วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2558

รุ่นพี่ : คอนแวนต์ กลิ่น ผี วัยรุ่น รัก ฆาตกรรม สนุกมาก



ใครที่ได้เห็นตัวอย่างหนังของ รุ่นพี่ (โดยเฉพาะที่มีเพลงประกอบ เธอเดินเข้ามา ร้องโดยน้องพลอยชมพู นางเอกของเรื่องด้วย) แล้วรู้สึกว่าน่าสนใจ กระตุ้นรึกระตุกต่อมอยากดูได้ อารมณ์ของหนังก็เป็นไปตามนั้นเลยครับ ตบเท้าเข้าโรงไปดูได้ แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง อืม...สำหรับคอหนังผีที่ชอบหนังผีแบบน่ากลัวมากๆ ต้องจิกพนักเก้าอี้รึปิดตาทุก 3 นาที ต้องบอกไว้ก่อนว่าหนังไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ไม่ต้องเตรียมตัวไปตั้งหน้าตั้งตาจิกพนักเก้าอี้ แต่หนังนั้นสนุกมาก 8.1 คะแนน คำเตือน : เรื่องนี้ผีเยอะกรุณาจำผีให้ได้ระหว่างดู

จริงๆแล้วสิ่งที่เรียกความสนใจแรกของหนังเรื่องนี้สำหรับไม่ใช่ตัวอย่างหนังหรอกครับ แต่เป็นป้ายแปะว่ากำกับโดย วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง

แม้ว่าจะยังไม่ได้ถือตัวเป็นแฟนหนังผู้กำกับ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง แบบเหนี่ยวแน่นอะไร ผู้กำกับหนังอย่าง ฟ้าทะลายโจร หมานคร เปนชู้กับผี และ อินทรีย์แดง (ชอบหลายอย่างในหนังหลายเรื่องของเขา และชอบ หมานคร มาก) แต่นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้สนใจอยากดู รุ่นพี่ หลังเห็นตัวอย่างหนัง อีกอย่างหนึ่งก็คือในขณะที่รู้สึกว่าจุด(ที่คิดเอาเองว่า)เด่นในหนังเรื่องก่อนๆของคุณ วิศิษฏ์ เจือจางลง แต่สิ่งที่เห็นจากตัวอย่างหนังทั้งเรื่องที่เกิดในคอนแวนต์ ตัวละครวัยรุ่น คดีฆาตกรรมและผีรุ่นพี่ สรุปรวมความเหมือนเป็นหนังวัยรุ่นในโรงเรียนฝรั่งที่มีเรื่องของผี ฆาตกรรม และความรัก พร้อมเพลงประกอบป๊อบติดหู ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ดูตลาดกว่า (แต่เรื่องนี้เอาจริงๆก็คงวัดกันลำบาก) แถมยังมีตัวเอกหญิงที่ได้กลิ่นผี พร้อมกับผีรุ่นพี่ที่ปกปิดใบหน้าในตัวอย่างหนัง ความประหลาดในความรู้สึกนี้จึงเป็นช๊อตที่สองสำหรับผมที่ทำให้รู้สึกว่าหนังน่าสนใจ และก็ตัดสินใจว่า เอาล่ะ ไปดูดีก่า

ผลปรากฎว่า หนังสนุกมาก

ปูพื้นที่ตัวละครหญิงที่มีความดำมืดในชีวิตอย่างม่อน ที่มีสัมผัสพิเศษที่มีจมูกไวมาก ไวกระทั่งได้กลิ่นผี จนได้พบกับผีนักเรียนชายในอดีต พร้อมกับคำขอร้องประหลาดในฐานะที่ม่อนรับรู้ตัวตนของเขาได้ (ผ่านการได้กลิ่น) ให้ช่วยไขคดีฆาตกรรมในอดีต ที่เขาเคยต้องการไข แต่ทำไม่สำเร็จ จนเป็นเรื่องค้างคาที่ทำให้เขายังวนเวียนอยูในสถานที่นี้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มของเรื่อง

วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2558

STAR WARS - THE FORCE AWAKENS สตาร์ วอร์ส - อุบัติการณ์แห่งพลัง : พลังใหม่ เชื่อมสายใยเก่า

