วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2559

[ภาพยนตร์] STEVE JOBS สตีฟ จ็อบส์ : หลังเวที ของชายชื่อ สตีฟ จ็อบส์


รวดเร็ว ฉับไว ยิงรัว ไม่ใช่ด้วยปืน แต่ด้วยคำพูดและบทสนทนา ปะติดปะต่อเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชีวิตของ สตีฟ จ็อบส์ ชายผู้ก่อตั้งและเป็นตำนาน(รวมถึงส่วนหนึ่งของตำนานอื่นๆ)แห่งบริษัทแอปเปิ้ล เต็มไปด้วยรายละเอียด ตัวละคร อารมณ์หลากหลาย ผ่านเรื่องราวหลังเวทีครั้งสำคัญของ สตีฟ จ็อบส์ ทลักทลายผ่านบทสนทนาและการแสดง 8.7 คะแนน

ถ้าคุณรู้จัก สตีฟ จ็อบส์ และบริษัท แอปเปิ้ล แค่เพียงผิวเผิน และอยากรู้จักมากขึ้นจากหนังเรื่องนี้ นี่อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณหรือไม่ก็ได้ ถ้าคุณหลงใหลผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ลและรู้ว่าชายชื่อ สตีฟ จ็อบส์ มีส่วนสำคัญยิ่งในการนำมันออกมาสู่โลก (และตลาด) หนังเรื่องนี้อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณหรือไม่ก็ได้ ถ้าคุณเทิดทูน สตีฟ จ็อบส์ หรือ แอปเปิ้ล มาก ก็ยังคิดว่าคุณน่าจะไปดูหนังเรื่องนี้ หรือถ้าคุณอาจหมั่นไส้ แอปเปิ้ล หรือ สตีฟ จ็อบส์ นี่ก็ยังน่าจะเป็นหนังที่น่าสนใจสำหรับคุณอยู่เหมือนกัน ที่แน่ๆมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตของชายชื่อ สตีฟ จ็อบส์ ส่วนหนึ่งของบริษัทแอปเปิ้ล และอีกหลายๆส่วนที่น่ารู้ ถ้าในทีแรกคุณรู้จักแค่ สตีฟ จ็อบส์ กับ แอปเปิ้ล เพียงแต่ว่า...ถ้าคุณเตรียมตัวมาดีในการเตรียมรับฟังเรื่องราวที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะนำเสนอ มันน่าจะดีมากกว่าที่คุณจะไม่ได้เตรียมตัวไปเลย...

และคุณควรเตรียมตัวตั้งแต่เห็นโลโก้ลูกโลกของยูนิเวอร์แซลเริ่มหมุน (สตูดิโอผู้สร้าง หลังจากโปรเจ็คท์หลุดมือจากโซนี่ และใช่ครับเป็นสตูดิโอรายเดียวกับที่สร้าง JURASSIC PARK กลับไปซ้อมดูโลโก้ไว้ก่อนก็ได้ครับ แต่อย่าดูหนังเพลิน) เลยทีเดียว...



ว่าไปโครงสร้างที่หนังเรื่องนี้เลือกเล่า ก็น่าจะเป็นส่วนที่น่าสนใจที่สุดอย่างหนึ่งของหนังเรื่องนี้ ด้วยการเล่าเรื่องหลังเวทีก่อนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์สำคัญโดย สตีฟ จ็อบส์ เริ่มจากคอมพิวเตอร์ แมค เรื่องหลังเวทีนี่เกิดเรื่องราว และตัวละครที่เกี่ยวข้องมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ มันพาอารมณ์ให้ชื่นมื่นน่าหลงใหลในคราวหนึ่ง จู่ๆก็บิดผันมาเป็นเรื่องน่าชวนหัว ฉับพลันมันก็กลายเป็นตึงเครียด และเมื่อกำลังพูดถึงฮาร์ดแวร์ซอฟต์แวร์ ไทมส์ก็ปรากฏตัวขึ้น และหลังจากปัญหาไทมส์ยังไม่จบมันก็นำไปสู่ปัญหาจากคำสัมภาษณ์ของ สตีฟ จ็อบส์ ที่มีกับแฟน (เก่า?) ผู้ที่มีลูกสาวให้ (?) เขา...

