วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2563

[เกม] เนื่องในโอกาสไม่ได้ดู Sonic : 13 เกม(แพ็คคู่) ยุค 8 และ 16 บิท Sonic Style : ตอนที่2 (7 คู่หลัง)

ว่าแล้วหลังจากหมดแรงไปซะก่อนในตอนที่แล้ว (ืีแรกกะจะซัดรวดเดียวจบเลย...จริงๆนะ) หลังไม่เขียนอะไรมานาน (คล้ายๆออกกำลัง กลับมาวิ่งหลังไม่ได้วิ่งมานาน แล้ววิ่งได้หน่อยเดียวก็ทรุดแล้ว แถมตื่นเช้ามาก็เจ็บกล้ามด้วย...) ก็อย่าให้ผ่านไปนาน ประเดี๋ยวจะขี้เกียจเขียน จากเกม 6 คู่ 12 เกม ในตอนแรก ก็มาต่อตอนที่ 2 กันเลยครับ!

...ก็คงต้องบอกไว้ล่วงหน้าว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าใครคิดว่าตอนแรกออกทะเลไปบ้างไหม? หรือไปไกลแค่ไหน? แต่ก็เป็นไปได้ว่าไม่ว่าตอนแรกจะทำให้ใครรู้สึกว่าออกทะเลหรือไม่? ตอนนี้ก็น่าจะออกทะเลจากฝั่งไปได้ไกลกว่าเดิม หรือถ้าใครคิดว่าตอนแรกยังไม่ออกเลย ก็น่าจะได้ออกกันในตอนนี้นะครับ

มาเริ่มเดินทางไปกับเกม Sonicๆ กันต่อเลยดีกว่า...


คู่ที่ 7

Time Dominator 1st (MegaDrive) / Socket (Genesis)

เกมของตัวเอก(มาสคอต?)หน้าตาเหมือนเป็ด(หรือไก่แล้วแต่ปก) ด้วยชื่อที่ดูแทบไม่เกี่ยวกันเลยในทั้ง 2 เวอชั่น ซึ่งการที่เกมนี้ได้มาอยู่ตรงนี้ก็อาจจะคล้ายๆ Jazz Jackrabbit คือมันมีบรรยากาศของฉากคล้าย Sonic มาก แต่คิดว่าเกมนี้ได้บรรยากาศใกล้เคียงโซนิคมากกว่า (คือแฮกตัวเอกไปใส่สลับเกมได้เลยโดยไม่น่าจะค่อยรู้สึกขัดๆอะไร) ซึ่งเป็นเกมจากค่าย Vic Tokai ที่จะว่าเหมือนก๊อปก็อาจจะว่าได้ แต่ตอนเล่นมันก็ไม่เหมือนโซนิคขนาดนั้น แม้จะเล่นเร็ว สปีดเหมือนกัน และยังมีเก็บไฟฟ้าเติมพลัง (แต่วงแหวนโซนิคจะมีเลเยอร์แบบ โดนอะไรไปซักแปะ แหวนทุกวงกระจายหมด ไล่เก็บเอาว่าเหลือเท่าไหร่ และต่อให้เหลือวงเดียวถ้าตามเก็บได้วนไปวนมาก็รอดได้ตลอด) ที่ต่างกันอย่างนึงคือคิดว่าเกมนี้การโจมตีศัตรูมันไม่ลื่นไหลเท่าโซนิค คือมันต้องกระโดดเตะเอา (คล้ายๆ Speedy Gonzales เหมือนกัน) ก็จะรู้สึกลำบากอยู่บ้าง โซนิคเล่นสนุกกว่า แต่คนที่ชอบเกมแอ็คชั่นภาพสดใสไวปรี๊ดๆดนตรีสนุกนี่ เกมนี้ก็ได้บรรยากาศและเล่นสนุกใช้ได้เลย




Rocky Rodent (Super Nintendo) /  Nitropunks: Mightheads (Super Famicom)

มาที่เกมบน Super Nintendo กะ Super Famicom โดยค่าย Irem บ้าง ซึ่งยุคนั้นค่ายโด่งดังมากกับแฟรนไชส์ Space Shooting ยานยิงอย่าง R-Type จริงๆ Irem ก็มีแฟรนไชส์อื่นๆอย่างเกมแอ็คชั่น เกนซังช่างไม้ แบกค้อนอันโต (ชื่อภาษาอังกฤษจะเป็น Hammerin Harry) ส่วนเกมนี้เป็นเกมแอ็คชั่นที่ไม่โด่งดังเท่า ตัวเอกเป็น Rodent (สัตว์ฟันแทะ) แหละมัง? ซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นตัวอะไร? (ส่วนชื่อเวอชั่นญี่ปุ่น Nitropunks: Mightheads ซึ่งถือว่าเป็นต้นฉบับนี่ก็ไม่ได้มี hint เลยว่ามันเป็นตัวอะไร แต่ก็มี hint ความสามารถเขาแทนนะ) แม้อาจไม่ได้เป็นแอ็คชั่นขั้นเทพ แต่มันก็เป็นเกมแอ็คชั่นที่แน่นอนว่าต้องวิ่งได้ ไม่งั้นมันจะไม่มาอยู่ตรงนี้ (เหรอ) จริงๆมันก็ไม่ได้วิ่งเร็วเท่าไหร่ (อ่าว) แต่มันมีกิมมิคหนุกๆที่เล่นกับ'ผม' (หรือขนฟะ?) ของมันที่จะเปลี่ยนความสามารถได้ตามทรงผม(ขน?) ซึ่งก็เอาไว้โจมตีด้วย (ดูคล้ายๆ Wario ใน Wario Land ภาคแรกเหมือนกัน) เป็นเกมแอ็คชั่นที่มีกิมมิคแปลกๆ ที่จัดกลุ่มไว้ใกล้ๆ คู่มาสคอต Aero กะ Zero ของ Sunsoft ได้อยู่ แต่อันนั้นครบคู่แล้วเลยเอาจับกับเจ้าเป็ด (หรือไก่?) ด้านบนแทน อืม...




