วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

[ภาพยนตร์] TRANSFORMERS - THE LAST KNIGHT ทรานส์ฟอร์เมอร์ส - อัศวินรุ่นสุดท้าย : ก็เพราะมังกรมันเท่...


เริ่มเข้าสู่ ดองซีรี่ส์...


เมื่อนึกย้อนกลับไปแล้ว ตอนที่ Transformers ภาคแรกกลายสภาพจากการ์ตูนตั้งแต่ก่อนโน้น พาวเวอร์อัพด้วยพลังแห่งเทคโนโลยีกราฟฟิกคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ มาลงจอภาพยนตร์ด้วยฝีมือของผู้กำกับ ไมเคิล เบย์ แม้ว่าเนื้อเรื่องอาจจะการ์ตูนจริง แต่ด้วยพลังแห่งเทคโนโลยี เวลาเหล่าทรานสฟอร์เมอร์ปรากฎตัวที แค่มาขยับ ฟี๊บๆๆ แปลงร่างจากยานพาหนะเป็นร่างหุ่นยนต์นี่ แค่นั้นก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว แบบ...ถึงจะดูไม่รู้เรื่องว่ามันแปลงร่างได้แบบพับๆๆ แกร๊กๆๆๆ อย่างที่เห็นจากร่างนึงเป็นอีกร่างนึงได้ตามนั้นจริงรึเปล่าฟะ? คือดูไม่ทัน แต่รู้ว่าเท่มาก แบบสงสัยเลยว่าคนทำคอมพิวเตอร์กราฟฟิกนี่มันต้องมีกี่คนทำอีฉากแปลงร่างพวกนี้ แล้วมันต้องออกแบบการพับก่อนไหม? พับยังไง? มันพับได้แบบนี้จริงรึเปล่า? แต่ยังไงซะแม้ว่ามันจะสามารถพับได้แบบที่เห็นจริงๆหรือพับไม่ได้ เราก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะมันเป็นเทคโนโลยีต่างดาวที่ล้ำกว่าโลกของเรามาก (อ้อ เหรอ?) รู้แค่ว่ามันเท่ชิหาย แค่นั้น ยิ่งตอนซัดกันก็ยังมันส์ แม้จริงๆส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกบางทีว่ามันทำอะไรบ้าง? เพราะดูตามไม่ค่อยทัน แต่ก็มันส์ไว้ก่อน ฉากเท่ๆก็เยอะ อย่างฉากโปรดฉากหนึ่งของกระผมจากภาคแรก คือ ฉากอีตัววายร้ายที่แปลงเป็นเครื่องบิน แปลงเป็๋นหุ่นมาซิวชาวบ้านซะ แล้วก็ฟึ่บแปลงร่างเป็นเครื่องบินไปทำตัวชั่วร้ายสอยเครื่องลำอื่นต่อไป (อ่าว ตกลงฉากเท่สุดคือของตัวร้าย) คือ แบบ โอ้โห เท่สลัด นอกนั้นจุดเด่นก็คงเป็น... บัมเบิลบี กับ ออฟติมัส ไพร์ม นิดหน่อย กับ เมแกน ฟอกซ์ ละมัง? - -

จุดเด่นเพียงเท่านี้ แต่กินขาดด้านความเท่ แค่ฉากแปลงร่างก็น่าตื่นตาตื่นใจเหล่านี้ พร้อม บัมเบิลบี กะสาวเซ็กซี่อย่าง เมแกน ฟอกซ์

คือเนื้อเรื่องมันก็การ์ตูนแหละ แต่ฉากแปลงร่างโคดเท่ ฉากบู๊มั่วมันส์ (และ เมแกน ฟอกซ์) Transformers ก็กลายเป็นแฟรนไชส์ขายความบันเทิงเรื่องใหม่ของโลกได้แล้ว (อ่าว แล้ว ไชอา ลาบัฟ ล่ะเฮ้ย! จิงๆนายก็โอเคอยู่ แต่ก็ เอาว่าโอเคนะ... อืม โคดลำเอียง)

แต่...ท้ายที่สุดแค่พลังของ Transformers เผ่าพันธุ์ปัญญาสูงล้ำจากต่างดาวที่ระหกระเหินมาซัดกันบนโลก ก็อาจจะไม่เพียงพอจ่อการกู้แฟรนไชส์ให้เดินหน้าต่อไปตลอดกาลได้...

