วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2559

[ภาพยนตร์] BATMAN V SUPERMAN - DAWN OF JUSTICE : เอพิครีบูทจักรวาลดีซี ที่ก็พอใช้ได้ ไปดูของแถมด้านท้ายกันดีกว่า (เอ๊ะ)



โอเคสำหรับเหตุผลที่ BATMAN ต้องมาฉะกับ SUPERMAN นะครับ

ว่าไปสิ่งที่แปร่งลำดับแรกของตอนต่อกลายๆจาก MAN OF STEEL นี้ (พอรู้สึกว่า เออเนอะ BATMAN ของโนแลนถูกตัดไปจากสารบบแล้วก็รู้สึกแปลกๆอยู่ดีเล็กน้อย ถึงปานกลาง) ก็คือว่าเหมือนมันดันเลือกเล่าอะไรๆแบบแก้ตัวจากอะไรแปร่งๆใน MAN OF STEEL ไปซะ ซึ่งเป็นสิ่งนึงที่ทำให้ตอนดู MAN OF STEEL นั้นไม่อินเอาเลยแถมส่ายหัวหน่อยๆอีกตะหาก ทั้งที่ตัวหนังรวมๆก็พอใช่ได้แหละ ยังดีว่ามี เอมี่ อดัมส์ ช่วยไว้ ทั้งที่พระเอกก็มาดดี ใส่ชุดพี่ซุปก็ดูดี รัสเซล โครว์ เป็นปะป๋าพี่ซุปก็พอไหว ดีไซน์ดาวคริปตันกับอะไรๆในยานก็โอเคให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากอะไรล้ำๆโลหะๆแววๆได้พอโอเค แม้จะรู้สึกว่ามันทำให้นึกถึงเอเลี่ยนอยู่ตะหงิดๆ (แต่ก็เอาน่ะ เขาก็ไปเล่าตำนานกันต่อไปใหม่ใน PROMETHEUS ไปแล้ว ดีไซน์ก็พยายามจะปรับเปลี่ยนไปบ้าง) ไดแอน เลน กับ เควิน คอสเนอร์ เป็นพ่อแม่ชาวมนุษย์ของพี่ซุปก็พอโอเค ดราม่าในเรื่องก็พอโอเค(แต่จำไม่ค่อยได้แล้ว...) แอ็คชั่นก็โอเค ซัดกันยังกะดราก้อนบอลฉบับภาพเรียลๆ ตูมตามดีเหมือนกัน แต่ ที่ไม่โอเคคือตอนจบนี่แหละ คือ (อาจสปอยล์นะถ้ายังมีคนไม่ได้ดู MAN OF STEEL) แบบไม่สามารถขยี้อารมณ์เราได้เลย ทั้งที่มันดูพยายามจะขยี้มาก เออ...พูดอีกแบบคือมันขยี้อารมณ์ตรูไปหมดเลย คือ ถ้าพี่จะห่วงชีวิตมนุษย์ขนาดนี้นี่... แล้ว...ไอที่ซัดกันตูมๆ ตึกถล่มแล้วถล่มอีกเละเทะไปหมดก่อนหน้าจะมาถึงตอนนี้นี่... มันคืออะไรกันครับ?... เลย...จบเลย ฉากแอ็คชั่นจะตูมตามขนาดไหน มันสามารถสร้างคอนฟลิกอันยิ่งใหญ่มาถมตรงนี้ได้หมดเลย (เว่อ...) ไม่อินอ่ะ ไคลแม็กซ์... ทิ้งความงุนงงให้ผมออกจากโรงไปเลยครับ ยังดีว่ามี เอมี่ อดัมส์ ช่วยไว้ (พูดซ้ำกันดื้อๆ)  หรือจะว่าเขายังไม่ชินกับอะไรๆแบบมนุษย์โลก เช่น ตึกถล่มแค่นี้ไม่มีใครเป็นอะไรหรอก แค่นี้เอง... มันก็... ไม่น่าใช่นะ...

จริงๆถ้าว่ากันแบบทั่วๆหน่อย หนังซูเปอร์ฮีโร่ (หรือหนังหายนะทั้งหลาย) ก็ต้องมีหลุดฉากแบบนี้มาบ้างนั่นแหละ โดยเฉพาะที่มีอิทธิฤทธิ์รุนแรงเท่าไหร่ โอกาสที่จะมีฉากถล่มเมืองก็มีมากไปด้วย ซึ่ง...จะว่าแปลกก็ไม่เชิง ว่าถ้าเป็นหนังหายนะ หรือฉากหายนะหรือตัวร้ายเริ่มมาถล่มในหนังซูเปอร์ฮีโร่ก็ตาม ฉากเหล่านี้จะไม่ค่อยถูกหลีกเลี่ยง แต่พอเป็นฉากการฟาดฟันของซูเปอร์ฮีโร่เข้าล่ะก็ บางเรื่องก็จะทำเป็นเหมือนลืมๆเรื่องพวกนี้ไปดื้อๆ ราวกับว่าตรงที่เขาซัดกันพอดีมันเป็นวันหยุดยาวเลยไม่มีใครมาทำงานในตึกที่เขาซัดนัวกันถล่มเละเทะนั่นเลย อะไรแบบนี้ อารมณ์คล้ายๆกับว่าหนังฮีโร่กู้โลกเรต PG-13 ถ้ามันจะมากู้โลกด้วยถล่มโลกเองไปด้วย มันจะเกิดความย้อนแย้งในทฤษฎีเวลาอวกาศได้ จะสอนอะไรก็ลำบาก (? - อำนาจอันยิ่งใหญ่มาพร้อมความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง - ?) มันก็เลยต้องมีบ้างที่หยวนๆกันไป เช่น ใน AVENGERS ภาค ULTRON อีฉากที่มันส์ที่สุดคือฉากฮัลค์ปะทะไอออนแมนออฟชั่นฮัลค์บัสเตอร์นั่นก็ใช่ แต่เอาจริงๆ ถ้าจะห่วงกันทุกเม็ดประมาณว่าโดนเหวี่ยงจะกระแทกตึกแล้ว ฮีโร่ต้องเร่งพลังทั้งมวลหยุดตัวเองก่อนกระแทกตึกไว้ก่อนฉิวเฉียดทุกครั้ง หรือจะเหวี่ยงศัตรูทีพอพลาดไปทางตึกก็ต้องไปพุ่งชนมันเปลี่ยนทิศทางไว้ตลอด เดี๋ยวมันก็จะกลายเป็นตลกไปแทนอีก (ทั้งๆที่อาจเปลือง(ค่าทำ)เอ็ฟเฟ็คท์น้อยกว่าก็ได้) เฮ้อ...ลำบาก