คู่ที่ 8 

Sonic Eraser (Mega Drive/Genesis)

ทีนี้ก็ได้เวลาที่เราจะเริ่มออกทะเลจริงจังกันบ้าง (ที่ผ่านมาไม่ค่อยจริงจังเท่าไหร่) ด้วยความที่ Sonic นั้นดังมาก (ตอนที่ Mega Drive/Genesis ออกวางตลาดโดยบันเดิล Sonic มาด้วย เกมก็โคดดังจน Sega มีส่วนแบ่งในตลาดเกมช่วงนั้นได้กว่า 60%) ต่อมามันก็เลยมีการแตกสายเป็นเกมแนวอื่นๆที่ไม่ใช่เกมสปีดแอ็คชั่นแบบภาคแรกๆด้วย ซึ่ง Sonic Eraser (ชื่อก็มาตรงๆเลย - เมื่อก่อนแว่บนึงนึกว่าเป็นเกมแอ็คชั่น แบบ Sonic รวมร่างกับหนังอาร์โนลเรื่อง Eraser - - ไอบ้า แต่ก็น่าหนุกอยู่นะ) นี่ก็เป็นแนวนึงที่มาเป็น Puzzle ของตก อารมณ์ประมาณ Column เกมดังในยุคนั้น (ที่เป็นอัญมณีสามก้อนเป็นแท่งตกลงมา สลับลำดับได้ จะลบไปเมื่อมีสีเดียวเรียงกันในแนวไหน 3 ก้อนขึ้นไป ที่เหลือจะตกลงมามันเลยจะมี combo ได้ด้วย หรือจะว่าคล้าย Doctor Mario ก็พอได้ แต่อันนั้นลุคมันไม่อัญมณี - ซึ่งอัญมณีก็เป็นของใน Sonic) รวมร่างกับบล๊อกตัว L จาก Tetris แต่จะลบหายไปเมื่อสีเดียวกันเรียงกัน 2 อันในแนวตั้งหรือแนวนอน ส่วนตัวรู้สึกว่าชอบ Column มากกว่า (และเป็นแฟน Tetris) แต่สำหรับสาย Puzzle ของตก ก็เล่นได้เพลินๆนะ





Dr. Robotnik's Mean Bean Machine (Mega Drive/Genesis) 

เพราะงั้นที่มาคู่กันก็เป็นอีกหนึงเกม Puzzle ของตกที่เต็มไปด้วยเยลลี่มีลูกกะตา (บรรยายแบบนี้ปุ๊บน่ากัวแทนเลย...) ซึ่งจริงๆคิดว่าสนุกกว่าเกมด้านบนนะ แต่ที่มันมาอยู่ตรงนี้เพราะจริงๆเกมนี้เป็นการ re-skin ของเกม Puzzle โคดดังของ Compile คือ Puyo Puyo ซึ่งผมก็ชอบมากเพราะมันทำ combo โคดอีปิกได้ (จะว่าเกมนี้เป็นเริ่มๆของ modern puzzle แนวของตก ก็ได้กระมัง?) ซึ่งเป็นสิ่งที่ Tetris เวอคลาสสิคไม่มี (แต่ก็ยังแฟน Tetris เหมือนเดิม) ตัวละครและฉากก็มาเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งไอตัวเยลลี่นั่นก็ยังอยู่แม้จะแปะหน้าเป็นวายร้ายโซนิค Dr. Robotnik ก็ตาม (ก็เลยเป็น Mean Bean Machine แต่ก็ยังว่ามันเหมือนเยลลี่มากกว่านะ (จริงๆคงเป็นสไลม์) คงเหมือนเยลลี่หน้าตาราวๆนี้ที่มีชื่อเป็น Bean เหมือนกัน) ทุกอย่างคือ Puyo Puyo  เพราะงั้น Puyo Puyo สนุกยังไง เกมนี้ก็แบบนั้นแหละ ขึ้นกับว่าอยากลองเปลี่ยน skin มาเป็นอันนี้ไหมแค่นั้น ซึ่งจริงๆ ไอ Puyo Puyo เปลี่ยน skin นี่ไม่ได้มาอยู่แค่เครื่องนี้ แต่มีบน Super Nintendo ด้วยในคราบ Skin ของ Kirby (อีกหนึ่งมาสคอต Nintendo) ในชื่อ Kirby's Avalanche ซึ่งทั้ง 2 เกมก็คือผลิตโดย Complie แหละ แต่เปลี่ยน skin (ส่วน Tetris Attack นั้นที่แปะธีม Mario นั้นไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับ Tetris เลย (ไม่ใช่ของตกด้วยซ้ำ แต่ดันขึ้นจากข้างล่างแทน) ไม่ใช่กรณีนี้ แต่เป็นการ re-skin ของ Nintendo เองจากเกมเวอชั่นญี่ปุ่นชื่อ Panel de Pon ที่มีธีมเป็นสาวน้อยน่ารักแทน - ซึ่งก็ดูเป็นความคิดที่โอเค เพราะ Tetris Attack นั้นดังใช้ได้ทีเดียว) ซึ่งเกมนี้ก็มีบน Game Gear ด้วย