นี่เป็นเพียงแค่ผลิตภัณฑ์เดียว และเล่าไว้แบบปิดๆบังๆเท่านั้น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์จะเป็นอย่างไร? และเรื่องราวที่เริ่มแสดงหลังม่านเวทีจะไปจบลงที่ไหน? เล่าหมดไปก็คงไม่สนุก ใครที่สนใจไปดูเองน่าจะสนุกกว่า และก็บอกได้อย่างเดิมว่าเตรียมตัวไปซักนิดก็พอ (แต่คิดว่าคนที่รู้เรื่องราวคร่าวๆเกี่ยวกับความเป็นมาของ สตีฟ จ็อบส์ (และผลิตภัณฑ์) มาซักหน่อย จะติดตามเรื่องราวได้ง่ายกว่ามากนะครับ ต้องบอกกันไว้ก่อน) คิดว่าคุณคงไม่ผิดหวัง

ในขณะบทหนังเป็นฝีมือของ แอรอน ซอร์กิ้น แห่ง THE SOCIAL NETWORKS ที่พี่มาร์ค โดย เจสซี่ ไอเซนเบิร์ก พ่นบทสทนากันไฟแล่บสมเป็นหนังอินเทอร์เน็ต ยุคมิลเลนเนี่ยม (ตกลงว่าเกี่ยวกันนะ?) แม้ในหนังเรื่องนี้จะไม่น่ามีใครพูดรัวเร็วชนะ เจสซี่ ไอเซนเบิร์ก ในหนังเรื่่องนั้นได้ แต่มันก็ยังคงเต็มไปด้วยบทสนทนา และด้วยโครงสร้างพิลึก(แต่น่าตื่นเต้น)ของหนัง ก็ทำให้มันดูจะเต็มไปด้วยบทสนทนาและขับเคลื่อนด้วยบทสนทนามากขึ้นไปอีก หนังที่เต็มไปด้วยบทสนทนา และชีวิตเรื่องราวที่ดูจะเปี่ยมสีสัน ว่าไปก็เหมาะกันดีอยู่กับการอยู่ในมือผู้กำกับ แดนนี่ บอยล์ (หนึ่งในผู้กำกับคนโปรดของพ้ม) กับการกำกับฉึบฉับฉูดฉาดให้เห็นในหนังหลายเรื่อง เช่น หนังออสการ์เรื่องดราม่าแต่ดูสนุกอย่าง SLUMDOG MILLIONAIRE หนังต้องรอด 127 HOURS แทบโชว์เดี่ยวของ เจมส์ ฟรังโก ที่ชอบมาก หรือคลาสสิคที่สุดอย่าง TRAINSPOTTING ยังไงก็ตาม ในเมื่อดูเหมือนบทสนทนา และหลังเวที จะเป็นจ้าวในที่นี้ สไตล์ของ แดนนี่ บอยล์ ในเรื่องนี้ก็ดูเหมือนไม่ถูกใช้ออกมาอย่างชัดเจนนักในหนังเรื่องนี้

เป็นอีกครั้งที่ แอรอน ซอร์กิ้น ดัดแปลงบทภาพยนตร์จากหนังสือต้นฉบับ และในครั้งนี้เขาดัดแปลงจากหนังสือของ วอลเตอร์ ไอแซคสัน ที่ในบ้านเราก็มีแปลขายเล่มหนาๆ แต่ผมยังไม่ได้อ่าน เนื่องจากยังไม่ได้อ่านจึงไม่รู้ว่าเขาเอาโครงหลักในการเล่าเรื่องมาจากหนังสือหรือไม่? แต่คิดว่าไม่ใช่ และสิ่งที่ แอรอน ซอร์กิ้น เลือกที่จะเล่าผ่านเรื่องราวหลังเวทีของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในแต่ละอย่างแต่ละยุคนั้นทำให้โครงสร้างของมันน่าตื่นเต้น การเลือกที่จะปะติดปะต่อเอาเหตุการณ์และรายละเอียดละอันพันละน้อยเข้ามาแปะติดกันไว้ (แทบไม่หยุดพัก) แม้จะไม่คิดว่านี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆตามแบบนี้ การเล่าเรื่องผ่านเรื่องราวหลังเวทีที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและจุดพลิกผันทั้งเล็กน้อยและใหญ่โต การขับเคลื่อนเรื่องราวให้ไหลเลื่อน น่าติดตาม ผ่านตัวละครมากมาย ได้เช่นนี้ ผมคิดว่ามันน่าทึ่ง และมันก็ช่วยเสริมเอเนอจี้ให้กับหนังได้อย่างน่าสนใจ