เอาจริงๆ หลายเสียงก็พูดตรงกันว่าไม่มีภาคไหนสนุกเท่าภาคแรก (แต่ผมเองอ่ะ 1-2 อ่ะ โอเค ตอนที่ดูครั้งแรกนะ ถึงภาค2 คะแนนมันจะดร๊อปแบบ...แต่ตอนนั้นยังคิดว่าดูสนุกบันเทิงมันส์ดีออก) และภาคหลังๆความสนุกความมันส์ความน่าตื่นตาของหนังก็ลดระดับลงมาเรื่อยๆ (โดย ผกก. ก็ยังเป็น ไมเคิล เบย์ เจ้าเก่า) แต่สำหรับตัวเองที่เอาว่าไม่ได้คาดหวังให้มันเป็นหนังระดับเทพ ขอแค่เป็นหนังดูเอาบันเทิงพอหนุกๆและมีฉากเท่ๆก็โอเคกับการจ่ายตังค์ไปดูในโรง ซึ่งสำหรับผมแม้จะภาค 3 ที่ไม่มี เมแกน ฟอกซ์ หรือ 4 ที่ ไชอา ลาบัฟ ก็ไม่อยู่ละ (ดราม่ากับผู้กำกับจะไม่นำมาพูดถึงในที่นี้) ได้เฮีย มาร์ค วอลเบิร์ก มาแทน ก็ยังดูด้วยความบันเทิงได้ ด้วยรู้สึกว่า อย่างไรก็ตาม เวลาเห็นเหล่า Transformers แปลงร่าง ก็ยังรู้สึกว่ามัน 'เท่' และน่าตื่นตาอยู่ดี (แม้จะดูไม่รู้เรื่องอยู่เหมือนเดิม) แม้จะมีความอลังการคอมพิวเตอร์สร้างของเหล่าอเวนเจอร์มาเวล ตอนนั้นเราก็ยังรู้สึกว่ายังคงรู้สึกว่า Transformers  แปลงร่างมันเท่อยู่ (จนหลังๆ โทนี่ แกไปยุ่งกับเทคโนโลยีนาโนอะไรมั่วซั่วไปหมด ทีนี้จริงๆจะแปลงเป็นออฟติมัส ไพรม์ ยังได้เลยมั้ง??) หรือพอมีไอตัวไหนโผล่มาอลังการๆ มันก็รู้สึกว่ายังเท่ดีอยู่นะ

คือสำหรับผม ดูภาค3 ก็ยังสนุกอยู่ (เนื้อเรื่องนี่ เอาว่าถ้าไม่อะไรมากก็ช่างมัน โอเค) ส่วนภาค 4 อืม... เอาจริงๆภาคนี้ก็มีขยับตัวยุกยิกบ้าง แต่รวมๆก็โอเค มีการพยายามดราม่าในเรื่องทั้งคนทั้งทรานสฟอร์มเมอร์ส์ ยังพยายามมีสาวสวยในเรื่อง และก็มีไดโนเสาร์ทรานสฟอร์มเมอร์ส์ครับ! (จริงๆมันอาจจะเรียกงี้ไม่ได้ เพราะแม้มันจะเป็นจักรกลแต่มันแปลงร่างไม่ได้นะรู้สึก? แต่จำไม่ได้แล้วว่ามันเรียกว่าอะไร?)

พอดีว่าตอนนั้นก็ไม่ได้ดู  Jurassic Park มานานแล้ว...