คู่ที่ 9

Sonic 3D Blast (Genesis)

เป็นอีกความพยายามที่จะแตกไลน์ Sonic มาเป็นเกมแอ็คชั่นที่มีมุมมองเฉียงจากด้านบน เป็นแนวแบบ isometric แทน ซึ่งจริงๆกราฟฟิกอะไรๆมันก็ได้บรรยากาศ Sonic อยู่ แต่แทนที่จะบังคับแบบซ้ายขวากระโดด ก็ต้องมาบังคับทิศทางแบบ เหนือ ใต้ ออก ตก แล้วกระโดดได้แทน (คล้ายๆ Zen ของ Konami บน Famicom/NES) เป็นการบังคับแนว 3D ตามชื่อ ก่อนที่จะเปลี่ยนกราฟฟิกมาเป็น 3D โพลีกอนจริงๆซะอีก คือเล่นแบบ Sonic เลยมีกระโดดโจมตีเหมือนกัน แค่เปลี่ยนมุมมองมาเป็นแบบ isometric ก็ถือเป็นความทะเยอทะยานที่น่าสนใจทีเดียว และมันก็ทำได้ลงตัวโอเคได้อยู่ ซึ่งก็เล่นได้สนุกโอเคอยู่นะ แต่ก็คิดว่าเล่นแอ็คชั่น Sonic แบบเดิมสนุกเฟี้ยวฟ้าวกว่าอยู่ดีอ่ะนะฮะ แต่ถ้าอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศดู ก็เล่นได้สนุกเพลินๆอยู่ จริงๆเกมนี้มีลง Sega Saturn ด้วยนะ




Sonic Labyrinth (Game Gear)

เป็นอีกเกม Sonic ที่ต่างไปจากแบบดั้งเดิม ซึ่งดูคล้ายกับ Sonic 3D Blast มาก เพราะใช้มุมมองเหมือนกัน และมีความเป็นแอ็คชั่นเหมือนกัน แต่ไอเดียของเกมนี้ทีแรกคือมันจะเป็น action puzzle แต่ละฉากการที่จะผ่านไปก็จะมีความเป็น puzzle มากกว่า ซึ่งถือเป็นเกมที่นาสนใจดี ที่มาลงเครื่อง Game Gear ซึ่งด้วยจอที่เล็กกว่า และศักยภาพที่อาจไม่เท่าบน Console มันก็มีการออกแบบที่ลงตัวในแบบของมันเหมือนกัน ในเกมนี้แม้จะมีความเป็นแอ็คชั่นแต่ Sonic จะกระโดดไม่ได้ เป็นการสปินหมุนๆพุ่งไปทิศทางนั่นนี่แทน ทีแรกคิดว่าแนวคิดเป็นแบบเอา Sonic 3D Blast มาลดสเปคยัดลง Game Gear แต่จริงๆเกมนี้สร้างก่อนด้วยนะ ถือเป็นเกม exclusive บน Game Gear ที่น่าสนใจเกมนึง อันนี้พอเห็นแล้วนึกไปถึง Kirby's Dream Course นิดๆ ซึ่งใช้มุมมองและสไตล์คล้ายๆกันเลย แต่ของ Kirby เกมนั้นจะแนวเป็นเกมกอล์ฟมากกว่า




คู่ที่ 10 

Sonic the Hedgehog Spinball (Mega Drive/Genesis) 

มาต่อกันกับอีกเกม Sonic เปลี่ยนแนวที่รวมร่างกับคอนเซ็ฟท์ของ pinball แต่อันนี้นี่ถือเป็นเกมที่อาจดูล้ำไม่เท่า Sonic 3D Blast แต่มันออกมาสนุกเอาเรื่อง แถมยังมีเซนส์ของสปีดแบบ Sonic อยู่ด้วย ซึ่งใครจะไปคิดว่ามันเข้ากันได้ดีโอเคเลย มี Boss ด้วยนะ ฟีลลิ่งคล้ายๆเกมอย่าง Devil Crush เหมือนกัน ว่าไปกราฟฟิกของ Sonic Spinball ก็จะออกแนวมืดๆหยึยๆนิดนึง จะไม่สว่างสดใสเท่า Sonic ที่เป็นเกมแอ็คชั่นด้วยแฮะ นอกจากนั้น Sonic Spinball ยังมีภาคบน Game Gear กับ Master System ของ Sega ด้วย ของ 2 เครื่องนี้คล้ายกันมาก แม้จะสเปคลดเทียบกับบน Mega Drive/Genesis แต่ก็ถือว่าพอเหมาะพอสมกับสเปคของเครื่อง (จริงๆ Kirby นี่ก็มีเกมสไตล์ pinball หรือหลังๆหลายเกมที่ทีแรกเป็นแอ็คชั่นก็มีแนว pinball ด้วย เช่น Mario หรือกระทั่ง Metroid ก็ยังมี อีกอันที่พอจำได้คือ Battle Pinball ซีรีส์รวมเหล่าฮีโร่(และวายร้าย)ของ Banpresto)




