิจารณาว่าไม่เหมาะสม จนมีการเปลี่ยนชื่อจากเดิมใช้ชื่อ อาบัติ (ลองอ่านได้จาก วิกิพีเดีย ก็ได้) และเข้าฉายหลังจากนั้นไม่นาน โดยมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆกันไป บ้างก็ว่าเป็นการหวังเอากระแสรึเปล่า? อะไรต่ออะไรไป ในเรื่องผลตอบรับดูเหมือน อาปัติ ครั้งเข้าฉายในตอนนั้นก็จะทำได้ดีพอควรทีเดียว กับรายได้กว่า 50 ล้านบาท (เท่าที่จำได้) มีบทบาทในเวทีรางวัลพอสมควร (ร่วมปีกับหนังอย่าง ฟรีแลนซ์ฯ, Snapฯ, เมย์ไหนฯ, พี่ชาย My Hero, อนธการ, Vanishing Point, รุ่นพี่, เพลงของข้าว, ฯลฯ เป็นอาทิ) บางเรื่องก็เคยเขียนถึงใน 5 หนังไทยที่ชอบปีนั้นไปแล้ว ซึ่งก็ไม่มี อาปัติ เพราะ ตอนนั้นก็ไม่ได้ไปดูเรื่องนี้น่ะครับ - - (หลายเรื่องก็ไม่ได้ดู เช่น พี่ชาย My Hero, อนธการ หรือ The Down ก็ดองดีวีดีไว้นานแล้วนาเนี่ย... - -) แถม อาปัติ ยังมีชื่อเป็นตัวแทนหนังไทยไปชิงออสการ์ปีนั้นด้วย

ตอนนั้นจริงๆก็เสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้ไปดู ได้ดูแต่ตัวอย่างหนัง ซึ่งก็ดูจะมีประเด็นล่อแหลมอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าที่มีปัญหากับการพิจารณามันคือประเด็นไหนหรือส่วนไหน? แต่ก็เข้าใจว่าคงไม่ใช่ส่วนเนื้อหาที่เห็นในตัวอย่าง?

ก็ดูเป็นการตลาดงงๆอยู่บ้างเหมือนกัน ที่ อาปัติ จะกลับมาฉายในฉบับ Director's Cut ในต้นปี พ.ศ.2560 นี้ (ในขณะที่ไอกระผมก็ยังไม่ได้ดูฉบับปี พ.ศ.2558 เหมือนเดิม...) ทีแรกตัวเองก็คิดว่ามันเป็นภาคต่อ เหมือนหลายๆคนเหมือนกัน ซึ่ง...ตามประสาคนเรื่องมาก พอมีภาคต่อมา แม้จะน่าสนใจ (เอาจริงๆ แค่ติดว่าหนังเองแข็งแรงพอจะมี ภาคต่อ ออกมา สำหรับตัวเอง ก็น่าสนใจพอประมาณแล้ว) แต่พอไม่ได้ดู อาปัติ มาก่อน เราก็คิดว่าอาจจะเอาไว้ก่อนละกัน พอมารู้ทีหลังว่ามันเป็นฉบับ Director's Cut ก็ดันเปลี่ยนไปสนใจจะดูขึ้นมา (เรื่องมากจริง - -) ซึ่งรู้สึกว่าครั้งนี้เหมือนกระแสจะไม่เท่าตอน อาปัติ เข้าฉาย แถมไม่ใช่จะรู้ก่อนหนังเข้าเสียเมื่อไหร่ มารู้และเกิดอยากจะดูเอาทีหลัง ก็เลยหาดูลำบากตามเคย... เฮ้ออ...