มหากาพย์แห่งแฟนบอย ที่คิดๆว่าคงจะได้ดูกันแค่ 6 ภาค 6 เอพพิโซด นี่แล้ว ในที่สุดปฐมบทใหม่ก็ออกมาให้แฟนๆที่ติดตามกันมายาวนานบ้างไม่นานบ้างได้ชมกันเสียที อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่น่าตื่นเต้นยามที่ได้เห็นทีเซอร์หรือเทรลเลอร์ก่อนหน้านี้ก็มาปรากฎบนจอให้เห็นกันทุกอย่างจริงๆ สำหรับผมซึ่งชื่นชอบหลายอย่างในมหากาพย์ชุดนี้ แต่ก็คงไม่ได้เป็นระดับแฟนบอย ก็คงต้องบอกว่าดูสนุกสมการรอคอย และตัวละครใหม่ๆ ทั้งเลือดใหม่และดูจะเลือดไม่ใหม่เท่าไหร่ที่ปรากฎโฉมออกมาก็มีเสน่ห์และความน่าสนใจพอให้ติดตาม หรือถึงขั้นหลงใหลได้ไม่ยาก เรียกว่าคิดมาดีทีเดียว แถมหลายๆจังหวะที่ตัวละครหรือตำนานหลายๆอย่างจากภาคเก่าๆปรากฎโฉมขึ้นมาบนจอนี่เรียกว่ากระชากความรู้สึกให้มันรื้นขึ้นมาได้เลยทีเดียว จะว่าไปก็สมกับที่ เจ เจ อับรามส์ ซึ่งเป็นแฟนบอยมหากาพย์ชุดนี้คนนึงเหมือนกันมากำกับนะครับ แต่ก็...แปลกที่แม้ความคุ้นเคยหลายอย่างจะดึงเอาความตื่นเต้นมาได้ในปริมาณมาก แต่ดูจนจบผมกลับรู้สึกว่าอะไรที่คุ้นๆนี้มันมากไปหน่อย คือ ไหนๆมีโมเม้นต์เอาตายที่เห็นตำนานจากภาคเก่าๆมาปรากฎเยอะขนาดนี้แล้ว ก็รู้สึกว่าอยากให้มีอะไรที่ทำให้เซอไพรส์หรือตื่นเต้นมากกว่านี้ นึกๆไปแล้ว ตอนที่เห็น เจ เจ อับรามส์ รีบู๊ตอีกหนึ่งมหากาพย์ STAR TREK นั้นกลับรู้สึกว่าความตื่นเต้นตอนดูจบมันมากกว่านี้น่ะครับ อืม... ยากจัง แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่าที่ดูนี่ก็สนุกมากแล้ว 8.4 คะแนน แฟนๆที่ยังไม่ได้ดูไปดูก็ไม่คิดว่าจะผิดหวัง ส่วนใครที่ยังไม่ได้ดูไปดูก็รับประกันความสนุกได้ในระดับหนังบิ๊กเนมที่ความสนุกไม่ถือว่าพลิกโผนะครับ

ก่อนอื่นเลยภาคนี้ต้องถือว่า พระเอก นางเอก ประจำเอพพิโซดนี่ผลัดไปอยู่ในมือของเลือดใหม่กันทั้งนั้น นางเอกในภาคนี้คนดูทีเซอร์ เทรลเลอร์มาคงเห็นกันจนคุ้นแล้วกับสาวนักเก็บขยะ เรย์ (แคสมาเหมาะมาก ให้คะแนน) ส่วนพระเอกในภาคนี้คือเจ้าหุ่นกลมสีส้ม BB8 (บีบีเอท) นะครับ บอกก่อน!   

นี่มันลำเอียงชัดๆนะครับ ไม่ควรเชื่อถือมาก แต่เอาจริงผมคิดว่าเจ้าหุ่นกลมสีส้ม BB8 นี่เป็นตัวละครที่ถูกคิดมาดีมากจริงๆ คือมันมีทั้งความที่ดูน่ารัก ทำให้นึกถึงตำนานอย่าง R2-D2 ในขณะที่รู้สึกว่าเป็นรุ่นใหม่ และเป็นรุ่นน้องไปในเวลาเดียวกัน พฤติกรรมแต่ละอย่างที่มันทำก็เรียกว่า แบบ ทำมาให้คนรัก เอ็นดูน่ะแหละ และยังเป็นตัวเดินเรื่องที่มีความสำคัญใช่ย่อย คิดมาตัวเดียวได้หมด 