แม้จะเหมือนหลบไปเป็นฉากรองรับบทสนทนา แต่สไตล์ของ แดนนี่ บอยล์ ก็ยังคงปรากฏบรรยากาศให้เห็น ตั้งแต่ในตัวอย่างหนัง และในหนังทั้งเรื่องบรรยากาศเหล่านี้ก็ยังคลี่คลุมอยู่ โดยเฉพาะ จังหวะ แม้จะมีการใช้เทคนิคด้านภาพแปลกๆให้เห็นไม่มากนัก แต่เมื่อมันปรากฏ อย่างเช่นในการพูดไปถึงการปล่อยจรวด ผมก็ยังคงชอบมันอยู่นั่นเอง และในการกำกับแบบ แดนนี่ บอยล์ ผมคิดว่ามันก็ยังคงส่งเอเนอจี้ผ่านกล้อง และการแสดงได้อย่างมีชีวิตชีวา ยิ่งได้นักแสดงนำที่เต็มไปด้วยพลังเช่นนี้

ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ แสดงเป็น สตีฟ จ็อบส์ เคต วินสเล็ต แสดงเป็น โจแอนนา ฮอฟฟ์แมน คู่หูฝ่ายการตลาดของผลิตภัณฑ์ ที่ต่างแสดงรับ-ส่งได้อย่างเข้มข้น เรียกว่าไม่รดราวาศอกกันเลย ทั้งคู่ต่างถ่ายทอดบทบาทของการเป็น สตีฟ จ็อบส์ และ โจแอนนา ฮอฟฟ์แมน ได้อย่างเข้มข้น ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ดูเหมือนสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น และความจำเป็นของกันและกัน ในการเป็น สตีฟ จ็อบส์ และ โจแอนนา ฮอฟฟ์แมน ตามบทบาทที่แต่ละคนมี ผ่านความผูกพันและนับถือกันจากการร่วมงานกันได้อย่างทรงพลัง

เป็นเงาของชายที่หลายคนขนานนามว่า อัจฉริยะ ที่หลายครั้งก็จองหอง หลายครั้งก็เข้มงวด หลายครั้งก็ดูอ่อนไหว หลายครั้งก็ไม่น่าคบ หลายครั้งก็มอบพลังให้ผู้อื่น หลายครั้งก็สูบเอาความนับถือตัวเองมาจากคนอื่นจนหมด หลายครั้งก็ดื้อดึง หลายครั้งก็โอนอ่อน หลายครั้งก็คาดการณ์ถูก หลายครั้งก็ผิด ฯลฯ หลายครั้งก็ดูไม่ต่างจากคนทั่วๆไปอย่างเราๆ สตีฟ จ็อบส์ เป็นอัจฉริยะหรือไม่? คงมีหลายคนเข้าร่วมการถกเถียงนี้ไปอีกนาน แต่ที่แน่นอนคือ สตีฟ จ็อบส์ เป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดมาก ไม่ว่าจะถูกจะผิด และแม้ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีทั้งหมด เขาก็เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นอย่างน่าทึ่ง และในความน่าทึ่งที่เขาสร้างผ่านหลายๆอย่าง หลายๆผลิตภัณฑ์ ผ่านแอปเปิ้ล ผ่านตัวเขาเอง อย่างน้อยที่สุด ในเรื่องนี้เราจะได้เห็นว่าเขาไม่ได้ผ่านมันมาโดยลำพัง มีอีกหลายๆคนที่เข้ามามีส่วนร่วมไม่ว่าจะดีจะร้ายผ่านเรื่องราวของเขา และไม่ใช่แค่ โจแอนนา ฮอฟฟ์แมน มีอีกหลายคนที่มีส่วนร่วมและผ่านความสัมพันธ์แบบดูเหมือนทั้งรักทั้งชังแก่กันและกัน นักแสดงที่เล่นเป็นตัวละครสำคัญทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี และบางคนก็อาจมีเสน่ห์เกินหน้าคนอื่นไปบ้าง นั่นคงแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ผมไม่รู้ว่าจริงๆนั้น สตีฟ จ็อบส์  เป็นอย่างในหนังเรื่องนี้เป๊ะๆหรือไม่? แค่ไหน? แต่ก็ยังรู้สึกหน่อยๆ ว่า แม้จะมีหลายอย่างที่วาดให้ สตีฟ จ็อบส์  ดูร้าย มันก็ยังให้ภาพลักษณ์แบบ พระเอกๆ ไว้ในท้ายที่สุด ซึ่งอย่างที่บอก ผมไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริงแค่ไหน? ยังไง?