แต่สุดท้ายก็ไปดูมาจนได้

และก็ไม่ผิดหวังนะ
ความจริง Director's Cut ฉบับนี้ (จากข่าวโน่นนี่ที่อ่านเอามั้ง)ก็คงไม่เชิงจะเป็นการคืนกลับต้นฉบับ 'ของจริง' ที่ส่งไปแล้วมีปัญหาการพิจารณาในครั้งแรกที่จะฉาย อาบัติ เพราะเข้าใจว่าด้วยการต้องตัดต่อใหม่ เป็นไปได้เหมือนกันว่าหนังอาจต้องเปลี่ยนหรือทิ้งการเล่าเรื่องในบางประเด็น กระทั่งอาจต้องเปลี่ยนเส้นเรื่องบางอย่างไป? เพื่อให้เข้าฉายได้ในชื่อ อาปัติ ในตอนนั้น การตัดต่อใหม่ในฉบับ เปรต อาปัติ นี้ก็คงจะเป็นไปเพื่อเบนการเล่าเรื่องให้กลับไปในแนวทางเดิมมากที่สุด? โดยเอาประสบการณ์จากที่เคยไม่ผ่านการพิจารณาในครั้งแรกมาตัดต่อให้มันผ่านเข้าฉายได้โดยยังคงแนวทางการเล่าเรื่องแบบเดิมเอาไว้ให้มากที่สุด? หรือไม่หลังจากผ่านโน่นนี่ การแสดงความเห็น เรียกร้องหลายๆอย่างมา บางอย่างในข้อการพิจารณาของหน่วยงานอาจจะผ่อนคลายขึ้นบ้าง? จนสามารถคงเส้นเรื่องเดิมไว้ได้มากขึ้นก็ไม่รู้? (ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน? แม้ไม่ที่สุด? ตกลง อาบัติ เป็นไงแน่เนี่ย?? - เข้าใจว่ามีคนเคยดู อาบัติ แหละมัง? เพราะเหมือนคุ้นๆว่ามันมีปัญหาหลังรอบสื่อฉายไปแล้ว? ไหมนะ? - ไม่ได้กลับไปค้นจ่ะ ขออภัย - -)

แต่เท่าที่ดู คิดว่าหนังก็ยังมีประเด็น แรงๆ (เทียบกับมาตรฐานหนังทั่วไปที่ผ่านมา) อยู่ในตัวเยอะเหมือนกัน (แม้ว่าบางอย่างก็อาจมีขอบเขตไม่แรงเท่าที่คิด จากที่ผู้ชมหลายคนอาจเห็นและคิดไปเองจากสื่ออื่นๆที่เห็น) และก็มีการวิพากษ์ประเด็นเหล่านั้น โดยครอบไว้ด้วยหนังที่นำเสนอ ความกลัว และความน่ากลัว ในรูปแบบของหนังที่พูดเรื่องของผี โดยมีน้ำหนักของดราม่าที่ดีพอสมควรเลยทีเดียว

เรียกว่าในฉบับนี้ที่ได้ดู คิดว่า หนังเล่าได้ดีในเรื่องที่เลือกมาเล่าและในแนวทางของตัวเองทีเดียว คือในการเป็นทั้งหนังดราม่าที่ค่อนข้างมีประเด็นหนักๆ และหนังผี หนังก็ผสมรวมออกมาได้น่าพอใจ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าในทางของหนังผี การปูพิ้นที่มาที่ไปเพื่อให้มีน้ำหนักในใจของผู้ชมในการติดตามรับรู้เรื่องราว ไม่ใช่สักแต่จะหลอกผีกันอย่างเดียว รวมถึงการเก็บงำความลับบางอย่าง(หลายอย่าง)ไว้ แล้วค่อยๆเผยมันออกมาก็ถือว่าทำได้ดี นั่นทำให้หนังน่าติดตาม แม้จะดูมีประเด็นยิบย่อยเยอะอยู่ซักหน่อย และถึงช่วงเวลาที่ต้องนำเสนอความน่ากลัว จังหวะเหล่านี้ก็ทำได้ดี ทั้งในตอนที่เป็นจังหวะตกใจ หรือเป็นภาพที่สร้างบรรยากาศเยียบเย็นได้

ด้านเทคนิคพิเศษของหนังเองก็ถือว่าน่าพอใจ (ยังไงก็ขอแก้ตัวแทนหนังไทยตลาดกระจ้อย ว่าถ้าจะเอาแบบหุ่นทรานสฟอร์มเมอร์แปลงร่างก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะขนาดตลาดเขาต่างกับเราเป็นหลักร้อยเท่า(หรือกว่า)ได้มัง ทุนสร้างก็ต่างกันระดับนั้น(หรือกว่า)ด้วย ซึ่งก็ขึ้นกับทั้งกำลังคนและเวลาอีก ลองนั่งดูเครดิตจบของหนังกราฟฟิกๆ CGI หนักๆทั้งหลายสมัยนี้ก็ได้ ว่าคนมันมากกว่าทุกแผนกเลยมัง? จะจ้างไหวไหมล่ะนั่น? 55) สร้างสถานการณ์และบรรยากาศได้ดี (ทั้ง CGI และไม่ CGI) จากผู้ร่วมชมในรอบที่ไปดู (แม้ไม่มากนัก) ก็รู้สึกว่าหนังสร้างส่วนนี้ได้ดีทีเดียวเลย

