วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

[ภาพยนตร์] THE JUNGLE BOOK เมาคลีลูกหมาป่า : มนต์ดิจิทัลรังสรรค์ เสกสิงสาราแลป่ามันช่างมหัศจรรย์



ยังดีที่มีรอบเหลือให้ดู แม้ความหวังได้ดู 3D จะไม่หลงเหลือก็ตาม (IMAX ยิ่งไม่ต้องพูดถึง) แต่ภาพในหนังก็สวยมากพอแล้วที่จะไม่ต้องพะวงถึงว่าลิ้นงูจะได้ฉกเข้าหน้าเรารึเปล่า (เพื่อ?)

แม้ตอนแรกจะไม่ได้อะไรนักกับการประกาศการเอาการ์ตูนคลาสสิคของดิสนี่ย์อย่าง THE JUNGLE BOOK หรือในชื่อไทยว่า เมาคลีลูกหมาป่า นัก ซึ่งก็คิดแค่ว่าเป็นเทรนด์เอาของเก่ามาทำกินใหม่แค่นั้น แถมเรื่องนี้ก็ไม่น่าจะมีคาแรคเตอร์อย่าง MALEFICENT ที่ขุ่นแม่มากจนเอาหนังอยู่ได้โดยคาแรคเตอร์ ทั้งๆที่แม้ดิสนี่ย์จะหากินแต่ก็ไม่ค่อยจะพลาด ไม่ว่าจะ MALEFICENT หรือ CINDERELLA ก็ตาม เรียกว่าไม่ได้มาทำอะไรชุ่ยๆ

แต่เท่านี้ก็ยังไม่อะไรนัก ขนาดว่ามีโปรโมทดาราที่มาพากย์เสียง อย่าง บิล เมอเรย์ ก็ยังแค่รู้สึกว่าเป็นกิมมิค เป็นพลังโปรโมทเท่านั้นรึเปล่า? มี สกาเล็ต โจแฮนสัน เราก็ยังไม่ค่อยอะไร ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจเพราะการ์ตูนอนิเมชั่น THE JUNGLE BOOK (ที่นำคาแรคเตอร์และเรื่องราวมาจากหนังสือรวมเรื่องในพงไพรของ รัดยาร์ด คิปลิง อีกที) ของดิสนี่ย์เองตั้งแต่ปี ค.ศ. 1967 โน่นก็ถือเป็นงานคลาสสิคที่ดูสนุกแม้เวลาจะผ่านมาเป็นสิบๆปีแล้วก็ตาม และมันก็สร้างภาพจำไว้มากมาย ที่รู้อีกเรื่องคือหนังกำกับโดย จอห์น แฟพโร ผู้กำกับ IRON MAN ภาค 1 และ 2 (และ COWBOYS & ALIENS) แค่นั้น ซึ่งก็ยังไม่ได้เป็นแฟนหนังพี่เขาขนาดนั้น

แต่สุดท้ายตัวหนังก็ทำได้สมคำร่ำลือ หนังสนุกมาก

ตัวหนังน่าจะสร้างจากพิ้นฐานอนิเมชั่นของดิสนี่ย์เอง ซึ่งในพอศอนี้แทนที่จะเป็นงานวาดมือมันก็ถูกเสกสรรด้วยคอมพิวเตอร์ดิจิทัล ซึ่งสร้างทั้งป่าและสิงสาราสัตว์ออกมาได้อย่างวิจิตร ตัวละครแทบทุกตัวซึ่งเป็นสัตว์ในป่าใหญ่จึงมีชีวิตผ่านคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำได้มีชีวิตชีวามาก
แม้แรกๆเราจะยังรู้สึกว่ามันเป็นตัวละครคอมพิวเตอร์สร้างอยู่บ้าง อาจด้วยท่าทางของตัวละครเหล่านี้แม้จะถอดแบบมา(ให้เรารู้สึก)เหมือนสัตว์จริงๆมากๆ แต่กริยาอาการบางครั้งก็ต้องถอดแบบมาเป็นอาการแบบมนุษย์หรือแบบที่เราเห็นจากอนิเมชั่นด้วย (เช่นจังหวะการเหลือบตามอง สีหน้าสีตา การขยับเนื้อตัว หรือการแสยะแยกเขี้ยว ฯลฯ - ใช้คนทำหลาย(ๆๆ)คนนะครับ) แต่ตัวละครสำคัญที่ปรากฏตัวแต่แรกหลายตัวก็ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตและดูเป็นธรรมชาติมาก เช่น ตัวละคร รักชา ตัวละครเหล่านี้ จึงมอบชีวิตจิตใจให้กับสิ่งที่เห็นบนจอได้ตั้งแต่แรกๆ พร้อมไปกับความคุ้นเคยกับตัวละครสิงสาราสัตว์ทั้งหมดบนจอมากขึ้น จนในภายหลังเราก็ไม่รู้สึกแปลกแยกกับตัวละครเหล่านี้แล้ว แถมยังติดตามการผจญภัยของเมาคลีกับเพื่อนพ้องเหล่านี้ไปได้อย่างสนุกสนาน