คือมันก็ไม่ใช่จะเล่าไม่ได้นะครับ บางเรื่องก็เอาจุดนี้เป็นแกนมาเล่าไปเลย แต่ก็ต้องทำเรื่องราวความต่อเนื่องรองรับไว้ให้มันพอดีๆ ไปแทน แต่พอ MAN OF STEEL มาอีท่านี้นี่ คือยิ่งตอนจบตั้งใจจะมาบิ๊วด์กันเรื่องนี้ สำหรับผม ก็เลย...ไม่ได้อ่ะ...

แล้วนี่มันจะมากลายเป็นรีวิว MAN OF STEEL ไปแทนหรืออย่างไร? ก็พอหยวนๆนะ เพราะจริงๆอหังการโปรเจ็คท์ BATMAN V SUPERMAN : DAWN OF JUSTICE นี่เอาจริงๆก็เหมือนภาคต่อ MAN OF STEEL มารีบู๊ทจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่ค่ายดีซีของวอร์เนอร์ (แถมต้องจำใจ(? แหละ)ตัดความข้องเกี่ยวกับ BATMAN ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ไปเฉยเลย - แต่อันนั้นของพี่แกก็วางไว้นั่นแหละ อาจจะดีแล้วก็ได้) แหละ ซึ่งไอเดียนี้ก็โอเคนะ ผมให้คะแนนๆ

เพราะงั้นต่อไปเรามาเข้าเรื่อง DAWN OF JUSTICE กันละนะครับ


ในเมื่อสปอยล์ MAN OF STEEL ไปแล้ว (เออ ก็เป็นภาคต่อกลายๆอย่างที่ว่า ใครยังไม่ดูก็ไปหามาดูกันก่อนได้) เพราะงั้นอาจหลุดสปอยล์บางอย่างใน DAWN OF JUSTICE อีกก็เป็นได้นะ (อ่าว...) เอาว่า เริ่มเลยละกัน