หนังอาจมีประเด็นที่ไม่เคลีย์ทั้งหมด หรือจุดที่ไม่ลงตัวบ้าง แต่ในภาพรวม ส่วนเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้ตัวหนังตกระดับไป และถือว่าหนังก็ขมวดทุกอย่าง(ที่เยอะแยะเอาการ)ได้น่าพอใจทีเดียว ความน่าพอใจของหนัง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวละครของหนังด้วย ซึ่งในบทสำคัญนักแสดงหลายคนก็ให้การแสดงในระดับดี ไปถึงดีมากในหลายจังหวะทีเดียว ที่ชอบเป็นพิเศษหน่อยก็เป็นบทพระรุ่นพี่ของ กิก-ดนัย จารุจินดา และหน้าใหม่(ในตอนนั้น)อย่าง พลอย ศรนรินทร์ แต่นักแสดงส่วนใหญ่ก็ให้การแสดงที่ดี มีจังหวะดีๆหลายอย่าง

ในอีกด้านประเด็นที่หนังเลือกเสนอก็ค่อนข้างแข็งแรง และไม่ถูกกลืนหายไปในรูปแบบการตัดต่อเล่าเรื่องที่อาจดูยากบ้าง มีการสลับไปมาของเหตุการณ์พอควร และประเด็นยิบย่อยค่อนข้างเยอะ รวมถึงมีรูปรอยของการเป็นหนังผีที่ต้องคอยหลอกล่อ (และหลอกผี) ผู้ชม ซึ่งทำได้ดีเลยทั้งหมด แกนเรื่องและประเด็นของหนังก็ยังคงอยู่ได้ไปจนจบ(แม้จะหนักเบาบ้างไปตามช่วง)และยังสามารถกระทุ้งผู้ชมได้ในช่วงท้าย

จริงๆดูเรื่องนี้แล้วก็นึกไปถึงหนังอื่นๆ หรือประเด็นอื่นๆที่เคยเห็น เช่น ในหนังอย่าง Spotlight หน่อยๆ (ซะงั้น)

กรรม ตามที่เราเข้าใจปกติมันหมายถึง การกระทำ ในโลกที่เราต้องสัมพันธ์กับอะไรต่างๆทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิต การกระทำ อะไรบางอย่างออกไปเป็นไปได้ว่าหลายๆอย่างมันจะส่งผลสะท้อนกลับมาที่ตัวเราได้เหมือนกัน แม้อาจไม่ซับซ้อนขนาดเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว มันอาจเป็นสเกลเล็กกว่าเช่น ถ้าทุกคนช่วยๆกันขับรถรา โดยสารรถรา พาหนะ เครื่องบิน บริโภคไฟฟ้าจากพลังงานฟอสซิล มันอาจส่งผลกับธรรมชาติและย้อนมากระทบกับวิถีชีวิตอันสุขสบายของเรา(หรือลูกๆหลานๆเหลนๆถัดๆไป)ก็เป็นได้ (ซึ่งนั่นก็คือตอนนั้นจะรวมไปถึงชีวิตของคนที่ปกติก็ไม่ได้มีรถขับ หรือไม่ได้โดยสารพาหนะอะไรนักกันบ่อยๆด้วย คือทุกคน และทุกชีวิตบนโลกกันไปเลย) เป็นต้น โดยที่แม้ไม่นับว่า จะวัด'ปริมาณ'ยังไงว่าใครทำมากน้อยกว่ากัน? ส่วนใหญ่เราก็อยากให้คนอื่นทำก่อนซิซะมากละมัง? ชั้นเพิ่งอยู่มายี่สิบสามสิบกว่าปีเองขอใช้หน่อย หรือชั้นทำโน่นสร้างนี่ไว้ตั้งเยอะก็มีสิทธิ์สบายบ้างไหม อะไรแบบนี้ (ตกลงนี่สเกลเล็กนะ)