การที่เรื่องราวเกิดขึ้นในป่าดงซึ่งต่างไปจากการบุกไปท่ามกลางสิ่งก่อสร้างของมนุษย์นั้นเป็นสถานที่ที่สร้างบรรยากาศการผจญภัยได้เสมอ มันมีทั้งความงาม ลึกลับ และอันตราย (แบบที่เราก็ได้เห็นกันมาแล้วในหนังหลายเรื่อง เช่น ศาสตราจารย์โจนส์คนนั้น) แน่นอนว่า 'ป่า' หนึ่งตัวละครสำคัญในที่นี้ก็ยังเป็นการรังสรรโดยคอมพิวเตอร์ (ซึ่งอันนี้ก็น่าทึ่ง) และในที่นี้ ต้องขอยอมรับวิสัยทัศน์ของ จอห์น แฟพโร ที่เข้ามากุมบังเหียน การนำเอา 'คลาสสิค' ในอดีตมาขึ้นจอ โดยบรรยากาศของทั้งสภาพแวดล้อม เรื่องราว รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ แอ็คชั่น ความกระฉับกระเฉง และการผจญภัยนั้นถูกถ่ายทอดออกมาได้สนุกสนานมากๆ แม้ว่าเนื้อเรื่องเหล่านี้อาจไม่ถึงกับสดใหม่ถอดด้าม แต่องค์ประกอบทั้งหมดที่ถูกเล่าออกมาทำให้มันมีความสดใหม่ในการติดตามชมได้จริงๆ

และอีกอย่างที่ปฏิเสธไม่ได้คือตัวละครคอมพิวเตอร์สร้างเหล่านี้ แม้จะสร้างท่าทางการขยับเคลื่อนไหวได้ดีมีชีวิตชีวาขนาดไหน แต่สิ่งที่ช่วยเติมชีวิตชีวาให้ตัวละครเหล่านี้ให้สมบูรณ์ได้จริงๆก็คือนักพากย์ และเหล่านักพากย์ก็ทำหน้าที่ในเรื่องนี้ได้ดีมากๆๆ (เป็นอีกหนังวิสัยทัศน์ที่เยี่ยมจริง) อย่าง บิล เมอเรย์ ที่พากย์เป็นบาลู นั้นทีแรกผมก็คิดว่ามันจะแทนภาพบาลูในอนิเมชั่นดิสนี่ย์ได้ง่ายๆเร้อ? แต่เอาเข้าจริงพอเห็นบาลูไปซักพักทั้งจังหวะการพูด ความรู้สึก ความกวน ฯลฯ ในน้ำเสียง ถูก บิล เมอเรย์ ถ่ายทอดออกมาในตัวบาลูได้มีชีวิตชีวามากๆ จนบาลูมีชีวิตใน THE JUNGLE BOOK เวอชั่นนี้ร่วมผจญภัยไปกับเมาคลีได้อย่างสนุกสนานน่าประทับใจจริงๆ นักพากย์คนอื่นๆในบทสำคัญทุกคนก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากๆ ทั้ง เบน คิงสลีย์, ลูพิตา ยองโก, ไอดริส อัลบา, คริสโตเฟอร์ วอลเคน, สกาเล็ตโจแฮนสัน (ตอนพากย์นี้ แม้จะเห็นหน้าเธอลอยมาด้วย(นี่มันดีรึไม่ดีนะ?-สำหรับผมก็ดีนะ?) แต่ก็ยังรู้สึกว่านี่คือ 'คา' จริงๆ) และอื่นๆ (จำได้เท่านี้ต้องขออภัย) แม้บางตัวละครอาจมีเวลาบนจอไม่มาก แรึเปล่าต่ก็ถ่ายทอดคาแรคเตอร์ออกมาได้อย่างน่าจดจำ กระทั่งตัวละครจุ๊กจิ๊กเล็กๆน้อยๆก็สร้างชีวิตและความสนุกสนานยนจอได้เป็นอย่างดี