- อย่างที่บอกเหตุผลที่ลาก BATMAN กับ SUPERMAN มาเจอกันคือผมโอเค แม้บางคนอาจรู้สึกว่าลากยาวไปหน่อย แต่จริงๆก็โอเค ไม่ได้อะไรกับตรงนี้นัก เรื่องอดีตของแบทแมนก็ด้วย (รีบู๊ททีก็เล่าใหม่ที แต่ตรงนี้ก็ไม่อะไรนะ) อันนี้บอกไปอันแรกเลย แต่ยังไม่กลับเข้าเรื่องเลยจนแถวๆนี้นี่แหละ
- และจริงๆ เหตุที่ BATMAN จะหวั่นใจกับการมีอยู่ของซูเปอร์แมน ด้วยว่าพลังอำนาจมันมากมหาศาล และความน่ากลัวก็ปรากฏให้เห็นต่อหน้าต่อตาก็อย่างที่ว่า เหมือนจะ 'แก้ตัว' เรื่องงงๆใน MAN OF STEEL อย่างที่ผมไม่อินไปซะงั้น ตรงนี้ก็ถือว่าโอเค (จนจะว่างงก็งงว่า นี่มันเรื่องเดียวกันไหมเนี่ย? ผู้กำกับก็คนเดียวกันด้วยนะ แต่ก็ดีแล้วแหละ) คือก็เข้าใจได้มากกว่าแหละนะ ถ้ามาแบบนี้ ถือซะว่าทำเป็นจำบางอย่างใน MAN OF STEEL ไม่ได้ไปซะ (ซึ่งจริงๆหลายอย่างก็จำไม่ได้แล้ว...) ก็พอโอเค
- แต่ก็นั่นแหละ ทำไปทำมาพอรู้สึกว่าเขาอาจจะมาแก้ตัวจริงๆ ตรงนั้นเลยเอาซะใหญ่เลย แถมเฮียแซ็คก็ชอบมีสโลว์บ้างไรบ้างอยู่แล้วด้วย แถมปกติก็เล่นใหญ่อยู่แล้ว มันก็เลยอาจดูเยอะเหมือนกัน
- โอเคกับบทบาทและลุค BATMAN ของ เบน อัฟเฟลค พอสมควร ซึ่งก็อาจแปลกๆบ้างว่ารู้สึกว่าคาแรคเตอร์ BATMAN ของ เบน อัฟเฟลค ดูมันชัดกว่าคาแรคเตอร์ BATMAN ของ คริสเตียน เบล พอควร ซึ่ง เอ่อ...ไม่แน่ใจว่าเพราะเพิ่งดูมา หรือเพราะมักรู้สึกว่าแม้ คริสเตียน เบล จะเล่นดีแหละ แต่สิ่งที่เราจำได้มากกว่า กลับอาจเป็นลวดลายเซ็นในเรื่องราวการกำกับของ คริสโตเฟอร์ โนแลน มากกว่า (อ่าว กลายเป็นน่าน้อยใจไปเฉยเลย... - -) และ โจ๊กเกอร์ ของ ฮีธ เลดเจอร์ (แต่โอเคนะครับ ผมจำ CATWOMAN ของ แอนน์ ได้แม้จะยอมรับว่าเธอก็ยังไม่น่าจะเด่นกว่า 'เรื่องและความเป็น(แบทแมนของ)' โนแลน ในความรู้สึกผมอยู่ดี แต่จำได้ครับ จริงๆ - จะย้ำทำไมครับ?)  คือ อันนั้นอาจจะผิดที่ความรู้สึกผมเองก็เป็นได้ แต่เอาเป็นว่าผมโอเคกับ BATMAN เวอชั่นนี้ก็แล้วกัน รวมไปถึงฉากแอ็คชั่นด้วย จริงๆของโนแลนก็ถือว่าโอเคนะ มีความจริงจังขึงขัง แต่ไปจำไอฉากอื่นๆที่แบบมีอุปกรณ์ที่ไม่ได้อัดกันลุ่นๆมากกว่าหน่อย ส่วนเวอชั่นนี้เราคิดว่ามันมีสไตล์บางอย่างแม้ไม่ได้จะว่าโอ้ยชอบมากอะไรแบบนี้ แต่ก็ดีนะครับ (แต่ BATMAN ที่ใส่หน้ากากและชุดแล้วหล่อสุดก็ยังรู้สึกว่าเป็นเวอชั่น ไมเคิล คีตัน ในน้ำมือ ทิม เบอร์ตัน โดยชุดภาคแรกจะกล้ามท้องสวยกว่าภาค RETURNS - รู้ไปก็เท่านั้น...)
- และก็โอเคกับการปรับลุคของอัลเฟรดนะ คือของเดิมเราก็ชอบนะ แต่เอาว่าโอเคๆ แบบนี้ก็ดี เปลี่ยนรสชาติบ้าง (BATMAN ซีเรียสคิ้วขมวดไป เอาความกวนเกรียนบางประการมาไว้นี่แทน) แต่ออกไม่เยอะนะ ก็คนอื่นออกกันเยอะอยู่แล้ว...
- ชุด BATTANK (มั่วเองเฉย) เท่ดีอยู่
- พาหนะ ถ้ำค้างคาวอะไรโอเคแหละ (เห็นไม่ค่อยชัดหรอก...)
- เอาจริงๆคิดว่า แม้จะดีที่มี กัล กาดอท ในบท WONDER WOMAN มาด้วย แต่ก็ยังรู้สึกอยู่ดีว่าตัดไปก็เหมือนไม่น่ากระทบอะไรเท่าไหร่นัก ทั้งที่จริงๆบทเธอก็เยอะใช้ได้ และหลายส่วนก็สำคัญ แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันแยกๆออกจากเรื่องของคนอื่น และแกนๆหลักๆอยู่ทุกที
- แต่คิดอีกทีมีแหละดีแล้ว แม้แต่ละชุดในการปรากฏตัวในลุคคนธรรมดานี่ก็...ไม่อาจตัดสินได้เลยว่าจริงๆเธออยากหลบซ่อนตัวตนจากผู้คนหรือไม่อยากหลบกันแน่ (หรือไม่ก็คือการสร้างภาพจำอื่นให้แทน โอ้วว ล้ำลึก) แต่การมีเธอมาก็ถือว่ามาช่วยตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดี และเอาจริงๆก็อย่างที่บอก มีฉากที่บทบาทของเธอมีความสำคัญกับเนื้อเรื่องอยู่แหละ โดยเฉพาะเมื่อมันเกี่ยวกับการโปรโมทขยายจักรวาลดีซีไปสู่คาแรคเตอร์อื่นๆต่อไป
- และ เอาจริงๆ การที่เธอโผล่มาในฉากแอ็คชั่นก็ยังโอเคอยู่ดี ก็คือโดดเด่น เพราะงั้นฉากแอ็คชั่นก็ยังใหญ่ เยอะ และก็วินาศสันตะโรเหมือนเดิม แต่ก็รู้สึกนิดๆว่าสไตล์มันอาจไม่เด่นเท่าใน MAN OF STEEL แล้ว แต่ก็มาแทนด้วยความใหญ่ ความเยอะ และเรื่องใหญ่ในภาคนี้แทน
- ตัวร้ายอย่าง เล็กซ์ ลูเธอร์ โอเคนะ ไม่ได้ชอบหนักมาก แต่ก็คิดว่า เจสซี่ ไอเซนเบิร์ก กับบทแบบนี้ก็โอเคอยู่ บางคนก็รำคาญก็มี แต่เราก็โอเค