ก่อนจะกลายไปเป็นตัวอย่างของการออกนอกประเด็น (ซึ่งจริงๆก็พอจะถือได้อย่างไม่อายว่านอกไปแล้วละมัง?...) อย่างหน้าไม่อาย (ไม่อาย!) เอาเป็นว่า เมื่อกระทำอะไรออกไป มันก็มีสิทธิ์ส่งผลให้เกิดอะไรๆต่อไปจากการกระทำของเราได้ ทั้งกับ คน ด้วยกัน สิ่งมีชีวิต หรือไม่มีชีวิต ก็ตาม แม้หลายๆอย่างที่ส่งผลจะไม่สามารถร้องแรกแหกกระเชอก่นด่าหรือกล่าวโทษขอความสงสารได้ แต่บางอย่างที่แม้ดูไม่มีชีวิตแต่ก็เกิดได้จากสิ่งมีชีวิตรอบๆตัวเราก็ได้เหมือนกัน? เรามี บทบาท ในสังคม ที่เราต่างต้องอยู่และพึ่งพิงคนอื่นหรือสิ่งอื่น และในบทบาทเหล่านั้นก็มีสิ่งที่ทำได้ภายใต้สิทธิ์ของเรา และมีข้อที่ทำไม่ได้อยู่ และระดับของมันก็อาจต่างกันไปตาม ความรู้สึก เกณฑ์ ความนิยม ความคาดหวัง ความเชื่อ กติการ่วม การคิดเอาเอง ความเห็นของกลุ่ม ความเป็นพรรคพวก ฯลฯ หรืออะไรก็ตาม ที่ทับซ้อนกันอยู่หลายชั้น บางการกระทำอาจรอดจากชั้นหนึ่ง แต่ไม่รอดในชั้นหนึ่ง ก็ได้?... หรือมันอาจสมเหตุสมผลในชั้นหนึ่ง แต่ไม่ได้รับการยอมรับในชั้นหนึ่งก็ได้?...

มาซะไกล(ออกอวกาศไปเลยไหม?!)... ทีแรกจะเก็บไว้เขียนขยายความอีกหน่อย ซึ่ง...ก็ไม่ควรไปขึ้นกับตรงนั้นมาก เพราะที่ผ่านมาก็... - - แต่เอาเป็นว่าถ้ามี(และยังไม่ลืมไปซะก่อน และมีเวลามานั่งนึกนั่งเขียน)ก็จะมาเขียน...ล่ะมังนะ...

สำหรับการไปดู เปรต อาบัติ ส่วนนึงเพราะความอยากรู้อยากพิสูจน์จากเสียงลือเล่าอ้างที่ได้ยินมาถึงตัวหนังทั้งฉบับเก่าและฉบับนี้เอง ถือว่าทั้งในเรื่องราวที่จะนำเสนอ การแสดง ประเด็นในรูปรอยของดราม่าในหนัง ผสานไปกับการเล่าเรื่อง และรูปรอยของการเป็นหนังผี ถือว่าสำหรับตัวเองคุ้มที่หารอบและถ่อไปดู และยังทำให้สนใจชื่อของผู้กำกับหญิง ขนิษฐา ขวัญอยู่ ขึ้นมาทันที 8.1 คะแนน ครับ

ซึ่งเอาจริงๆก็ตอบไม่ได้ว่าสำหรับคนที่ดู อาปัติ มาก่อน ไปดูฉบับ เปรต อาบัติ แล้วจะเป็นยังไงบ้าง? (ก็ตัวเองมาดูนี่เลย) แต่ว่าไปก็น่าเสียดายเหมือนกันที่กระแสซาๆไป (จะมีกระแสตรงข้ามจากคนที่ไปดูเพราะคิดว่ามันเป็นภาคต่อ แล้วพบว่ามันไม่ใช่ซะด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน? - เพราะไอนี่ก็เพิ่งรู้ตอนมันฉายไปซักพักแล้วนั่น... - - แก้ตัวเองยังไม่ได้เลย...) เพราะจากที่ดู เปรต อาบัติ ก็คิดว่าตัวหนังนั้นออกมา น่าพอใจ ทีเดียว


ปล.ส่วนหนึ่งที่อยากเขียนซักที เพราะจริงๆจากที่เว้นช่วงไปนานมากๆด้วยหลายสาเหตุ มันก็มีดองไว้(ในกบาล...)เต็มไปหมด ไอที่เคยจะทยอยๆมาตามลำดับ ก็...เห็นทีจะไม่ได้การ... แบบนั้นกว่าจะไล่ทันอาจจะอีก 2-3 ปีเลย - - (เพื่ออัลไล) อยากให้มันเรียงตามใหม่เก่าอยู่หรอกนะ... แต่ก็ช่างมันเถิด เพราะงั้นต่อไป(คง)จะมีเขียนถึงหนังเก่า-ใหม่ ปนกันมั่วๆๆไปล่ะนะครับ...
...อย่าง เปรต อาปัติ ที่ตอนตัวเองไปดูก็หารอบยากแล้ว... ตอนนี้นี่... อย่าไปพูดถึงมันเลยเนาะ... - -