Sonic Battle (GameBoy Advance)

ความจริงทีแรกกะจะเอาเกมแอ็คชั่นพินบอลเกมอื่นมาจับคู่กับด้านบน แต่ไหนๆมันยังโผล่เกมนี้มา ก็เลยเอาอันนี้มา (จับให้ครบๆ - แม้ทีแรกก็ว่าจะไม่เพราะรู้สึกว่า GameBoy Advance มันอาจจะเป็นเครื่องที่ล้ำมาข้างหลังหน่อย แต่หยวนๆเพราะกราฟฟิกมันก็อาจจะพอมองว่าอยู่แถวๆ Super Famicom/Super Nintendo พอได้-หลายเกมจากเครื่องนั้นก็พอร์ทมาลง GBA อยู่) ดีก่า ลงบนเครื่องยุคหลังมาหน่อยอย่าง Game Boy Advance (จริงๆหลังๆ Sonic Spinball  ก็มาลงเครื่องนี้ของ Nintendo ด้วย และยังมี Sonic Pinball Party ด้วยแต่อันนั้นมันจะดูเหมือนแนวเกม pinball ที่มี skin เป็น Sonic (และเกมค่าย Sega) มากกว่า) แม้จะเป็นแนวแอ็คชั่นเกมแต่มันจะเปลี่ยนมาเป็นแนวแบบ arena battle fighting มุมมองแบบ isometric คล้ายๆ 3D Blast แนวเกมจะออกหน้าตาคล้ายๆแนวแบบ Ehrgeiz (ของ Square + Namco) หรืออาจจะแนวๆ Power Stone (ของ Capcom) แต่อันนี้จะไม่ล้ำเท่าสองเกมนั้นขนาดนั้น (เพราะมันลง GameBoy Advance เองอ่ะนะ) ถือว่าน่าสนใจลองถ้าอยากเปลี่ยนฟีลจาก Sonic แนวเดิมอยู่



วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2563

[เกม] เนื่องในโอกาสไม่ได้ดู Sonic : 13 เกม(แพ็คคู่) ยุค 8 และ 16 บิท Sonic Style : ตอนที่1 (6 คู่แรก)

ก่อนนี้ Sonic ซึ่งเป็นหนัง Live Action ผสมคอมพิวเตอร์กราฟฟิก (สไตล์เดียวกับ Detective Pikachu - ซึ่งว่าไปเด๋วนี้หนังหลายเรื่องก็ผสมคอมพิวเตอร์กราฟฟิกหมดแหละ) มีข่าวดังอันนึงว่าต้องเลื่อนฉายเพราะภาพของ โซนิคและเหล่าผองเพื่อน ซึ่งวาดด้วยคอมพิวเตอร์กราฟฟิกที่ปรากฎออกมานั้นมันช่าง... โคดจะไม่โซนิค (ลองอ่านกันดู>ที่นี่) แต่ดูเหมือนว่าการเลื่อนฉายจะคุ้มค่าอยู่เพราะพอหนังออกมาคำวิจารณ์ก็ดีใช้ได้เลย แถมรายได้ก็ดูโอเคอีก (คำวิจารณ์อาจจะเฉลี่ยน้อยกว่าปิกะจูนิดหน่อย แต่รายได้ดูๆแล้วในอเมริกาน่าจะได้มากกว่าปิกะจู) ซึ่งก็ถือเป็นหนังที่สร้างจากเกมไม่กี่เรื่องที่ถือว่า 'ผ่าน' ทั้งในแง่ของคำวิจารณ์และรายได้



แม้ในบ้านเราเทียบกันแฟนๆโปเกมอนน่าจะเยอะกว่า เทียบกันแล้วแม้จะดังมาจากยุคเครื่องเกมยุคแถวๆ 8-Bit 16-Bit เหมือนกัน (Sonic the Hedgehog เป็นเกมมาสคอตของค่าย Sega ที่ปรากฏโฉมในยุคเครื่อง MegaDrive/Genesis ของ Sega ในปี ค.ศ.1991 ที่กะชนกับมาสคอต Nintendo ซึ่งทำให้ในยุคนั้น Sega ได้ส่วนแบ่งในตลาดวิดีโอเกมมาเยอะมากกก ส่วน Pokemon (Pocket Monster) แฟรนไชส์ดังโคดของ Nintendo ปรากฏตัวด้วย Pocket Monsters เวอชั่น Red กับ Green ใน GameBoy ของ Nintendo ในปี ค.ศ.1996) เอาจริงๆเราก็อยากดูหนังน่ะแหละ แต่ช่วงนี้เดินทางทำอะไรหลายอย่างก็ไม่ค่อยสะดวก หน้ากากอนามัยก็หาไม่ค่อยได้ เพราะสถานการณ์ของ Covid-19 ทำไปทำมาป่านนี้ก็คงจะชวดไม่ได้ดูละ