- SUPERMAN ของ เฮนรี่ คาวิล โอเคนะ เราจะไม่มาพูดกันว่าแว่นอันเดียวคนจำไม่ได้แล้วเรอะไรแบบนั้น แต่ที่เหลือก็คือโอเค ชุดดูวัสดุแปลกๆ แต่ไม่อะไร
- หลายๆส่วนก็อาจมีจุดอ่อนหรือจุดดี(สำหรับคนชอบอะไรเยอะๆ)ก็ไม่แน่ใจ คือ หลายๆเรื่องแฟนคอมมิคหรือคนที่รู้อะไรมาจากคอมมิค หรือจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่ดีซี หน่อยๆน่าจะรู้เรื่องกว่า และอาจสนุกได้เต็มหน่วยกว่า (แต่กลับกันแฟนคอมมิคบางคนอาจไม่ชอบบางอย่างก็ได้ ขัดใจกว่าว่างั้น) อันนี้...ผมก็เป็นพวกกลางๆค่อนไปทางไปใช่แฟนคอมมิคมากกว่า แต่ก็คิดว่าการเชื่อมเรื่องไปสู่จักรวาลดีซีถึงจะไม่คิดว่าถึงกับเนียนดี แต่ก็ไม่ได้ขัดตาขัดใจอะไร ก็คิดว่าแบบนี้ก็ใช้ได้ หลายๆอย่างก็สนุกดี
- อีกอย่างที่ชอบคือดนตรีประกอบครับ ดูขึงขังจริงจังและมีสำเนียงของตัวเองดีเหมือนกัน อันนี้ชอบ
- ดูผ่านๆก็โอเคๆ ต่อไปเราจะบ่นบ้างแล้วนะ
- อืม อันที่จริงดูรวมๆแล้วเราไม่ได้ไม่ชอบอะไรหลักๆ คือโครงเรื่องก็โอเค ตัวแสดงโอเค การกำกับเอาจริงๆก็โอเค คือปกติไม่ได้คิดว่า แซ็ค สไนเดอร์ เล่าเรื่องเอาดราม่าหรือกลวิธีอะไรได้แบบดีมากอยู่แล้ว คือสไตล์นำและเล่นใหญ่ซะเป็นส่วนมาก ซึ่งที่ผ่านมาคือ 300 นี่คือเป็นสูตรผสมกับการกำกับของแกที่ลงตัวที่สุดแล้ว ดราม่าแบบมันต้องไปกับแอ็คชั่นและสไตล์ไปเลย แต่เรื่องอื่นมันไม่ได้เสริมส่งกันขนาดนั้น แต่ WATCHMEN ก็คิดว่าก็ใช้ได้ (และก็ยังไม่ได้ดู DAWN OF THE DEAD รีเมค) เพราะงั้นส่วนนี้ก็ไม่ได้ว่าจะมาติอะไรกันมาก คิดว่าการคุมโทนให้หม่นๆขึงขังก็คิดว่าใช้ได้ สโลว์อะไรก็ไม่ได้จะมากจนรำคาญอะไร และคิดว่าหลายท่อนก็มีดีอยู่ แต่ก็อย่างที่บอกบางอย่างก็ยังรู้สึกว่ามันใหญ่ไปหน่อย เรื่องจริงๆจะว่าไปก็เยอะ แต่ก็คิดว่าที่เอามาเล่านี่ แม้อาจต้องใช้เวลาเตรียมโน่นแนะนำนี่ อธิบายกันเยอะไปบ้าง บางส่วนรวมๆก็อาจรู้สึกเยิ้นเย้อไป แต่ส่วนตัวก็ไม่ถึงกับไม่ไหวแล้วโว้ยทนไม่ได้อะไรแบบนี้ คือยังโอเคอยู่ ดราม่าในเรื่องโอเค ยกเว้นจุดสะดุด ซึ่งจะพูดถึงต่อไป
- สิ่งที่สะดุดจริงๆเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆระหว่างทางมากกว่า มีตัวหลักสองคนที่เกี่ยวเยอะหน่อย หนึ่งคือ เล็กซ์ ลูเธอร์  อย่างที่บอก ลุคกับคาแรคเตอร์นี่โอเค ที่สะดุดคือ (หลังจากตรงนี้คืออาจเสี่ยงสปอยล์เป็นส่วนใหญ่นะ แต่จะพยายามเลี่ยงๆ) เหตุผลที่ เล็กซ์ ลูเธอร์ ประกาศการเป็นวายร้าย คือ...อาจจะด้วยความที่เล็กซ์ ลูเธอร์ ด้านหนึ่งก็คล้ายๆแบทแมน เป็นแค่คนธรรมดา ที่มีข้อได้เปรียบบางอย่าง ในที่นี้คืออาจจะรวย เหตุผลของ เล็กซ์ ลูเธอร์ ที่แพลมออกมาสำหรับเราคือมันเลยดูง้องแง้งไปหน่อย แบบวายร้ายในเรื่องอื่นๆ สิ่งที่น่ากลัวจริงๆอาจจะมาจากตัววายร้ายเองเลย คือ เก่งโคด น่ากลัวโคด เป็นความสามารถเชิงกายภาพไรแบบนี้ อาจไม่ลึกเท่าไหร่แต่ก็ช่วยให้มันร้าย แต่ เล็กซ์ ลูเธอร์ ว่าไปน่าจะดูคล้ายกับ โจ๊กเกอร์ (ในแบทแมนโนแลน) มากกว่า แต่เผอิญตัวเปรียบแบบนี้มันกระดูกไปหน่อย คือ ในขณะที่โจ๊กเกอร์ไม่ได้มีความสามารถทางกายชัดเจน แต่มันเป็นวายร้ายที่วายร้ายจริงๆ คือเราไม่ได้รู้สึกว่ามันสร้างความร้ายกาจได้ด้วยความรวยด้วยนะ แต่มันร้ายเพราะมันร้าย คือน่ากลัว แต่กับ เล็กซ์ ลูเธอร์ พอดูไปเรื่อยๆ พอรู้เหตุผลของตัวเขา เรารู้สึกว่ามันไม่เชิงร้าย ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ คือมันแบบ ไม่รู้จะบอกไงดี คือมันง้องแง้งน่ะ... บอกไม่ถูก ถ้าแบบ ปล่อยมันร้ายไปก่อน ไม่ต้องอธิบายก่อนอาจจะดีกว่าก็ได้ คืออาจจะซวยที่เราดันไปนึกถึงโจ๊กเกอร์ก็ได้ เพราะงั้นพอมันนำไปสู่ท้ายๆไคลแม็กซ์เราก็เลยแบบ แทนที่จะลุ้น แบบ ชิหายแล้ววว ก็เป็นแบบ เวร... อะไรแบบนี้มากกว่า
- อีกส่วนที่เกี่ยวกับ เล็กซ์ ที่สะดุดเยอะหน่อยคือ ตอนพยายามเข้าไปในยานต่างดาว คือ โอเคว่าเรื่องมันก็แบบพยายามแสดงให้เห็นด้านฉลาด วางแผน ของ เล็กซ์ แต่อันนี้ที่สะดุดคือก็ยังรู้สึกว่า เออ ทำไมมันง่ายจังวะ ง่ายกว่าระบบของโลกมนุษย์ตรูอีกมัง เอ็งไม่ตรวจสอบอย่างอื่นเลยเรอะ เสียงงี้ ไรงี้ คือ จะแต่งอะไรก็ได้ใช่ไหม ก็น่าจะโม้ให้มันซับซ้อนกว่านี้หน่อย แปลงเสียงเผื่อไว้ โฮโลแกรมเผิ่อไว้ แฮก (จ้างคนมาแฮกแล้วเจี๋ยนแมร่งทิ้งก็ได้) อะไรก็ว่าไป อาจจะคิดว่าแค่นี้ก็เยอะแล้ว นั่นก็ใช่ แต่ก็แบบพอปล่อยมาแบบนี้ มันก็ง่ายไปอีก เอ่อ เอาว่าจริงๆจำ MAN OF STEEL ไม่ได้แล้ว ไม่รู้มันก็ควรสะดุดแต่ตอนนั้นแล้วรึเปล่า แต่ถ้ามีที่ขัดกันแบบนี้ ก็อาจจะขัดมาแต่ตอนนั้นด้วยก็ได้ แต่จำไม่ได้แล้ว เพราะที่ไม่อินหนักๆดันเป็นเรื่องอื่นมากกว่า