แบบยาวๆ
จะมีไหมนะ?... อืม...
จริงๆมันมีประเด็นที่น่าสนหลายอย่างเลยนะ



นึกถึง


ก็ยังอยากดู อาปัติ (กระทั่ง อาบัติ ด้วยแหละ... แต่อันนั้นคงยากกว่ามากๆ - -) อยู่ล่ะนะ อยากรู้เหมือนกันว่าฉบับนั้นเป็นยังไง?











หนังไทยที่พูดถึงเรื่องของ เปรต ความจริงก็มีสร้างกันออกมาก่อนหน้า และน่าจะเยอะอยู่ ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้ดูมากนัก (จำได้ว่าเหมือนมีใน สาระแน...เห็นผี ด้วย? ใช่ไหม? - -) เรื่องที่เคยผ่านตาแล้วชอบมากเรื่องหนึ่งคือ หลาวชะโอน ซึ่งเป็นตอนหนึ่งใน 5 แพร่ง ว่าไปก็มีบางอย่างซ้อนทับกับ เปรต อาปัติ อยู้เหมือนกัน แต่น้ำหนักการนำเสนอของ หลาวชะโอน เนื่องจากเวลาสั้นกว่ามาก ก็จะไปอยู่ที่บรรยากาศและจังหวะในการดำเนินเรื่องมากกว่า ซึ่งถึงไม่ได้เป็นตอนที่ เอนเตอร์เทนที่สุดในห้าแพร่ง (คงต้องยกให้ คนกอง ไปฮะ - - ชอบมากเหมือนกัน) ทั้งไม่ต้องไปเทียบกับ เปรต อาปัติ หลาวชะโอน ก็ยังเป็นหนัง(สั้นหน่อย)ที่ชอบมากๆอยู่ดี ทั้งเรื่องของเทคนิคพิเศษด้วย (โดยผู้กำกับ ปวีณ ภูริจิตปัญญา ที่มักผสานงานเทคนิคพิเศษเข้ากับหนังเสมอๆ กำกับ บอดี้ ศพ19, ยันต์สั่งตาย (จากการ์ตูนของ เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ ที่เขียนถึงไว้นิดหน่อยในตอนบทความ 13 เกมสยอง) และ 14 ในรัก7ปีดี7หน) รอพี่กำกับเรื่องใหม่อยู่นะครับ

ที่เหลือก็แถมๆ เกี่ยวกับ อาปัติ ที่เอามาจากเว็บ เมเจอร์ฯ ไว้ซักหน่อย (นานแล้วแหละ เพิ่งเปิด - -) จริงๆมีหลายเรื่อง แต่ก็กดดูในบทความที่เกี่ยวข้องด้านล่างดูกันเองละกัลนะฮะ
ที่จะแปะ เอาเป็น 'เจาะที่มา ผีเปรตขอส่วนบุญ... ความสยองสุดขีด ในหนัง 'อาบัติ' ' ละกัน
(มีเรื่องในกองถ่ายหลายอันอยู่ ลองกดดูละกันฮะ ผมก็ยังไม่ได้ดูเลยบางอัน - -)

สำหรับน้อง พลอย ศรนรินทร์ ช่วงนี้นอกจากหนังเก่าเล่าใหม่ได้น่าดูอย่าง เปรต อาบัติ แล้ว ช่วงนี้ก็มีหนังเรื่อง สยามแสควร์ เข้าฉายอยู่ด้วย ซึ่งใครเป็นแฟนน้อง เดินสยามมาแต่เล็กแต่น้อย หรืออยากดูหนังไทยซักเรื่องช่วงนี้ นี่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและน่าพอใจมากอีกเรื่องหนึ่งเหมือนกัน (และตั้งใจจะเขียนถึงด้วย!... ตามที่ตั้ง เอ่อ ตั้งใจไว้น่ะนะ) ก็ไม่ต้องรอเขียนถึงครับ ดูก่อนได้เลย เป็นอีกหนึ่งหนังชอบของปีนี้ตั้งแต่ดูมาอีกเรื่องเลยทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น