นอกนั้นทุกตัวละครใหม่โดยเฉพาะที่เป็นเลือดใหม่นี่ถือว่าแคสมาใช่หมด ตั้งแต่นางเอกนักเก็บขยะ พ่อหนุ่มผิวดำสตรอมทรูปฯที่สับสนในชีวิต นักบินเอ็กซ์วิงสุดแมน หรือตัวร้ายผ้าคลุมดำสวมหน้ากาก ซึ่งฉากเปิดตัวมานี่ทั้งความเท่ความร้ายถือว่าผ่านหมด ชอบฉากใช้พลังด้วย (ส่วนไอที่นั่งเก้าอี้นี่สำหรับผมถือว่าช่างมัน ยังไงก็ได้ (อ่าว...ไมมักง่ายงี้ฟระ)) 

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558

กล่าวถึง ฮอร์โมน ซีซั่น 3 สักเล็กน้อย ในโอกาสกำลังจะจบแล้ว




น้องเน็ท
เรียกน้องนี่ไม่ได้ให้ดูน่ารักอะไร อายุห่างกันเป็นปีแสง (นี่ก็เว่อไปมากครับ!-คอนเสิร์ตจีทีเอชเรอะ?!) เรียกแบบนี้แหละครับถูกแล้ว เป็นตัวละครที่รู้สึกอยากให้ออกมากกว่านี้ ออกมาเริ่มๆซีซั่นเลย รู้สึกว่าเป็นตัวละครที่ดูเป็นดี๊ดีแหละนะ เข้าใจและดูใจเย็น ไม่ใช่ว่าจะต้องชอบคนดีอะไรแบบนี้ แต่รู้สึกว่าบทน้องเข้ามาเพิ่มสีสันและมิติมุมมองในเรื่องความสัมพันธ์ของก้อยได้ดี และก็เพิ่มให้เรื่องในฮอร์โมนด้วย รู้สึกว่าเป็นคนที่ยอมรับและรับมือสถานการณ์ได้แบบ...ยังไงดี ดูแบบพยายามจะเข้าใจ พยายามรับมือ ทำตัวดี ทำได้ดีแล้ว(ว่างั้นเถอะ) แต่สุดท้ายก็เจ็บปวดอยู่ดี... และก็รู้สึกว่าแคสมาได้ดีและน้องนน(ใช่ไหม?)ก็แสดงดีนะครับ ถ่ายทอดบรรยากาศนุ่มๆ (คนละแบบกับพละนะ) ของตัวละครนี้ในโลกของฮอร์โมนได้ดี รู้สึกว่าตัวละครนี้ดูมีสีสันท่ามกลางตัวละครอื่นๆในฮอร์โมนเหมือนกัน จนพอมาถึงตอนพีค รู้สึกแว่บขึ้นมาทันที(สังหรณ์อะไรแบบนั้น)ว่า เออ ที่ผ่านมาตรูไม่ได้ตั้งใจดูไตเติ้ลไรงี้เลย มีเน็ทในไตเติ้ลป่าวฟระ? ไหนกลับไปดูหน่อยดิ๊ กลับไปดูหน่อยดิ๊  ปรากฎว่า...ไม่มีนี่หว่า งั้นก็แปลว่า!!!.... สงสัยจะได้ออกแค่นี้แล้วแหละ เสียดายจุง... - -
(กลับกันมีตัวละครปริศนาที่อยู่ในไตเติ้ล แต่ก็งงๆว่า เอ บทน้องก็ดูไม่เยอะนี่หว่า (กลับกัน ไตเติ้ลจบตอนดันไม่ค่อยมี(มัง จำได้ลางๆแค่นั้นแหละ ไม่งั้นเดี๋ยวต้องไปกดดูอีก) จึงคิดไปพลางว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงตอนตัดต่อเตรียมฉายในช่วงไฟนอลก็เป็นได้?)