- พอเป็นแบบนี้เรื่องอะไรที่เกี่ยวๆกับตรงนี้ คือมันดูเป็นส่วนสำคัญด้วยไง ซึ่งนำไปสู่ไคลแม็กซ์ด้วยมันก็เลยอดรู้สึกขัดๆไม่ได้ แถมพอมาจริง ก็ตกใจนิดๆ (แม้จะเดาจากตัวอย่างหนังมาแล้วก็ยังอุตส่าห์ปัดทิ้งไป) ว่า เฮ้ย ตกลงมาเป็นไอตัวนี้หรอกเหรอ?! แต่อันนี้จริงๆไม่อะไรมาก อาจขัดนิดผิดหวังหน่อย แต่พอ WONDER WOMAN มาก็หยวนๆ (อ่าว เอ็ง)
- อีกหนึ่งท่านคือซูเปอร์แมน คือ จริงๆคิดว่านี่เป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่เล่ายากที่สุดเหมือนกัน เพราะมันเก่งเกิน เล่าแล้วมันหลุดง่าย ซึ่งบางทีก็หยวนๆ แต่ในที่นี้มันคล้ายๆกับที่รู้สึกใน MAN OF STEEL ว่ามันขัดกันแล้วดันรู้สึกขึ้นมา เลยสะดุดเลย คือ มีช่วงที่ทำให้สงสัยว่า ตกลงซูเปอร์แมนได้ยินแต่เสียงแฟนรึไงฟระ?! คือคิดว่าถ้าได้ยินขนาดนี้หลายอย่างน่าจะแก้ได้ง่ายๆโดยเฉพาะดันไปขัดในช่วงสำคัญซึ่งเราดันรู้สึกว่ามันแย้งกับเหตุก่อนนี้ไม่นานชัดไปหน่อย แล้วมันก็เลยเป็นปัญหาช่วงสำคัญอีกแล้ว คือไปทำให้เราสงสัยในส่วนสำคัญของหนัง
- ก็เลยลามไปคิดถึงส่วนอื่นๆด้วย (ดันสงสัยส่วนสำคัญมันเลยกระเทือนเลยทีนี้) เช่น สงสัยว่าถ้าซูเปอร์แมนสงสัยเรื่องแบทแมน(จริงๆไม่ต้อง)ดักฟังเอา(ฟังเฉยๆเลย)ก็ได้รึเปล่าฟระ?! แบบนั้นก็รู้ความจริงหมดแล้วไหม???!!!! ไม่ต้องมีเรื่อง... กรำ... - -  แต่อันนั้นถือว่าก็เกินไป จริงๆชอบการเจอกันของซูเปอร์แมนกับแบทแมนในเรื่องนี้เหมือนกัน เช่น ชอบฉากที่เจอกับแบทแมนทีแรกพร้อมแบทโมบิลแล้วปัดทีเดียวเละ ไรงี้ พอมาถึงท้ายๆเลยเสียดายฉากสำคัญหลังๆนิดๆ คือรู้สึกว่าแบทแมนน่าจะทุ่มเทกับการต่อกรกับซูเปอร์แมนเยอะ คือจะใช้แบบที่เห็นในหนังก็ได้แหละ แต่เสียดาย น่าจะให้เห็นถึงความทุ่มเทเอาคืนแบบเจ๋งๆซ้อนเข้าไปอีกนิด เช่น ก่อนจะใช้ไม้สุดท้ายแบบในหนัง ขอแบบดึงพลังทั้งเมืองเลยก็ได้ รับซูเปอร์แมนได้ซักหมัด แล้วค่อยเห็นท่าไม่ดีแล้วใช้แบบในหนังก็ได้ (คือ ก็ไม่รู้ว่าแบบนั้นแล้วเอ็งจะเปลี่ยนไปสงสัยแทนไหมว่าชุดมันทำด้วยอะไรถึงทนได้? แต่ก็เอาน่า ก็โม้อะไรไป คลื่นแม่เหล็กอะไรไปซะหน่อยก็ทำๆไปเถอะ) คือมันเสียดายว่าแบบนี้มันมีอยู่ไม้เดียวที่ใช้ได้อ่ะ อันนี้ไม่อะไรนัก ไม่ถือว่าเป็นข้อเสีย แค่เสียดายมากกว่า (เรื่องเรื่องเยอะขอให้ลืมไป ก็เยอะขนาดนี้แล้วก็ทำๆไปเถอะ แต่คืออีกเรื่องก็ไม่รู้ว่างบหมดรึเปล่า?...)
- ก็เอาใหญ่ๆพอก็มีประมาณนี้ครับ (แค่นี้ก็เยิ้นเย้อราวกับหนังแล้วเลย - อ่าวเฮ้ย!) ก็อย่างที่บอกรวมๆเลยคิดว่าก็โอเค อาจมีที่รู้สึกหนืดบ้าง แต่หนังก็มีช่วงที่ถือว่าดีอยู่แหละ ไอเดียหรืออะไรก็โอเค ความอีพิค(อีปริก)อะไรก็โอเค แต่พอมาสะดุดอะไรสำคัญๆแล้ว มันเลยโดนข้อหาคล้ายๆ MAN OF STEEL เลย (ทั้งที่ก็อุตส่าห์มาแก้ความงุนงงของเรื่องนั้นไปแล้ว เวงกำ) แต่ก็โอเคกว่าที่จุดมันไม่ได้เป็นจุดใหญ่ขนาดนั้น แต่จะว่าไม่กระทบเลยก็เลยไม่ได้น่ะนะ หนังโทนซีเรียสก็เล่นยากแบบนี้ล่ะนะ มาเล่นๆชิลๆกลบกันน่ะมันก็ยากอยู่ (ดูสี่กายสิทธิ์ซิ)
- สุดท้าย ไม่ได้พูดถึง เอมี่ อดัมส์ ในบท โลอิส เลน เลย พูดตอนเริ่มแล้วก็หาย เพราะจะเก็บไว้ท้ายสุด ว่าดูๆไปทีแรกก็รู้สึกว่าในเรื่องนี้การแสดงของเธอก็ไม่อาจดึงพ้นจากความเป็น โลอิส เลน ตามเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆได้ เลยแบบ อืม... แต่สุดท้าย แม้บทจะไม่ได้ส่งอะไรเธอ และในเรื่องนี้ก็รู้สึกว่าเธอจะไม่ได้ทำอะไรมาก จนแอบเกือบผิดหวังในทีแรก แต่ในตอนท้ายเธอก็ยังเป็นคนที่ส่งความสะเทือนใจมาให้รับรู้และทำให้ความรู้สึกของหนังหนักแน่นขึ้นได้อยู่ดีหน้าตาเฉย ทั้งๆที่เราก็มีข้อสงสัยเกี่ยวกับโน่นนี่เต็มไปหมด สุดท้าย...คนดูอย่างผมก็มาแพ้อีตรงนี้อีกจนได้ ทั้งๆที่หนังก็จะจบแล้วเชียว เฮ้อ... จะโทษใครได้... สุดท้าย เอมี่ อดัมส์ ก็มาฉุดคะแนน(แม้จะนิดหน่อย)ให้ BATMAN V SUPERMAN ไว้อีกจนได้ เวรกรรม...