อีกสิ่งหนึ่งที่อยากพูดถึงคือ แม้นี่จะไม่ได้เป็นการเทียบว่าเวอชั่นการ์ตูนคลาสสิคของดิสนี่ย์หรือเวอชั่นรีเมกเป็นภาพยนตร์ฉบับไหนดีกว่ากัน? คิดว่าแต่ละฉบับต่างมีความโดดเด่นเป็นของตัวเอง และในเวอชั่นนี้ก็ไม่ได้ถ่อยทอดมาตรงๆขนาดนั้น เป็นการปรับเปลี่ยนที่ลงตัวและน่าทึ่งทีเดียวซึ่งเพิ่มอารมณ์เข้มข้นสมจริงให้บรรยากาศของหนังด้วย แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือของดีที่ดิสนี่ย์มีอยู่เดิมนั้นก็ได้ทอดเงามาสู่เวอชั่นนี้ด้วย ซึ่งก็ให้ทึ่งทั้งดิสนี่ย์และ จอห์น แฟพโร ที่คิดไปเลยว่าเขาคงชอบเวอชั่นการ์ตูนดั้งเดิมเหมือนกัน จึงเอาสิ่งเหล่านั้นมาถ่ายทอดได้ขนาดนี้ ทั้งตัวละครที่ตีความมา ตัวเรื่องราวเอง และสิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้ในเวอชั่นนี้อีกอย่าง คือ บทเพลง ที่มาจากเวอชั่นเก่าด้วย อย่าง THE BARE NECESSITIES ที่นำมาถ่ายทอดในเวอชั่นนี้ได้อย่างลงตัว หรือกระทั่งในช่วงของราชาวานร ซึ่งอาจมีบางความเห็นว่ามันขัดอารมณ์ของหนังหรือไม่เข้ากันหรือเปล่า? แต่ผมก็ยังชอบมาก คิดว่ามันสนุกดีจัง (อาจเป็นความเอาแต่ใจของคนทำที่จะใส่ก็ได้ แต่ก็ชอบอะไรแบบนี้ แล้วก็คิดว่ามันก็ออกมาดีนะเลยชอบ)

แม้เมื่อดูๆไปเราก็คงคิดขึ้นมาเหมือนกันว่า เอ๊ะ จริงๆ THE JUNGLE BOOK เวอชั่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับอนิเมชั่นซักเรื่องเลยรึเปล่า? เพราะแทบทั้งหมดเป็นภาพดิจิทัลที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นมานี่นา?! (อย่างอนิเมชั่นบางเรื่องก็เหมือนกันที่สวยจนน่าตะลึง เหมือนจริงมากจนน่าตะลึง จนบางทีก็แอบคิดว่า แบบนี้ทำเป็นหนังจริงๆ(คืออะไรแล้วก็ไม่รู้?)ไปเลยดีกว่าไหม?) แต่ยังไงก็คงปฏิเสธไม่ได้ (ปฏิเสธไม่ได้เยอะจังฟระ) อีกเหมือนกันว่า บทเมาคลี ซึ่งแสดงโดย นีล เสฐี (NEEL SETHI) (โดยมีบทที่แสดงโดยนักแสดงอีกคนเดียว คือ ริเทศ ราชัน (RITESH RAJAN) แสดงเป็นพ่อของเมาคลี) ซึ่งแสดงได้มีชีวิตชีวาและคล่องแคล่ว (กับอะไรต่ออะไรหน้ากรีนสกรีน) นั้นก็เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องที่นำเลือดเนื้อและชีวิตมาให้เราสัมผัสกับบทบาทของเมาคลีก่อนจะได้สัมผัสกับตัวละครสิงสาราสัตว์อื่นๆ และเมาคลีก็เป็นหัวใจสำคัญของหนังไปจนจบเรื่องจริงๆ