น้องเล่นดีนะ มีได้เล่นตอนนึงใน คีตราชนิพนธ์ ซึ่งก็โอเคนะครับ (เล่นกับ พลอยชมพู ใน รุ่นพี่ สนุกนะเรื่องนี้ ใครยังไม่ดูลองไปดูๆ จะเขียนถึงๆ) แต่ก็ชอบบทเน็ทในฮอร์โมนมากกว่าอยู่ดี อยากให้ออกมากกว่านี้ แต่ตัวละครหลายตัวในซีรี่ส์ชะตากรรมก็ประมาณนี้ล่ะนะ มาปล่อยพีค แล้วก็หายหน้ากันไปเป็นฉากหลังของเรื่อง




น้องออย
พอเรียกน้องเน็ทก็ต้องเรียกน้องออยล่ะนะครับ (มันก็ใช่ซิ!) เป็นตัวละครที่ชอบมาตั้งแต่ซีซั่น 2 ล่ะนะ (พอตัวละครซีซั่น 1 กับ 2 หายกันไปเยอะแยะช่วงแรกก็มึนๆงงๆนิดหน่อย) นี่ภาพก็เอามาจากซีซั่น 2 คิดถึงกันไหม? เพราะสงสัยตั้งแต่ตอนไตเติ้ลว่าน้องผูกผมสองข้างนี่เมื่อไหร่จะออก เป็นตัวละครที่ขาดความมั่นใจ ในขณะที่ก็อยากให้ชีวิตตัวเองมีสีสัน ดูดี อยากอยู่ท่ามกลางแสงไฟ แต่ไม่รู้ต้องทำยังไง (ผมก็ไม่รู้หรอก) และลุ่มหลงไปกับหลายๆอย่างที่ลองทำไปแล้วคิดว่าได้ผล ที่ทำออกมามันก็เลย...
เป็นอีกตัวละครที่ติดใจนะครับ จริงๆก็คิดๆอยู่นิดๆว่าหน้าตาประมาณนี้ก็ไม่น่าจะไม่ป๊อบขนาดนั้น แต่เอาจริงๆในเรื่องการแสดงน้องฟรังก็ได้ถ่ายทอดความเป็นออยในแบบที่เรียบๆจืดๆ ไม่ค่อยมั่นใจต่อหน้าผู้คน (แต่เป็นนักเลงคีย์บอร์ดพอตัว(เห็นในซีซั่น 2)-ที่...ก็ต้องประสบความสำเร็จด้วยการไม่เป็นตัวเอง) ท่าทาง จังหวะพูดอะไร จนในสายตาคนรอบข้างอาจจะจืดๆและเงอะๆงะๆได้จริงๆ จนเรารู้สึกว่า ออยเป็นคนที่เก็บซ่อนความรู้สึกไว้ข้างในไว้เยอะแยะตลอดเวลา ใช้พลังงานกับการคิดใคร่ครวญแต่ไม่กล้าทำโน่นนี่หลายอย่าง และพยายามที่จะแสดงออกให้ไม่ผิดพลาด  แต่ก็... จริงๆก็เป็นตัวละครที่เอาใจช่วยนะครับ แต่...ยิ่งตอนท้ายๆซีซั่นนี่... โอ้ว...

จริงๆน้องฟรังก็ได้เล่นใน เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ ด้วย ซึ่งบทดูจะกลับกันกับในฮอร์โมนเลย แต่ว่า ก็ยังชอบตัวละครออยมากกว่าอยู่ดีครับ




 สะเทือน
ถือเป็นตัวละครไอคอนหนึ่งในซีซั่นเลยทีเดียว ฉากใน EP10 นี่สะเทือนความรู้สึกและสวิงมาก หดหู่กับฉากนั้นพอสมควรรู้สึกว่ามันประจุไปด้วยความเศร้า น่าหวาดหวั่น ตึงเครียด ถึงชีวิต เสียดแทงใจ และกลับมาหวาดหวั่นและน่าสะพรึงในอีกทิศทางได้ในพริบตา... ที่เหลือไม่มีคำบรรยาย




มหากาพย์
จริงๆบอสเป็นอีกหนึ่งตัวละครไอคอน และเป็นตัวละครที่น่าสงสาร(แต่ทำไปทำมาในเรื่องก็ดูน่าสงสารกันหมด...)ที่ต้องรับมือกับการอยู่ท่ามกลาง ท่ามกลางผู้คน

แต่ฉากนี้พอดูมาถึงนี่ได้แต่อุทานใจในว่า เชี่ยย นี่มัน STAR WARS !!!!