เอาเป็นว่าตอนจบภาค 4 นี่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะจบหรอก (อันนี้นี่เห็นๆเลย) และไอเนื้อเรื่องที่ใส่มาตอนหลังมันก็ อ่า โอเค๊... ในจักรวาล Transformers ก็ถือว่ามีรสชาติใช้ได้ (ถือว่ายังพอแบกรับเรื่องราวในจักรวาลนี้ได้อยู่-คนที่เกลียดก็น่าจะเกลียดมาตั้งนานแล้วอ่ะนะแต่ว่า) แต่ก็ไม่ได้รอภาค 5 อะไรมากมาย มาตอนไหนก็ตอนนั้น

แล้วภาค 5 ก็มาจริงๆ ในชื่อ The Last Knight (ซึ่งก็อาจไม่ได้แปลว่า ภาคสุดท้าย...) ซึ่ง...จริงๆก็อาจจะติดๆขี้เกียจดูนิดๆบ้าง (เพราะหลังๆมันก็ชักมีไอโน่นของค่ายนี้ค่ายนั้นที่แบบ...พยายามร้อยเรียงให้คนดูแบบต้องตามดูกันยาวๆ... ซึ่งก็เหนื่อยนะ (ก็ไม่ต้องไปดูซิฟระ)) แถมตอนนั้นก็แบบ เริ่มไปดูลำบากหน่อย ทีแรกคิดว่าลำบากขนาดนี้ ตัดไปก่อนก็ได้มัง แต่...ตอนดูหนังตัวอย่างไปๆมาๆ (เวลาไปดูเรื่องอื่น หรือตามเนตก็ตาม) ก็แบบ... มังกร แข้งเท่ดีฟ้อย (เอ็งโดนหลอกด้วยไดโนเสาร์มาทีละ ยังจะโนหลอกด้วยมังกรอีกหรือ??) ไปดูก็ได้(ฟะ)

แล้วตอนถ่อไปดูจริงๆก็...
... เพราะมังกรมันเท่ แค่นี้แหละ.

สุดท้ายแล้ว มังกรใน The Last Knight ก็เท่จริงแหละ และ...องค์ประกอบเพียงแค่นี้ก็ดูจะไม่อาจตอบสนองความคาดหวังของคนดูอย่างผมได้ จริงอยู่ มันยังคงมีฉากแปลงร่างของเหล่า Transformers มี Transformers ตัวใหม่ มี ดราม่าบัมเบิลบี มีเอฟเฟ็คท์อลังการ (ที่จริงขนาดภาคแรกไปรีไซเคิลบางฉากมาจากหนังเรื่องอื่นของเฮียเบย์ มันก็ไม่ได้จะน่าบ่นอะไรเพราะมันก็ดูหนุกดี) มีเนื้อเรื่องที่ก็...พอแค่นๆละมัง? และยังคงมีสาวสวย (และ มาร์ค วอลเบิร์ก ก็ยังอยู่เหมือนเดิม) แต่...มันไม่พอซะละ กับการถ่อมาไกลๆเพื่อดูหนังซักเรื่องนึง