อย่างไรหลายๆครั้งการใส่ใจรายละเอียดและสิ่งที่ตนให้ความสนใจในขณะนั้นของ สตีฟ จ็อบส์ ก็ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ทั้งทิ่มแทง และดูไม่มีเหตุผล หลายครั้งยังดูไร้ความหมายเมื่อมันไม่ได้ให้ผลลัพธ์อย่างที่คาดหวัง แต่อีกหลายครั้งเราก็ต่างรู้กันดี (แม้สิ่งนี้ไม่ได้ปรากฏชัดๆในหนัง) ว่าอาจด้วยการใส่ใจรายละเอียดนี่เอง สตีฟ จ็อบส์ ได้แปลงมันออกมาเป็นผลิตภัณฑ์หลายชิ้นที่จับใจผู้ชมได้มากมาย... แม้ด้วยเบื้องหลังที่ต้องการความช่วยเหลือจากหลายๆคนกว่าจะทำให้มันออกมาได้อย่างที่ สตีฟ จ็อบส์  จินตนาการไว้ก็ตาม

ชีวิตของคนๆหนึ่งประกอบด้วยอะไรมากมาย องค์ประกอบ และการล้มลุกคลุกคลานมากมายทั้งความล่าช้า การเปลี่ยนตัวผู้กำกับ เปลี่ยนนักแสดง เปลี่ยนสตูดิโอ ฯลฯ กว่าจะออกมาเป็นหนังเรื่องนี้ ซึ่งว่าไปก็ไม่ใช่หนังดูง่ายนัก และต้องอาศัยการเตรียมตัวพอควรในการดู เหตุนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มันไม่ได้ประสบความสำเร็จด้านรายได้ในอเมริกาอย่างน่าแปลกใจ แต่ก็อย่างที่คำนิยมหนึ่งเหมือนเคยผ่านตาไป มันเป็นอเมริกัน และเป็นหนังคลาสสิคอเมริกัน (แม้ผู้กำกับจะเป็นอังกฤษ แถมนักแสดงนำก็เป็นเยอรมัน-ไอริช กับอังกฤษ...) สำหรับผู้มีส่วนร่วมในหนังเรื่องนี้ อาจมีบางอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ไม่ควรต้องเสียใจ ทุกสิ่งที่มารวมกัน ทำให้งานชิ้นนี้ออกมาประณีตและทรงพลัง สำหรับผู้ชมอย่างผม แม้งานชิ้นนี้จะไม่ได้เล่าเรื่องผ่านสถานที่อลังการ มีฉากรบยิ่งใหญ่ ทิวทัศน์กว้างไกล แต่มันก็มีพลังอย่างยิ่ง 8.7 คะแนน