ซึ่งนอกจากดีไซน์ที่เปลี่ยนไปให้ใกล้เคียงกับลุคดั้งเดิมของ Sonic เอาจริงๆ ตอนเห็นภาพเวอชั่นแรกก่อนเข้าไปแก้ก็งงๆนิดนึงว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจจะเปลี่ยนลุคเกมดั้งเดิมเป็นแบบนี้ (แม้จะพยายามทำให้ดูเรียลๆก็เถอะ) หน้าตาดูแล้วคล้ายๆแบบ...วัยรุ่นตาเซื่องขี้เกียจไปโรงเรียน ซึ่งว่าไปก็ดูขัดๆกับภาพลักษณ์ของ Sonic ที่เป็นแนวๆ Speed Action Game อะไรแบบนี้เล่นไวๆวิ่งปรี๊ดๆชนหนาม กิ๊ง อ่าว...วงแหวนไม่เหลือละ บึ๊ง ตาย... อยู่พอสมควร ถึงจะดูคล้ายลุคเดิมเลยทีนี้ แต่เราว่าเปลี่ยนมาแบบลุคนี้ก็ดีแล้วแหละ (แม้จะแอบสงสัยอยากรู้อยู่บ้างว่าถ้าเอาเข้าฉายด้วยลุคตอนแรกแล้วจะได้ผลลัพธ์มาเป็นยังไงก็เถอะ) นั่นล่ะครับนอกนั้นแล้วก็ยังมี Jim Carry มาวาดลวดลายเป็นตัวร้ายไฮเปอร์ๆอีก (ไว้ต่อกรกับ ไรอัน เรโนลด์ใน Detective Pikachu) ซึ่งปกติก็ชอบลุค Jim Carry แบบนี้อยู่ ก็...เสียดายที่ไม่ได้ไปดูอยู่เหมือนกัน แต่ทำไงได้...

ภาพที่แฟนๆเห็นดีไซน์เดิม (ซ้าย) แล้วกุมขมับ ขอเปลี่ยน (ขวา) จาก tweeter ของ Edward Pun (แต่อันในหนังจริงๆก็คือคล้ายๆ

เอาเป็นว่าไหนๆไม่น่าได้ไปดู Sonic ในโรงละ ด้วยความที่เกมต้นฉบับ Sonic เป็น Speed Action Game อุดมเอเนอจี้อย่างที่บอก เล่นไวเพลงสนุก(ตายก็ไว...แต่มีตัวช่วยอย่างการเก็บวงแหวนไว้ติดตัวซักวงนึงก็รอดได้...ยกเว้นโดนเพดานบีบ หรือ...อากาศหมดในฉากใต้น้ำสุดโหดส์...) จนแฟรนไชส์ประสบความสำเร็จมีภาคต่อเยอะแยะ จนมาถึงปัจจุบัน (แม้ปัจจุบันอาจไม่ดังถล่มขายทลายอย่าง Pokemon ก็ตาม) เด็กๆหลายคนก็ยังรู้จัก Sonic อยู่ (มีโผล่ใน Wreck It Ralph 2 ด้วย) แน่นอนว่าสมัยนั้นก็หาอะไรที่เล่นสนุกเทียบกับ Sonic ไม่ได้ง่ายๆ แต่ยังไงก็ตามเราไป(หาเรื่อง)ดักแก่ เขียนถึงเกมสมัยยุคแถวๆ แนวๆ 8-Bit 16-Bit  ที่แนวๆใกล้ๆกับ Sonic หรือเกี่ยวๆกับ Sonic  กันดีก่า



ส่วนถ้าถามว่าทำไมต้อง 13? แล้วทำไมต้องเป็นคู่? ก็ไม่มีอะไร แค่คิดว่าเอาจำนวนนี้เหมือนครั้งก่อนดูก็ได้ แล้วที่เป็นคู่คือทีแรกคิดว่ามันน่าจะมีกิมมิคนิดๆไหนๆก็เคยคิดว่าจะนึกๆอะไรทำนองนี้อยู่ ซึ่งทีแรกคิดว่าอันนึงจะเป็นเกมแนะนำ อีกอันเป็นตัวเทียบว่าอันนี้มันเกี่ยวๆกับอีกอันอยู่หน่อย แต่อันนี้อาจจะไม่ใช่อยางที่คิด จะลองเล่นก็ควรระวังนิดหน่อยนะฮะ อะไรทำนองนี้ แต่ตอนเริ่มลิสต์ๆ ทำไปทำมา มันก็ไม่ได้จะจัดคู่มาได้แบบนั้นซะทั้งหมดแฮะ... ก็เลยเปลี่ยนเป็นว่า ไว้ค่อยคิดแต่ละคู่อีกทีละกัน... ซึ่งก็จะมีท่าออกทะเลบ้างตามสมควรอย่างที่ก็รู้กันอยู่นะครับ