ในขณะที่ฉากแปลงร่างของเหล่า Transformers ไม่ได้ดูน่าตื่นตาไปกว่าฉากสวมชุดมนุษย์เหล็กของอภิมหาเศรษฐี โทนี่ สตาร์ก ละ (อย่างที่บอก จริงๆพี่แกแปลงเป็น Transformers ก็น่าจะยังได้) เนื่อเรื่องแม้จะพยายายามใส่ดราม่าเข้ามา แต่ที่ผมคิดวามันไม่ค่อยโอเคที่สุดก็คือ มุก ในเรื่องละมัง ซึ่งการมีมุกให้พอขำๆในหนัง ถ้าอยู่ถูกที่ถูกทางมันก็เป็นตัวเติมความบันเทิงในหนังสายนี้ได้ดีนะ แต่บางทีถ้ามันผิดที่ผิดทางหรือมากเกินไปมันก็กลับกลายเป็นตัวลดทอนความจริงจังในส่วนที่ควรจะจริงจังของหนัง (แล้วดราม่าที่ไม่ค่อยจะหนักแน่นอยู่แล้วมันก็จะถูกทอนลงไปอีก) และอีกส่วนก็คือ การวางให้เผ่าพันธุ์เหล่า Transformers เป็นเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาจากนอกโลก และบุคลิกของมันที่พยายามจะให้เท่ ซึ่ง อ่า...โอเคแรกๆมันก็เท่ดีอยู่ แต่ถ้ามันเท่แค่ท่ากับคำพูดยิ่งทำไปมันก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่า... ทำไมบางทีมันดูไม่ใช่แบบนั้น ทำไมบางอย่างมันช่างงี่เง่าเพียงนี้ ซึ่ง...โอเค ปมหลายอย่างผลิกผันของหนังโดยมากก็มักเกิดจากความงี่เง่าพลาดพลั้งของส่วนสำคัญสักส่วนของหนัง ซึ่งถ้าถูกที่ได้ปริมาณมันก็จะเป็นส่วนที่อาจทำให้เราเห็นใจความพลาดพลั้งและลุ้นให้เหล่าตัวละครฝ่าวิกฤติไปให้ได้ แต่บางกรณีถ้ามันงี่เง่าเกินไป... มันก็จะสามารถกลับมาทำให้รู้สึกว่า นี่พวกเอ็งทำไรกัน งี่เง่าขนาดนี้ข้าไม่รู้จะช่วยลุ้นยังไง ข้าว่าไม่น่าลุ้นขึ้น แถมถ้าดันลุ้นขึ้นมาได้ด้วยบทอะไรซักอยางนี้ ข้าว่าก็ไม่น่าเชื่อและ (คือถ้าจะงี่เง่าขนาดนี้ ตรูว่าอย่ารอดเลย) ถึงหนังมันจะทำมาโม้ก็เถอะ มันก็... มีเซอร์ แอนโทนี ฮอฟกินส์ มาด้วยก็ช่วยอะไรไม่ค่อยได้ แม้ทั่นจะเคยเป็นโอดินแห่งแอสการ์ดมาแล้วก็ตาม

ถ้าให้สรุปก็คือ พอองค์ประกอบที่ควรจะช่วยๆประคองให้มันเป็นหนังบันเทิงดูเอาหนุกๆมันดันทำงานไม่ได้ตามนั้น การไปนั่งดู The Last Knight มันก็เลยเหมือนกับการไปนั่งรอดูว่าเมื่อไหร่พี่จะแปลงร่างซึ่งไม่ตื่นเต้นเท่าเก่า เมื่อไหร่พี่จะซัดกันซักที พอไม่ให้เบื่อเท่านั้นเอง คือส่วนเนื้อเรื่องอะไรนี่เสพแทบไม่ได้เลย ติดตามไปซักพักมันก็หลุดลอย ดราม่าส่วนที่พอดูเข้าท่าอยู่บ้างก็ไม่สามารถรองรับไอส่วนที่ไม่เข้าท่าได้แทนที่จะไปส่งเสริมกันก็เลยกลายเป็นไอส่วนที่อะไรของเอ็งงง ไปลดทอนส่วนที่พอๆจะเข้าท่าอยู่บ้างซะงั้น ไม่ค่อยสนใจละว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่ง...ด้วยความยาวของหนัง มันก็เป็นเรื่องไม่ค่อยบันเทิงละกับการรอดูฉากแอ็คชั่นไปเรื่อยๆ ยิ่งเทียบกับหนังขายเอฟเฟ็คท์สายบันเทิงยุคหลังๆที่อย่างค่ายมาเวลพยายามใส่ดราม่าผสมรวมกับความเกรียนกับมุกได้กลมกล่อม (และได้ตังค์พอจะกล้า) พยายามแตกแนวทางใหม่ๆได้อีก (เพื่อความยุติธรรม หลายค่ายที่พยายามทำเขาก็ไม่ได้จะทำสำเร็จกันนักหรอก) เทียบกันแล้ว The Last Knight ก็กลายเป็นยิ่งกว่ามวยรองไปอย่างช่วยไม่ได้ (ทั้งที่ทุนก็มวยระดับเดียวกันน่ะแหละ)  ถ้าเนื้อเรื่องบุคลิกมาแบบนี้ เด็กๆอาจจะดูสนุกอยู่ แต่แบบนั้นไปดู How to Train Your Dragon ไปดู The Incredibles หรือจะ Kungfu Panda ก็เหอะ ก็ยังเรียกว่าผสมรวมเอาแอ็คชั่นกับมุกเข้าด้วยกันในทางที่หรรษากว่าเยอะ หรือเอาจริงๆดูพวกมีเนี่ยนไปเลยก็ยังอาจจะบันเทิงกว่าง่ะ...