ก็ สรุปว่า แม้อภิมหาโปรเจ็คท์เอพิคเรื่องนี้อาจไม่ได้ใจผู้ชมไปเต็มๆ บางคนก็คงชอบ บางคนก็คงไม่ แต่รวมๆผมก็โอเคครับ ดูพอได้ ไม่ได้ชอบหนัก ไม่ถึงกับจะผิดหวัง การเดินเกมของวอร์เนอร์แบบนี้ที่จะไปต่อกรกับจักรวาลมาเวล ซึ่งต่างไปจากแนวทางของมาเวลที่เขาไปไกลมาก่อนจนจะปิดเฟสสองกันแล้ว ก็ดูน่าสนุกดีอยู่นะ และก็ดูเป็นข้อดีที่เรื่องแยกถัดไปของจักรวาลดีซีจะเป็น WONDER WOMAN นะครับ เพราะ กัล กาดอท เธอก็ออกมาแนะนำตัวให้ผู้ชมได้รับรู้กันแล้วเป็นอย่างดี (อย่างที่บอก จริงๆตัดเธอไปก็ได้ แต่การมีอยู่ของเธอในหนังเรื่องนี้ก็ช่างทรงอิทธิพล) แต่ว่าจริงๆเรื่องถัดไปที่จะได้เจอก่อนในจักรวาลมาเวล คือ SUICIDE SQUAD แบบมาเวลปล่อยฮีโร่มาทีละคนอย่างดีแล้วค่อยมารวมกัน วอร์เนอร์ขอเอาดีซีแหวกมาก่อนด้วยการจู่ๆก็รวมกัยก่อนเลยแถมไม่ใช่รวมฮีโร่ด้วย แต่เป็นรวมวายร้าย ซึ่งนี่ก็ยังน่าสนุกดี และถ้าพี่เบนแกจะไปสานต่อเปิดรีบูทแบทแมนใหม่ของแกจริงๆอย่างที่เคยมีแพลมๆ เท่าที่เซ็ตลุคโน่นนี่มาใหม่นี่เราก็โอเคนะ (แม้แกจะทำหน้าเซ็งๆตอนสัมภาษณ์ในหนังเรื่องนี้ก็ตาม (ดูวิดีโอ และฉบับบิ๊วด์มอร์ฟอร์อัฟเฟลค)) แม้น่าจะต้องเหนื่อยหน่อย (ก็พี่ทำต่อจากเฮียโนแลนเขาน่ะนะ มันก็ต้องมีกดดันกันบ้าง) แต่คิวเมื่อไหร่ไม่รู้... และสำหรับพี่แซ็ค ความไม่พลาดอย่างนึงของพี่ก็ยังคือการแคส เอมี่ อดัมส์ มาในบท โลอิส เลน นะฮะ เธอมาครั้งหน้าขอบทเมพๆแน่นๆให้เธอมากกว่านี้หน่อยจะพีคมากเลยครับ สำหรับเรื่องนี้ เปิดศักราชใหม่จักรวาลดีซีเอพิคใช้ได้ เอาไป 7.4 คะแนนละกัน 