คู่ที่ 1

Speedy Gonzales: Los Gatos Bandidos (Super Nintendo)


เกมจากค่าย Acclaim สร้างจากการ์ตูนของ Warner Brothers ในก๊วน Looney Tunes (พวก บั๊กส์ บันนี่ กะ แดฟฟี่ ดั๊ก น่ะแหละ) ดูจากชื่อก็คงพอรู้ถึงคาแรกเตอร์ของเจ้า Speedy Gonzales นะฮะ (เจ้าหนูวิ่งปี๊ดๆที่สวมหมวกปีกสไตล์เม็กซิโกอะไรแถวๆนั้น) เพราะงั้นพอมาเป็นเกมซึ่งเจ้าหนูต้องไปช่วยเพื่อนๆ ก็จะต้องวิ่งเร็วปี๊ดๆใช้ได้ ที่ไม่เหมือนโซนิคนอกจากไม่มีเก็บวงแหวนแล้วก็คือเจ้าหนูจะเตะศัตรูได้ แม้ว่าเจ้าหนูจะไม่เร็วเท่าโซนิค และฉากก็ไม่สดใสและออกแบบได้สนุกเท่า (แต่มีโดดดึ๋งๆคล้าย Sonic เหมือนกัน แล้วหลังๆฉากก็จะหลากหลายไปไกลขึ้น) แต่ก็เป็นเกมเล่นสนุกพอเพลินๆใช้ได้นะฮะ




Road Runner (Super Nintendo/Super Famicom)

แม้จะชื่อคล้ายเกมคลาสสิคเก็บทองขุดดิน Load Runner แต่มันไม่ใช่เกมนั้นอ่ะนะฮะ เกมนี้สร้างจากตัวการ์ตูนในก๊วน Looney Tunes เช่นกัน เป็นเรื่องของการไล่จับระหว่างสองตัวแสบ Road Runner ซึ่งเป็นพระเอก(?) เป็นนกอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน หน้าตาคล้ายๆนกกระจอกเทศ ที่วิ่งเร็วปรี๊ดดดด กับตัวร้าย หมาไคโยตี้ Wile E. Coyote ซึ่งในการ์ตูนจะวิ่งจับกันไปกันมา (ซึ่งก็จับไม่ค่อยได้หรอก) ก่อนจะโดนเจ้า Road Runner วิ่งอ้อมมาร้อง ปี๊บๆ ให้ Wile E. Coyote ต๊กกะใจกระโดดใส่กับดักตัวเองซะอย่างนั้น ซึ่งในเกมฟีลก็จะประมาณนั้นเลย ตัวเกมโดย Sunsoft ถือว่าถอดเอารูปลักษณ์ฟีลลิ่งต้นฉบับการ์ตูนมาได้ดีมากๆ แถมยังไงคุณจะได้เล่นเป็น Road Runner วิ่งหนีเจ้า Wile E. Coyote ขนาดวิ่งไต่ผาก็ยังได้ เสียแต่ว่า...ตัวฉากแต่ละฉากนั้นออกแบบได้ทรมานคนเล่นใช้ได้ มันแบบว่า ไปกันไม่ค่อยได้กับความว่องไวของเจ้า Road Runner  ซักเท่าไหร่ เวลาเล่นก็เลยอาจจะหงุดหงิดมากกว่าจะสนุก - - ทั้งที่เกมถอดแบบลุคจากการ์ตูนมาได้แบบใช่มาก ภาพก็สวย ต้องลองดูละกันครับสำหรับคนชอบความท้าทาย(?) เกมนี้มีภาคต่อด้วย แต่ไม่ได้ทำออกมาจนเสร็จเพราะค่าย Sunsoft ปิดไปซะก่อน (แต่มีหลุดมาให้เ่ลนนะ)...





คู่ที่ 2

Zero the Kamikaze Squirrel (Genesis กะ Super Nintendo)

เกมจากค่าย Sunsoft เช่นกัน แม้เกมจาก Sunsoft จะไม่ค่อยถูกพูดถึงว่าเป็นเกมระดับตำนานเท่าไหร่ แต่ Sunsoft ก็เคยมีเกมในตำนานอย่าง Batman ของ Famicom (Nes) มาแล้ว และเกมนี้ก็เป็นมาสคอต(ที่มาจากสัตว์เหมือนกันกับ Sonic แต่ข้างบนมานี่ก็สัตว์หมดเลยนะ)เกมจากทางค่าย ซึ่งเป็นแนว Action ที่สนุกใช้ได้เลย แม้จริงๆเวลาเล่นจะไม่เน้นความเร็วเท่า Sonic (แต่ก็เร็วอยู่)แต่เจ้ากระรอกซีโร่ (กระรอกกังฟูนินจาเฮฟวี่เมทัล) นี่ก็มีท่าเท่ๆอย่างการร่อนไปร่อนมาได้(แต่อาจต้องฝึกคล่องๆซะหน่อยถึงจะเท่ได้) เลยทำให้เกมได้ฟีลหนุกๆเป็นเอกลักษณ์ทีเดียว แม้มันจะไม่ดังถึงกับมีภาคต่อ แต่เป็นเกมแอ็คชั่นที่สนุกดีใช้ได้เลย