เอาเป็นว่า ทำไปทำมา จากที่ภาค4 คำวิจารณ์จะลดฮวบ ตังค์ในอเมกาจะลดเยอะ แต่ก็ได้รายได้จากจีนมาช่วยไว้เยอะ จนรายได้รวมทั่วโลกทะลุพันล้านดอลลาร์เฉย (และเอาจริงๆส่วนตัวก็ยังดูได้พอสนุกอยู่) มาภาคนี้นี่... ทำไปทำมาภาคนี้จะ Last Knight เอาจริงๆ ตกลง ตรูโดนหลอกไปดูเพราะ มังกร เนี่ยนะะะะะ!!!!???? (โทษใครไม่ได้เลย...ไปดู How to Train Your Dragon ดีก่านะ   ปล. ยังไม่ได้ดู Game of Thrones เลยนาจา - -) แต่ก็นะ... เอาว่ามีภาคหน้าอีกจะเอามังกรห้าหัวมาโชว์นี่ ก็อาจจะจูงจมูกผมเข้าไปดูในโรงไม่ไหวแล้วนะฮะ ด้วยความผิดหวัง 6.3 คะแนน (ปรับเกณฑ์ส่วนตัวเล็กน้อย)
จะ Last Knight เอาจริงๆก็ครานี้ฤา?...



นึกถึง


เอาจริงๆมันก็ไม่ได้ผิดอะไรที่จะทำหนังออกมาแบบเพ้อเจ้อหน่อย แต่แอ็คชั่นเอฟเฟ็คท์จัดเต็ม อย่างจริงๆตอนไปดู Rampage (นี่ก็ในกาลต่อมา เพราะดองนานมากๆ) ผมก็คิดว่ามันจะจริงจังกว่านั้น แต่ต่อให้มันไม่จริงจังขนาดนั้น ด้วยท่าทีมันไม่ได้พยายามจะเท่เกินตัว (หรือจริงๆเขาพยายามทำแล้ว แต่เราไม่เก็ตซะก็ไม่รู้?...) คือ อันนี้ด้วยความไม่ได้หวังมากอยู่แล้ว ตอนดูนี่คือว่ามันบันเทิงสนุกโอเคเลย ตอนดูสัตว์ประหลาดปีนตึกนี่ รู้สึกว่าไม่ใช่ละ นายโม้ละ ก็ยังรู้สึกแบบ คือใครชอบสัตว์ประหลาดยักษ์นี่ อันนี้โอเคเลยนะ บันเทิงดี โม้สลัดๆ
เอาจริงๆ ดู Jurassic World ไปเลยก็ได้ บันเทิงกว่าอัศวินรุ่นสุดท้ายอ่ะ - -





ด้วยความที่จริงแล้ว Rampage ก็เป็นหนังที่สร้างมาจาก เกม (ซึ่งเก่าแล้วอ่ะนะ) และ Transfoemers ก็สร้างมาจากการ์ตูน (ซึ่งเก่แล้วเหมือนกัน) ไหนๆเอามาโยงกันแล้ว สำหรับบางคนที่ดูหนัง Transformers ภาคนี้แล้วผิดหวังรุนแรง หรือจะหลับ ไปลองเล่นเกม Transformers: Devastation โดย Platinum Games ของ ชินจิ มิคามิ บิดาแห่ง Bio Hazard / Resident Evil และสายแอ็คชั่นมันส์ๆอีกหลายเกม ซึ่งลงให้หลายเครื่อง (PS3, PS4, Xbox 360, Xbox ONE, Windows) (เป็นเกม download นะรู้สึก) แม้จะไม่ใช่เกมระดับเกรดเรือธงพรีเมี่ยมอะไร แต่ในฐานนะเกมแอ็คชั่นเล่นเอาสนุก จากการอ่านรีวิวโดย Gconhub (ซึ่งก็นานแล้ว ก่อน The Last Knight ซะอีก... และก็เสียดายจังที่ไม่ค่อยมีเซกชั่นนี้ขึ้นหน้าแรกใน Gconhub แล้ว อ่านสนุกดี แม้ไม่ได้เล่นก็เถอะ) ก็ถือว่าเล่นสนุกและมีเซอร์วิสแฟนๆ Transformers (ซึ่งอันนี้น่าจะอิงจากภาคการ์ตูน (ซึ่งน่าจะมีหุ่นเป็นหลายสิบ อาจจะถึงร้อย? ไม่รู้เพราะไม่ใช่แฟนๆ) นะ คิดว่า) ใครดูหนังแล้วเซ็ง ไปลองหาเกมนี้มาเล่นอาจจะถูกใจกว่าก็ได้ มีได้แปลงร่างแน่นอน ดูจาก Trailer เอาได้