เทคโนโลยีที่สร้างสรรเรื่องนี้ขึ้นจึงเป็นสิ่งน่าตื่นตะลึงอีกประการหนึ่ง เมื่อเราพบว่าไม่ว่าจะตัวละครสิงสาราสัตว์ที่เราติดตามไปทุกตัวหรือป่าดงนั้น ล้วนถูกสร้างขึ้นมาทั้งหมดโดยคอมพิวเตอร์ (ที่มีทีมงานเบื้องหลังนับร้อยชีวิต) คือยกเว้นเมาคลี แล้วแทบทั้งหมดเป็นภาพคอมพิวเตอร์สร้างล้วนๆ ซึ่งเป็นสิ่งน่าทึ่งอีกเรื่อง เมื่อคิดว่าแม้เดี๋ยวนี้การสร้างภาพแบบนี้จะเป็นเรื่องธรรมดาที่กระทั่งหนังเล็กหนังน้อยก็ยังมีส่วนที่ใช้ภาพคอมพิวเตอร์สร้าง(ทั้งที่บางเรื่องคิดว่าไม่น่าจะมี) และการสร้างภาพสัตว์มีชีวิตที่น่าตะลึงใช่จะไม่เคยมี แต่เมื่อพบว่าทั้งป่าและสัตว์มากมายในเรื่องนี้ซึ่งผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาขึ้นจอกันแทบจะตลอดเวลาทั้งหมดเป็นคอมพิวเตอร์สร้าง แถมยังทำให้เรารู้สึกไปกับตัวละครเหล่านี้ (โดยมีเสียงนักพากย์เติมชีวิต) มันก็ยังคงน่าตะลึงอยู่ดี

และหนังก็สนุกไปจนเครดิตจริงๆ สำหรับผมที่ยังนั่งดูเครดิตต่อสิ่งที่เป็นโบนัสอีกอย่างหนึ่ง คือได้ฟังเพลงที่ร้องโดย สกาเล็ต โจแฮนสัน ด้วย (เธอเคยออกอัลบั้มเพลงมาแล้วด้วยครับ) เป็นเพลงคัฟเวอร์จากฉบับดั้งเดิมเหมือนกัน (ทีแรกนึกว่าเป็นออริจินัลอีกต่างหากเพราะจำของเดิมไม่ค่อยได้) กับเพลง TRUST IN ME ซึ่งดูไปจนขึ้นรายชื่อเพลงช่วงท้ายก็ช่วยยืนยันว่าใช่เธอร้องจริงๆ  (ตอนฟังคำว่า TRUST IN ME ยังพาลไปคิดว่า เชื่อเถอะ แม้มันจะเป็นคอมพิวเตอร์สร้างก็ตาม อู้วว) เลิฟเลย

แถมเขายังไม่ลืมหยอดมุก(หรือแจ้งข้อเท็จจริง)ไว้ท้าย(แทบ)สุดด้วยนะว่า Filmed in downtown Los Angeles

(อ่านแล้วรู้สึก(เอาเอง)ประมาณรู้ไหมว่าตัวละครที่ตามมาจะเป็นจะตายไปกับเขา ป่าเป่ออะไรเนี่ย เรา(เสก)สร้างมากลางเมืองทั้งนั้นนะ)

แสบนะตัวเอง...

เป็นการรีเมกการ์ตูนคลาสสิคของดิสนี่ย์เองด้วยมนต์ดิจิทัลเทคโนโลยีอันน่าตะลึงของยุคปัจจุบัน การแสดงของเมาคลี และชีวิตชีวาของตัวละครจากนักพากย์ ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ในบรรยากาศของแอ็คชั่น ผจญภัย สนุกสนาน น่าทึ่ง มีทั้งความน่าประทับใจ และน่าจดจำ 8.5 คะแนน    

และ น่ากลัวว่าจะมีภาคต่อ...



นึกถึง
เอาจริงๆ งานคอมพิวเตอร์สร้างที่สร้างตัวละครน่าประทับใจได้ก็มีมานานนมแล้วเหมือนกัน บางตัวละครที่เป็นส่วนที่ชอบมากในหนังหลังๆก็มีอย่าง บัคบีค ในแฮรี่ย์ภาคอัซคาบาน แต่ก่อนหน้านั้นแม้จะไม่เต็มรูปแบบขนาดเดี๋ยวนี้ แต่ก็ยังสร้างตัวละครสัตว์พูดได้อย่างน่ารักน่าชังน่าประทับใจก็คงไม่พ้นจะต้องเป็นเรื่อง BABE หมูน้อยหัวใจเทวดา นึกถึงแล้วอยากไปหามาดูใหม่เลยเนี่ย กำกับโดย คริส นูแนน

(รู้ไปก็งั้นๆ - BABE มีภาคต่อด้วย โดยผู้กำกับคือ จอร์จ มิลเลอร์ ณ MAD MAX : FURY ROAD (ภาคอื่นก็ใช่) แถมแกยังเคยกำกับหนังอนิเมชั่นเพนกวินเต้นแท๊ปใน  HAPPY FEET ทั้ง 2 ภาคด้วยนะเออ #ได้ทุกท่า)


ส่วนอีกเรื่องที่แม้จะไม่มีสัตว์มากมายอย่างเรื่องนี้ แต่ก็ยังนึกถึงเสือใน LIFE OF PI