นึกถึง
แน่นอนว่าอย่างที่บอกครับ ว่าการไปดูหนังเรื่องนี้นอกจากการเตรียมตัวติดตามบทสนทนาให้ดีๆ (ที่บางครั้งก็ไม่รู้ว่าจะอ่านเอาหรือฟังเอาดี บางทีก็ไม่ค่อยทันทั้งคู่) การเตรียมตัวหรือรู้เรื่องครา่วๆของ สตีฟ จ็อบส์ รวมถึง เรื่องราวผลิตภัณฑ์ต่างๆของแอปเปิ้ลไว้บ้างจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย และน่าจะให้ผลลัพธ์(และความมึน)ต่างจากไม่รู้อะไรเลยอยู่พอควร ตัวเลือกแรกก็คือ หนังสือของ วอลเตอร์ ไอแซคสัน ที่มีแปลวางขายในบ้านเรา โดย สนพ. เนชั่น ด้วยครับ





ส่วนใครถ้าไม่ถนัดอ่านเล่มหนาๆ จริงๆจะดูภาพยนตร์เรื่อง JOBS ที่นำแสดงโดย แอชตัน คุชเชอร์ ที่ออกฉายมาเมื่อซัก 2 ปีก่อนเป็นข้อมูลเบื้องต้นก็ได้ครับ หนังไม่ซับซ้อน ทรงพลัง และน่าตื่นเต้นเท่าเรื่องนี้เมื่อเทียบกัน แต่ก็ติดตามเรื่องราวได้ง่ายกว่ามาก ดูเอาเป็นข้อมูลเบื้องต้นน่าจะดูจากเรื่องนี้ได้ง่ายกว่า(มาก) ตัวหนังก็ถือว่าดูได้เพลินๆครับ







อีกเรื่องที่ก็ถือว่าน่าดู และน่าจะช่วยเป็นข้อมูลให้ดูเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้นในผลิตภัณฑ์ช่วงแรกๆ ก็คือ PIRATES OF SILICON VALLEY เป็นหนังทีวีเมื่อปี ค.ศ.1999 เกี่ยวกับเรื่องราวต้นกำเนิดของทั้งแอปเปิ้ล และอีกหนึ่งขาใหญ่ ไมโครซอฟต์ ในเรื่องนี้จะได้เห็นทั้ง สตีฟ จ็อบส์ และ บิล เกตส์ กับเรื่องราวของการเป็น โจรสลัดแห่งหุบเขาซิลิกอน







ในหนังมีพูดถึงคนสำคัญในแวดวงวิทยาศาสตร์ด้วย เช่น ARTHUR C. CLARKE มีอีกคนนึงที่จำได้ก็คือ บุคคลที่ถอดรหัสอีนิกมาในสมัยสงครามโลก และมีบทบาทในการให้กำเนิดเครื่องคำนวณอย่างคอมพิวเตอร์ ALAN TURING (แอลัน ทัวริง) ดูเรื่องราวของเขาได้จากภาพยนตร์ THE IMITATION GAME ครับ เป็นหนังรางวัลที่ดูสนุก เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ แสดงเป็น แอลัน ทัวริง






และเพื่อออกมานอกวงการบ้าง (แบบ...จริงๆก็ไม่จำเป็น) เมื่อพูดถึงอะไรๆ หลังเวที นึกถึงเรื่องนี้ไปก่อน BIRDMAN หนังรางวัลออสการ์ปีที่แล้ว (ที่มีชื่อเต็มว่า BIRDMAN OR (THE UNEXPECTED VIRTUE OF IGNORANCE) ) ที่แม้จะชอบน้อยกว่า ฺBOYHOOD (ถือหาง BOYHOOD! เสียใจ!) แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ภาพยนตร์ที่สนุกสนาน (?) ดีเหมือนกัน ลองไปดูกันได้ครับ เรื่องนี้เทียบกับหนังทั่วไปอาจมีอะไรเหวอๆบ้าง แต่ก็ไม่น่าใช่หนังดูยาก หลายๆคนดูแล้วอาจจะสนุกไปกับหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยากก็ได้นะ (BIRDMAN เข้าชิงลูกโลกทองคำสาขา หนังเพลง/ตลก นะขอบอก! แต่...ดู THE MARTIAN ที่เข้าชิงสาขาเดียวกันปีนี้ซะก่อน...มันก็ใช่ว่าจะตั้งหน้าตลกขนาดนั้นซะกะหน่อยนะ... แต่ก็ดีแล้วครับที่ THE MARTIAN ได้รางวัล)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น