ส่วน...คนที่ไม่ได้พูดถึงเลยก็ไม่ต้องเสียใจ (เขาก็คงไม่ได้มาอ่านอยู่แล้ว) คือก็เพราะไม่ได้มีอะไรให้ติ และให้ชมเป็นพิเศษน่ะครับ (แบบนี้มัน...น่าดีใจไหมเนี่ย...) เอาเป็นว่า ก็รอดูหมากตาถัดๆไปของวอเนอร์ในการนำซูเปอร์ฮีโร่ค่ายดีซีมาขึ้นจอต่อกรกับ ค่ายมาเวลในกำมือดิสนี่ย์ต่อไปกันดีก่า (ในขณะที่ฟอกซ์ก็เปิดปีได้ดีไปกับเกรียนบรรลัยใส่ชุดแดงไปแล้ว - รอพิสูจน์ X-MEN ปิดไตรภาคที่สองต่อไป) 


นึกถึง

อันแรกคือใครยังไม่เคยดู MAN OF STEEL ก็น่าหามาดูกันนะ เพราะถือเป็นภาคก่อนของหนังเรื่องนี้แหละ


จริงๆถ้าพูดถึงคอมมิคของ BATMAN กับ SUPERMAN เมื่อก่อนก็เคยมีฉบับลิขสิทธิ์แปลไทยโดยเนชั่นเหมือนกัน ซึ่งก็มีเล่มสำคัญๆของทั้งคู่หลุดมาด้วย บางอย่างบอกมาก็จะสปอยล์ได้ แต่เอาจริงๆตอนนี้ก็น่าจะหาอ่านของเนชั่นยากเอาการอยู่ ของซูเปอร์แมนพอจำได้ แต่ผมเองก็ไม่ได้ตาม เลยไม่แน่ใจว่าเล่มสำคัญอย่างเช่น THE DARK KNIGHT RETURNS ของ FRANK MILLER ที่ก็เป็นแรงบันดาลใจสำคัญของแบทแมนขึ้นจอหลายเวอชั่น นี่ตอนโน้นเนชั่นได้จัดแปลและพิมพ์ออกมาด้วยรึเปล่า? (คุ้นๆว่าจะแปล แต่ก็ไม่ชัวร์ แต่เล่มนี้เหมือนจำไม่ได้ว่าได้อ่านเหมือนกันแฮะ แบบลางๆ)





ส่วนประเด็นของ อภิมหาพลังของซูเปอร์ฮีโร่นี่ ควรไปหาดู WATCHMEN อย่างยิ่ง (หรือไม่ก็หาอ่านฉบับคอมมิคซะเลย) ซึ่งทำไปทำมาดูประเด็นแบบเดียวกันที่ก็คล้ายๆกับใน BATMAN V SUPERMAN อยู่มากเหมือนกัน (จริงๆ WATCHMEN ของอีกหนึ่งตำนานคอมมิค อลัน มัวร์ นี่ก็ของค่ายดีซีนะ) แต่ถ้าดูกันแบบนี้ยิ่งเป็นหนังของ แซ็ค สไนเดอร์ เหมือนกันอีกตะหากก็ดูเหมือนเฮียจะเผลอมาเล่นซ้ำประเด็นเดิมไปซะแล้วเหมือนกันนะเนี่ย เอาจริงๆถ้าดูแบบสำรวจประเด็นนี้จริงๆ WATCHMEN  อาจน่าสนใจกว่าด้วย (ทั้งที่แทบจะทั้งร้อยบอกว่าฉบับหนังนั้นสู้คอมมิคไม่ได้เลยด้วยนะ)

แถมเรายังน่าจะได้เห็นประเด็นในทางคล้ายๆกันใน CAPTAIN AMERICA : CIVIL WAR ที่ไม่นานก็จะมาเข้าโรงแล้วเหมือนกันอีกตะหาก (แหม่ ดีซีวางหมากชิงไปก่อนแฮะ จริงๆอาจไม่คล้ายกันเท่าไหร่ก็ได้) ก่อนที่น่าจะขยายประเด็นนี้ต่อไปอีกใน INFINITE WAR ไปอีก ทำไปทำมาถ้าทั้งสองค่ายเลี้ยงหนังตัวเองไปได้เรื่อยๆ ซักวันอาจได้ข้ามค่ายมาเจอกันประดุจดังในคอมมิคก็เป็นได้ แม้จะ(โคตร)น่าห่วงเรื่องค่าตัวไม่พอ (แค่แยกค่ายก็ไม่พออยู่แล้ว...) แต่ถ้าเลี้ยงความนิยมไปได้ถึงตอนนั้นแล้วหนังเกิดขึ้นได้จริงก็มีความเป็นไปได้ที่แฟนๆจะยกกันไปถล่มโรงได้เหมือนกัน...

เอาว่า...อย่าคิดไกล... แค่ดูคิวล่วงหน้าที่เขามีตอนนี้ก็ขี้เกียจจะแย่แล้ว (อ่าว) รอดูใกล้ๆนี่อย่าง  CAPTAIN AMERICA : CIVIL WAR  นี่ไปก่อนละกันครับ ก็บอกแล้วว่ามัน มินิ AVENGERS ดีๆนี่เอง