และดูเรื่องนี้ยังไงก็อดคิดถึง JUNGLE BOOK ฉบับการ์ตูนดั้งเดิมคลาสสิคของดิสนี่ย์ไม่ได้ ที่ยังคงเหลือภาพติดตาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นตัวเมาคลีเอง บาลู ตัวละครสัตว์อื่นๆ รวมทั้งเพลงที่ติดหูมาจนทุกวันนี้

เพราะจำหลายๆอย่างไม่ค่อยได้ถนัดแล้ว อยากไปหามาดูใหม่อีกหนเหมือนกัน

(ดิสนี่ย์สร้างการ์ตูนอนิเมชั่นภาค 2 ออกมาด้วย ตามหลังภาคแรกนานมาก (ในช่วงที่ตอนนั้นดิสนี่ย์ฮิตเทรนด์อีกแบบ เอาการ์ตูนตัวเองมาไล่สร้างภาคต่อ) แต่ก็ยังไม่ได้ดูเหมือนกัน)



และด้วยการที่ THE JUNGLE BOOK ฉบับใหม่ใส่ความขึงขังและแอ็คชั่นสนุกสนานกับการผจญภัยในป่าไว้มาก ทำให้นึกไปถึงการ์ตูนอีกเรื่องของดิสนี่ย์ คือ TARZAN ซึ่งมีฉากแอ็คชั่นที่รวดเร็วฉับไวและสนุกมาก ด้วยเทคโนโลยีดีฟแคนวาส ที่แม้ไม่น่าตื่นตะลึงเท่าทุกอย่างสร้างใหม่แบบ THE JUNGLE BOOK ฉบับนี้ แต่ฉากแอ็คชั่นที่ไต่ไปตามกิ่งก้านต้นไม้ใหญ่อย่างรวดเร็วฉับไวนั้นก็ยังเพิ่มความสนุกให้ TARZAN ได้เจ๋งดีจริงๆ

และแม้จะไม่อินตอนจบกะเขา แต่ TARZAN ก็ยังมีเพลงเพราะๆคึกคักฟังสนุกที่น่าประทับใจหลายเพลงจาก ฟิล คอลลินส์
(TARZAN ก็มีภาค 2 ไม่ได้ดูเหมือนกัน)


TARZAN ก็เป็นการผจญภัยในป่าที่มีที่มาจากหนังสือเหมือนกัน และก็ถูกสร้างเป็นหนังและการ์ตูนอนิเมชั่นไปหลายรอบ ซัก 2 ปีก่อนก็เป็นอนิเมชั่นของเยอรมัน (ในชื่อ TARZAN) ที่ภาพดูสวยดี แต่ก็ไม่ได้ไปดู และปีนี้ก็จะมีเวอชั่นคนแสดงมาอีกแหล่ว ใน THE LEGEND OF TARZAN โดยค่ายวอเนอร์ กำกับโดย เดวิต เยตส์ ณ แฮรี่ พอตเตอร์ ภาคหลังๆ และมี มากอต รอบบี้ (ณ SUICIDE SQUAD ที่กำลังจะเข้า) แสดงเป็นเจนครับ (กรุณาจำไว้)

หือ ใครแสดงเป็นทาร์ซาน? เอ่อ...จำไม่ได้อ่ะ ลองค้นเนตเอาอีกทีนะ...
(นี่มุกใช่ไหม?)




ของแถม
เยอะแยะมากมายก็ยังจะแถมอีก

เอาเป็นไปลองดูแว่บๆว่าจริงๆพ่อหนุ่ม นีล เสฐี (NEEL SETHI) แสดงกับอะไรยังไงกลางเมือง ลอส แอนเจลิส นะครับ


(ไปเห็นจากบทความ อันนี้)


แล้วก็ไปแว่บๆดูนักพากย์ผู้ร่วมใส่ชีวิตให้กับตัวละครสิงสาราสัตว์กันหน่อย ที่นี่




สุดท้ายที่พูดถึงอัลบั้มเพลงของ สกาเลต โจแฮนสัน คืออัลบั้ม ANYWHERE I LAY MY HEAD ออกมาเมื่อปี ค.ศ. 2008 นะครับ


เอาจริงๆก็จบลงตรงนี้จนได้ สกาเลต โจแฮนสัน พูดถึง JUNGLE BOOK ขรับ...



เรื่องลำเอียงอะไรนี่เราเลิกพูดกันไปแล้วเนาะ...
(นี่ขนาดไม่เห็นหน้า สกาเลต เธอในหนังเลยนะเนี่ย อืม)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น