บางครั้งความมืดที่ปกคลุมก็มาจากที่เราช่วยๆกันคนละไม้คนละมือ?...

ภาค VII มาแล้วจนได้ครับ ไปลองดูกันได้


เรื่องลึกลับ
นอกจากตัวละครปริศนาที่กล่าวไปข้างต้นแล้วก็ยังมีอีกเรื่องเล็กๆว่าในระหว่างทางมีตอนที่เปลี่ยนผู้กำกับด้วย ซึ่งเพราะไม่ได้ตามข่าวอะไรเป็นพิเศษ (ดูนี่ก็ดูเมื่อสะดวก บางทีก็ดูรวด บางทีก็เว้นไว้นาน) ก็เลยไม่รู้อะไรมากกว่านี้ อาจมีบางอย่างไม่ลงตัวในตอนนั้นก็เป็นได้... อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ทำให้สงสัยติดในใจได้น้อยกว่าเรื่องตัวละครปริศนาอยู่ดีล่ะครับ (นี่ก็เพราะน้องเน็ทเลยล่ะนะที่ทำให้ฉุกใจคิด โทษน้องเน็ทครับ)



ปล. จริงๆคิดถึงตัวละครอีกหลายตัวจากซีซั่นก่อนๆ ที่นึกว่าจะได้เจอกันมากกว่านี้ เลยงงๆนิดๆตอนเริ่มซีซั่นนี่ แต่สุดท้ายซีซั่นนี้ก็ผลัดเจนได้อย่างสวยงามใช่ย่อย (ไอที่นึกว่านึกว่าเล่าเรื่องร้ายๆไปหมดแล้วก็ยังมีให้เล่าอีก) และก็แอบเสียดายน่ะนะว่าเป็นซีซั่นสุดท้าย (บอกกันโต้งๆ) แต่ก็โอเคครับ ทำมาดี จบสวยๆ ก็ถือว่าอิ่มใจ (แต่คิดไปคิดมากับที่ตัวละครหลายตัวได้โผล่กันแค่นิดหน่อยแล้วก็คิดว่า เออ จริงๆซีซั่นนึงมีซัก 24 ตอนก็ดีนะ) แต่เอาจริงๆตอนจบของซีซั่นแรกๆมันก็ให้ความรู้สึกค้างๆคว้างๆเหมือนกัน แต่ก็เพราะรู้สึกว่าเดี๋ยวมีซีซั่นต่อไป เลยไม่อะไรเท่าไหร่นัก พอซีซั่นนี้เปลี่ยนแทบยกชุดแรกๆก็เลยเหวอๆ แต่พอดูไปแล้วก็อินดีเราก็เลยลืมๆไป (อ่าว) แต่ถ้านี่เป็นสุดท้ายแล้ว... อืม มันจะจบคว้างๆไว้อีกไหมนะ?? คงต้องมาดูกัน... ค้างคาคราวนี้ก็ต้องค้างไปตลอดแล้วล่ะฟระ... (รึ นานๆทีก็มี ฮอร์โมน รีเจนเนอเรชั่น (คืออะไร?) แต่ละคนอีก 15 ปีต่อมา โอ...ป่านนั้นก็...)

ปล.2 นี่รีบเขียนเพราะนึกได้ว่า เออ ฮอร์โมนจะจบแล้วนี่หว่า (เอากระแสเรอะ! - -) คือ มีหลายอย่างแหละที่คิดๆว่าอยากเขียน แต่...เขียนไม่ทัน... มันเลยออกมากระพร่องกระแพร่ง และจริงๆก็ยังไม่ได้ดู EP12 กะเขาหรอก รีบเขียนไปก่อน หึหึ...