Aero the Acro-Bat 2 (Genesis กะ Super Nintendo)

อีกเกมมาสคอตจาก Sunsoft ที่มาก่อน Zero (ที่จริงๆเหมือนตามมาเป็น spin-off กลายๆของเกมนี้) แต่คราวนี้เป็นค้างคาว ที่เอามาตรงนี้ไม่ได้ว่ามันด้อยกว่าแต่ว่ามันไม่ได้เล่นเร็วเท่า Zero the Kamikaze Squirrel แต่มันก็มีท่าเท่ๆ (ที่ก็ต้องฝึกซะหน่อยเหมือนกัน...และ...ใช้ไม่เป็นเล่นไม่ผ่านแน่นอน) อย่างบินควงสว่านแทน ถือเป็นชุดเกมมาสคอตหนุกๆจาก Sunsoft รวมกับเกมข้างบน ถ้าติดใจจะลองเล่นภาคแรกดูด้วยก็ได้ แต่รวมๆแล้วภาค 2 สนุกลื่นไหลกว่านะฮะ เลยเอาภาคนี้แปะนำ






วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

[ภาพยนตร์] TRANSFORMERS - THE LAST KNIGHT ทรานส์ฟอร์เมอร์ส - อัศวินรุ่นสุดท้าย : ก็เพราะมังกรมันเท่...


เริ่มเข้าสู่ ดองซีรี่ส์...


เมื่อนึกย้อนกลับไปแล้ว ตอนที่ Transformers ภาคแรกกลายสภาพจากการ์ตูนตั้งแต่ก่อนโน้น พาวเวอร์อัพด้วยพลังแห่งเทคโนโลยีกราฟฟิกคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ มาลงจอภาพยนตร์ด้วยฝีมือของผู้กำกับ ไมเคิล เบย์ แม้ว่าเนื้อเรื่องอาจจะการ์ตูนจริง แต่ด้วยพลังแห่งเทคโนโลยี เวลาเหล่าทรานสฟอร์เมอร์ปรากฎตัวที แค่มาขยับ ฟี๊บๆๆ แปลงร่างจากยานพาหนะเป็นร่างหุ่นยนต์นี่ แค่นั้นก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว แบบ...ถึงจะดูไม่รู้เรื่องว่ามันแปลงร่างได้แบบพับๆๆ แกร๊กๆๆๆ อย่างที่เห็นจากร่างนึงเป็นอีกร่างนึงได้ตามนั้นจริงรึเปล่าฟะ? คือดูไม่ทัน แต่รู้ว่าเท่มาก แบบสงสัยเลยว่าคนทำคอมพิวเตอร์กราฟฟิกนี่มันต้องมีกี่คนทำอีฉากแปลงร่างพวกนี้ แล้วมันต้องออกแบบการพับก่อนไหม? พับยังไง? มันพับได้แบบนี้จริงรึเปล่า? แต่ยังไงซะแม้ว่ามันจะสามารถพับได้แบบที่เห็นจริงๆหรือพับไม่ได้ เราก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะมันเป็นเทคโนโลยีต่างดาวที่ล้ำกว่าโลกของเรามาก (อ้อ เหรอ?) รู้แค่ว่ามันเท่ชิหาย แค่นั้น ยิ่งตอนซัดกันก็ยังมันส์ แม้จริงๆส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกบางทีว่ามันทำอะไรบ้าง? เพราะดูตามไม่ค่อยทัน แต่ก็มันส์ไว้ก่อน ฉากเท่ๆก็เยอะ อย่างฉากโปรดฉากหนึ่งของกระผมจากภาคแรก คือ ฉากอีตัววายร้ายที่แปลงเป็นเครื่องบิน แปลงเป็๋นหุ่นมาซิวชาวบ้านซะ แล้วก็ฟึ่บแปลงร่างเป็นเครื่องบินไปทำตัวชั่วร้ายสอยเครื่องลำอื่นต่อไป (อ่าว ตกลงฉากเท่สุดคือของตัวร้าย) คือ แบบ โอ้โห เท่สลัด นอกนั้นจุดเด่นก็คงเป็น... บัมเบิลบี กับ ออฟติมัส ไพร์ม นิดหน่อย กับ เมแกน ฟอกซ์ ละมัง? - -

จุดเด่นเพียงเท่านี้ แต่กินขาดด้านความเท่ แค่ฉากแปลงร่างก็น่าตื่นตาตื่นใจเหล่านี้ พร้อม บัมเบิลบี กะสาวเซ็กซี่อย่าง เมแกน ฟอกซ์

คือเนื้อเรื่องมันก็การ์ตูนแหละ แต่ฉากแปลงร่างโคดเท่ ฉากบู๊มั่วมันส์ (และ เมแกน ฟอกซ์) Transformers ก็กลายเป็นแฟรนไชส์ขายความบันเทิงเรื่องใหม่ของโลกได้แล้ว (อ่าว แล้ว ไชอา ลาบัฟ ล่ะเฮ้ย! จิงๆนายก็โอเคอยู่ แต่ก็ เอาว่าโอเคนะ... อืม โคดลำเอียง)

แต่...ท้ายที่สุดแค่พลังของ Transformers เผ่าพันธุ์ปัญญาสูงล้ำจากต่างดาวที่ระหกระเหินมาซัดกันบนโลก ก็อาจจะไม่เพียงพอจ่อการกู้แฟรนไชส์ให้เดินหน้าต่อไปตลอดกาลได้...