ส่วนหนังเฮีย แซ็ค สไนเดอร์ ที่ก็บอกแล้วว่าแกชอบเล่นใหญ่ บางครั้งมันก็ไม่ค่อยจะลงตัวกันเท่าไหร่กับเนื้อหาของหนัง (หลังๆเลยกลายเป็นไม่หวังเรื่องนี้มากไปเอง - อ่าว) เรื่องนึงที่นึกถึงคือ SUCKER PUNCH ที่แม้จะเต็มไปด้วยสาวๆ ฉากแอ็คชั่น และคอนเซ็ปท์สุดอหังการ แต่ผมก็หลับ (อ่าว) ทั้งที่ตั้งใจไปดู ซึ่งก็น่าเสียดายนิดหน่อย แต่บางคนอาจจะชอบก็ได้ และถ้าไม่อะไรมากมันก็เป็นหนังเรื่องน้อยเล่าใหญ่ที่เอ็กซ์ตรีมสุดขอบดีเหมือนกัน ที่ได้ปล่อยออกมาในช่วงที่เฮียมือขึ้น จริงๆก็เป็นหนังน่าสนใจที่น่าลองดูซักหนนะครับ ว่าใครจะชอบจะชังอย่างไร สาวๆไม่ได้แย่นะ ใครไม่ชอบโทษเฮียแซ๊คไว้ไปก่อน (อ่าว)



และอย่างที่บอก เรื่องถัดไปในจักรวาลมาเวล ก่อนการรวมตัวของเหล่าฮีโร่ เราจะได้เจอการรวมเหล่าวายร้าย (มาจัดการวายร้ายอีกที ประมาณหนามยอกเอาหนามบ่ง มัง...) กันก่อนซะเลย ใน SUICIDE SQUAD ครับ โปสเตอร์เวอชั่นนี้ก็ดูเท่ดีเหมือนกัน

นำทีมโดย มากอต รอบบี๊ ในบท ฮาลีย์ ควิน และ จาเรด เลโต้ ในบทอหังการโจ๊กเกอร์ (ซึ่งแค่วีรกรรมในกองถ่ายแกในการเป็นโจ๊กเกอร์นี่ก็พีคมากแล้ว อย่างน้อยก็มาดูกันว่าแกจะมาสานต่อการรับบทอันเป็นตำนานของ ฮีธ เลดเจอร์ กันแบบไหน) จริงๆ วิล สมิธ ก็แสดงด้วยนะในบท เดดช๊อต แต่ไม่รู้ทำไมผมจำสองคนแรกได้บ่อยกว่าซะงั้น... - -  สงสัยมักเห็นพี่แกในมาดหน้านิ่งๆเฉยๆ(จืดๆ)เลยจำไม่ค่อยได้ (นึกถึงหน้าพี่เบนตอนให้สัมภาษณ์อีกที)

ซึ่งก็อย่างที่บอก ว่าการเดินเกมของวอร์เนอร์ในการเอาตัวละครดีซีขึ้นจอก็น่าสนุกดี เอาว่าเราก็หวังว่าหนังน่าจะออกมาสนุกตามหน้าตาของมันเนาะ อย่าให้พลาดติดกันมากๆละกัน แผนน่าสนุกแค่ไหน หนังเจ๊งเยอะเข้าก็จอดนะจ๊ะ... (ยังโอเคที่ยังไงซะ BATMAN V SUPERMAN - DAWN OF JUSTICE ก็เปิดตัวได้อู้ฟู่ดีในอเมริกาและหลายประเทศไปแล้วนะฮะ - ยังไงก็กรุณากลับไปดูหน้าพี่เบนไว้ด้วย 55)


พล่ามเยอะแล้ว นึกถึงไว้แค่นี้ก็พอแล้วแหละ ต่อไปมาของแถมกันดีกว่า


ของแถม

สำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนๆคอมมิคมาก่อน และสนใจอยากรู้เรื่องราว (อะไรที่มันใส่กันมานักหนาฟระ) เพิ่มเติม ลองอ่าน (แต่มีสปอยล์นะ) หัวข้อ ไขปริศนา! ความฝัน บรูซ เวย์น บอกอะไรเราบ้าง หรือเป็นการปูทางสู่ Justice League !? (ที่เฮียแซ็คก็ยังน่าจะกำกับ) กันดูได้


ในหนังเห็นกันไม่ชัด ไหนๆก็ไหนๆ GOOGLE พาทัวร์ถ้ำค้างคาวของ บรู๊ซ เวนย์ ผ่าน GOOGLE MAPS ฮะ
'คฤหาสน์หรูแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ Orion Charter Township รัฐ Michigan ซึ่งห่างจากเมือง Gotham อยู่พอสมควรเลยทีเดียว ซึ่ง Google Map Street View นั้นพาเราเข้าไปชมทุกซอกทุกมุมของบ้าน และทางลงไปสู่ถ้ำค้างคาว ที่เราจะได้เห็นฐานที่มั่นของ Batman, ลานจอด Bat Mobile และห้องเก็บชุดเกราะ Bat suit (ในห้องนี้อาจจะมีสปอยล์หนังเล็กๆ นะครับ)'
อ่านข่าวและดูได้จาก ที่นี่ เลย

หรือลองอ่านวิเคราะห์จิตวิทยาตัวละครกันดูเพลินๆได้ที่ DEEPFILM ที่นี่


ก็แถมไม่เยอะอะไรนะ...

ปล. ตอนไปดูผลีผลามไป พอไปถึงช่องขายตัว อารามตกใจพอเขาถามจะดูเรื่องอะไร นึกไม่ออกกันดื้อๆ นึกซักพักบอก DAWN OF JUSTICE ครับ พนักงานทำหน้างง บอกไม่มีค่ะ เราก็ชิหายแล้ว มันชื่อนี้จริงป่าวฟระ?! ซักพักพนักงานจึงพูดต่อ(คงเห็นอีนี่หน้ามึนไป) มีแต่แบทแมน เออ ในชื่อมันก็มี BATMAN V SUPERMAN นี่หว่า ก็บอกง่ายกว่ากันเยอะเนาะ... ครับเรื่องนี้แหละครับ...

สุดท้าย ลงโปสเตอร์เวอชั่น WONDER WOMAN ไว้ซะหน่อย (เพื่อ)
ก็เดี๋ยวไม่ครบไง ข้างบนมีสองคนแล้วนี่...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น