THE MARTIAN กู้ตาย 140 ล้านไมล์ : ความรู้ท่วมหัว (ได้)เอาตัวให้รอด(ก็คราวนี้) ที่ระยะทางไกล 12.7 นาทีแสง




แสงนั้นเดินทางในสุญญากาศด้วยความเร็ว 299,792,458 เมตรต่อวินาที หรือ 186,282.397 ไมล์ต่อวินาที (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย) เอาล่ะครับ เข้าเรื่องกันดีกว่า... ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานแนวไซไฟของ ริดลี่ย์ สกอต ที่จะเป็นผู้ดูแลชมภาพยนตร์สายไซไฟ สายบันเทิง สายซีเรียส สายอวกาศ ก็ไม่น่าพลาด หนังเต็มไปด้วยข้อมูล แต่ก็ผสมรวมความขึงขัง น่าหวาดหวั่น ระทึก กดดัน พร้อมกับความบันเทิง เจือด้วยอารมณ์ขันไว้อย่างไม่น่าเชื่อ นักแสดงจะนำหรือจะตามก็เล่นดีกันทุกคน ข้อมูลเยอะแต่ดูให้ไม่งง(ก็)ได้ เอาไป 9.0 ครับ แพ้หนังซีเรียสที่บันเทิง (อะไรฟระ?!)


THE MARTIAN นั้นสร้างจากนิยายที่เริ่มดังจากช่องทางออนไลน์ ดังจนได้ออกเป็นฮาร์ดก๊อปปี้ตามมาเลยทีเดียว (มังถ้าจำไม่ผิด) เกี่ยวกับนักบินอวกาศคนหนึ่งที่ประสบเหตุให้ต้องติดอยู่บนดาวอังคาร ในขณะที่ลูกเรือคนอื่นๆต่างคิดว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว การติดต่อไปถึงโลกจนค้นพบว่าตัวเขายังมีชีวิตอยู่นั้นสร้างความตื่นตะลึงอย่างมาก และ NASA ก็ต้องรวบรวมบุคลากรและสรรพความรู้เพื่อขบคิดวิธีการในการนำเขากลับสู่ดาวบ้านเกิด เมื่อค้นพบว่าตนเองจะต้องใช้ชีวิตอยู่บนดาวอังคารไปอีกนาน พระเอกของเราก็ต้องใช้ความรู้ติดตัว และทรัพยากรเท่าที่มีมาลองพยายามปรับใช้เพื่อให้ตนเองมีชีวิตรอดไปจนถึงวันที่จะมีคนมารับกลับบ้าน ซึ่ง...เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนี่หว่า...


เสียงชื่นชมของ THE MARTIAN ถ้าจำไม่ผิดก็มีมาแต่ครั้งเป็นหนังสือ ว่าเป็นนิยายวิทยาศาสตร์เรื่องนึงที่มีข้อมูลรายละเอียดสมจริงมาก (สมจริงแค่ไหนยังไงสำหรับผู้สนใจลองค้นข้อมูลกันดูนะครับ) กับพลอตที่ดูสุดมากเอาการกับการต้องพยายามดำรงชีวิตอยู่บนดาวอังคารให้ได้ และเมื่อส้รางเป็นหนังมันก็ยังคงเรื่องของข้อมูลและความสมจริงไว้ได้ในระดับที่ดี รู้สึกว่า NASA จะสนับสนุนหนังเรื่องนี้เหมือนกัน และจะอนุญาตให้ไปถ่ายทำอะไรซักอย่างด้วย ซึ่งก่อนนี้ไม่ค่อยมีหนังที่ได้รับสิทธิ์นี้เท่าไหร่ และได้รับสิทธิ์ฉายในสถานที่ของ NASA ที่ไหนซักที่นี่แหละ (จำรายละเอียดลางๆได้แค่นี้) ซึ่งก็คงช่วยการันตีความเข้มข้นจริงจังของหนังได้ในระดับนึงทีเดียว