พอพูดถึงอะไรเท่ๆ ที่ทำไปทำมาพอไม่เท่แล้ว...แทบไม่เหลืออะไรเลย อดนึกไปถึง Bleach ไม่ได้จริงๆ ผมรู้สึกแบบนี้กับ Bleach เลยคือตอนอ่านช่วงพีคๆนี่มันเป็นการ์ตูนที่สนุกเพราะความเท่มากๆ ตอนพีคๆนี่อ่านมันส์มากๆ แต่ว่า...หลังๆพอเริ่มหมดมุกมั้งไรมั้งแล้ว พอไม่เท่นี่ มันแทบไม่เหลือไรเลย...

แต่ผมก็คิดว่า Bleach นี่เท่มาได้นานพอดู (คือไอช่วงที่เท่ก็เท่กินขาดจริงๆ) และจริงๆตอนจบที่หลายคนอาจจะไม่โอเค แต่ผมคิดว่าตอนจบของ Bleach นี่ถือว่าจบได้โอเคนะ (บอกก่อนว่าผมเป็นมนุษย์ที่โอเคกับฉากจบดั้งเดิมของ Shaman King นะฮะ - - รู้สึกว่ามันเป็นแบบของ อ.ฮิโรยูกิ ทาเคอิ อ่ะนะ ผมโอเคอ่ะ (แม้อาจจะไม่สะใจก็เถอะ แต่มันแบบ อ่า...แกก็แบบนี้แหละเราว่า แนวดี ก็โอเค) เออ ว่าไปจะนึกถึงราชันย์แห่งภูติก็ได้นะ เพราะมันก็มีหุ่นแปลร่างเหมือนกันหนิ?! นี่เกือบลืมไปละนะนี่ ไม่ได้อ่านนานมากกกแล้ว) ถึงมันจะดูเป็นอารมณ์เป็นตัดจบ โชะ! จริงๆก็เถอะนะ... คือถ้าเพราะต้องตัดจบ ตอนสุดท้ายนี่ถือว่า เออ ก็โอเคนะ อ่ะฮะ


ส่วนใครคิดถึง เมแกน ฟอกซ์ ผมว่า กลับไปดู Teenage Mutant Ninja Turtles: Out of the Shadows ก็พอได้นะฮะ ก็ดูหนุกๆเพลินๆพอได้ (แต่เกม Turtles in Time (ฉบับ SFC, SNES) มันส์กว่านะ ฮ่ะๆ) หรือไม่ก็ดูแค่หนังตัวอย่าง อย่างที่เคยกล่าวไว้...

ก็เป็นการกลับมาร่วมงานในหนังที่อำนวยการสร้างโดย ไมเคิล เบย์ หลังผิดใจกันไปใน Transformers ภาค 2 เฉยเลย ที่จริงๆเขาก็คงกะจะไปยาวกว่านี้ แต่ก็ดูท่าว่าซีรีส์นี้ก็จอดแค่ภาค 2 นี่เหมือนกัน... ธ่อเอ๋ย... เมแกน...





จริงๆจะสปอยล์ไปเลยก็ได้ เพราะดองไว้เป็นหลายปี ว่าจริงๆแม้จะไม่ถึงกับนับว่าเป็นภาคต่อ แต่ผมก็ถูกหลอกไปดูเหล่า Transformers อีกจนได้ในกาลต่อมา... คราวนี้ไม่ใช่เพราะมังกรละ แต่เพราะ...ผึ้ง
















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น