SPECTRE องค์กรลับ ดับพยัคฆ์ร้าย : เจมส์ บอนด์ ตอนล่า นางเอกสวยจุง



ความซวยหรือความกดดันของ BOND ภาคนี้น่าจะเป็นว่ามันมาหลังจาก SKYFALL ภาคที่ได้ชื่อว่าเป็น BOND ที่ดีที่สุดตอนนึงด้วยนักแสดงและผู้กำกับชุดเดิม เพราะฉะนั้นมันจึงต้องรับมือกับความคาดหวังประดามี(ตั้งแต่ SKYFALL ออกฉายแล้วประสบกับความชื่นชมและตังค์เลยแหละ เพราะไงๆมันก็ของตายต้องสร้างอยู่แล้ว)ของทั้งผู้สร้าง( เช่น ว่าน่าจะมีโอกาสได้ตังค์เยอะกว่าหรือพอๆกันกับภาคที่แล้วที่ได้ไปมหาศาล แต่คิดว่าเขาคงหวังเยอะกว่าแหละนะ ทุนก็มากกว่าไหมนะ?) และผู้ชม(ภาคที่แล้วดีอ่ะ ภาคนี้ก็ต้องดีกว่าเก่าเซ่ อะไรแบบนั้น แต่คนดูตามโพยรึ อ่ะ มาละ เอ้าดูๆ ก็คงมีล่ะนะ) เพราะงั้นแม้จะทุนหนา แต่งานนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะภาคที่แล้วมันก็ดีจริงๆ ขนาดไม่ใช่แฟน BOND และไม่ได้คลั่งไคล้ไรมากอย่างผมก็ยังคิดว่ามันดีนะ และ...ความที่มันดีขนาดนั้น จะทำให้มันดีกว่าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะครับ… สำหรับภาคนี้ ใหญ่โต มีฉากสนุกอยู่เหมือนกัน และนางเอกสวย เอาไป 7.4 แบบมีความ(ไม่)ลับเล็กๆ


BOND ตอนที่แล้ว (ซึ่งนับเป็นตอนที่ 3 ในยุคปัจจุบันนี้ - แต่จริงๆเขาก็ต้องนับยาวกันมาตั้งแต่ BOND ภาคแรกเลยละมัง) นั้นมาหลังจาก QUANTUM OF SOLACE ซึ่งดูเหมือนจะดร๊อปลงหลังจาก CASINO ROYALE กลับมาคืนชีพในบอนด์ดิบดุ(กว่า)ฉบับ เดเนียล เครก ซึ่งจริงๆผมว่าภาค QUANTUMฯ ก็สนุกดีนะ จากคนไม่ใช่แควนๆ แม้จะต้องยอมรับว่ามันก็ไม่ดีและสนุกเท่า CASINO ROYALE ซึ่งเป็นการคืนชีพที่น่าซูฮก ทั้งยังสร้างเงาของตัวละครสำคัญคนหนึ่งให้กับบอนด์ชุด แดเนียล เครก ซึ่งน่าประทับใจและแข็งแรงจนคงติดตามเป็นเงาไปกับบอนด์ยุคนี้ไปจนเปลี่ยนยุคโน้นแหละเลยทีเดียว (ใครไม่รู้ว่าพูดถึงอะไรก็ไปลองหา CASINO ROYALE มาดูครับ แนะนำจิงๆนะ) และถ้าจะพาบอนด์ไปให้ได้ระดับเดียวกันหรือพอๆกับ CASINO ROYALE ให้ได้ มันก็ต้องมีอะไรที่สำคัญไม่แพ้กันมานำเสนอ ซึ่ง SKYFALL นั้นก็ทำได้ ถ้าให้พูดย่อๆคือ SKYFALL ได้ทำแทบทุกอย่างที่ควรทำเพื่อให้มันไม่อยู่ใต้เงาของ CASINO ROYALE ให้ได้ มันจึงพาบอนด์ไปอยู่ในจุดที่อ่อนไหวขึ้น ลึกขึ้น ใหญ่โตขึ้น สุ่มเสี่ยงขึ้น และเกี่ยวพันกับชะตากรรมของตัวละครที่สำคัญมากๆในชีวิต(ของการเป็น)บอนด์เช่นกัน เรียกว่าเป็นบอนด์ภาคนึงที่แกรนด์มาก (ใครยังไม่ดูก็แนะนำอีกแหละ)  และมันก็ประสบความสำเร็จมากในระดับที่ภาคที่ตามมาอย่าง SPECTRE ซึ่งยังกุมบังเหียนโดยผู้กำกับ แซม แมนเดส คนเดิม นั้นคงต้องคิดต้องทำหลายอย่างเพื่อหวังให้มันไม่อยู่ใต้เงาของ SKYFALL อีกที ผลที่ตามมาคือเรื่องราวที่ต้องพยายามให้ใหญ่กว่า SKYFALL ในซัก 2-3 แง่มุมให้ได้ (ขนาดชื่อตอนยังขึ้นด้วย S เหมือนกันเอาเคล็ด ไม่ใช่! เอ รึใช่ฟระ?...) และหนังก็พยายามทำอะไรๆหลายๆๆอย่างเพื่อให้มากกว่าภาคก่อน เพียงแต่ว่า...