เอาจริงๆ หลายเสียงก็พูดตรงกันว่าไม่มีภาคไหนสนุกเท่าภาคแรก (แต่ผมเองอ่ะ 1-2 อ่ะ โอเค ตอนที่ดูครั้งแรกนะ ถึงภาค2 คะแนนมันจะดร๊อปแบบ...แต่ตอนนั้นยังคิดว่าดูสนุกบันเทิงมันส์ดีออก) และภาคหลังๆความสนุกความมันส์ความน่าตื่นตาของหนังก็ลดระดับลงมาเรื่อยๆ (โดย ผกก. ก็ยังเป็น ไมเคิล เบย์ เจ้าเก่า) แต่สำหรับตัวเองที่เอาว่าไม่ได้คาดหวังให้มันเป็นหนังระดับเทพ ขอแค่เป็นหนังดูเอาบันเทิงพอหนุกๆและมีฉากเท่ๆก็โอเคกับการจ่ายตังค์ไปดูในโรง ซึ่งสำหรับผมแม้จะภาค 3 ที่ไม่มี เมแกน ฟอกซ์ หรือ 4 ที่ ไชอา ลาบัฟ ก็ไม่อยู่ละ (ดราม่ากับผู้กำกับจะไม่นำมาพูดถึงในที่นี้) ได้เฮีย มาร์ค วอลเบิร์ก มาแทน ก็ยังดูด้วยความบันเทิงได้ ด้วยรู้สึกว่า อย่างไรก็ตาม เวลาเห็นเหล่า Transformers แปลงร่าง ก็ยังรู้สึกว่ามัน 'เท่' และน่าตื่นตาอยู่ดี (แม้จะดูไม่รู้เรื่องอยู่เหมือนเดิม) แม้จะมีความอลังการคอมพิวเตอร์สร้างของเหล่าอเวนเจอร์มาเวล ตอนนั้นเราก็ยังรู้สึกว่ายังคงรู้สึกว่า Transformers  แปลงร่างมันเท่อยู่ (จนหลังๆ โทนี่ แกไปยุ่งกับเทคโนโลยีนาโนอะไรมั่วซั่วไปหมด ทีนี้จริงๆจะแปลงเป็นออฟติมัส ไพรม์ ยังได้เลยมั้ง??) หรือพอมีไอตัวไหนโผล่มาอลังการๆ มันก็รู้สึกว่ายังเท่ดีอยู่นะ

คือสำหรับผม ดูภาค3 ก็ยังสนุกอยู่ (เนื้อเรื่องนี่ เอาว่าถ้าไม่อะไรมากก็ช่างมัน โอเค) ส่วนภาค 4 อืม... เอาจริงๆภาคนี้ก็มีขยับตัวยุกยิกบ้าง แต่รวมๆก็โอเค มีการพยายามดราม่าในเรื่องทั้งคนทั้งทรานสฟอร์มเมอร์ส์ ยังพยายามมีสาวสวยในเรื่อง และก็มีไดโนเสาร์ทรานสฟอร์มเมอร์ส์ครับ! (จริงๆมันอาจจะเรียกงี้ไม่ได้ เพราะแม้มันจะเป็นจักรกลแต่มันแปลงร่างไม่ได้นะรู้สึก? แต่จำไม่ได้แล้วว่ามันเรียกว่าอะไร?)

พอดีว่าตอนนั้นก็ไม่ได้ดู  Jurassic Park มานานแล้ว...

เอาเป็นว่าตอนจบภาค 4 นี่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะจบหรอก (อันนี้นี่เห็นๆเลย) และไอเนื้อเรื่องที่ใส่มาตอนหลังมันก็ อ่า โอเค๊... ในจักรวาล Transformers ก็ถือว่ามีรสชาติใช้ได้ (ถือว่ายังพอแบกรับเรื่องราวในจักรวาลนี้ได้อยู่-คนที่เกลียดก็น่าจะเกลียดมาตั้งนานแล้วอ่ะนะแต่ว่า) แต่ก็ไม่ได้รอภาค 5 อะไรมากมาย มาตอนไหนก็ตอนนั้น

แล้วภาค 5 ก็มาจริงๆ ในชื่อ The Last Knight (ซึ่งก็อาจไม่ได้แปลว่า ภาคสุดท้าย...) ซึ่ง...จริงๆก็อาจจะติดๆขี้เกียจดูนิดๆบ้าง (เพราะหลังๆมันก็ชักมีไอโน่นของค่ายนี้ค่ายนั้นที่แบบ...พยายามร้อยเรียงให้คนดูแบบต้องตามดูกันยาวๆ... ซึ่งก็เหนื่อยนะ (ก็ไม่ต้องไปดูซิฟระ)) แถมตอนนั้นก็แบบ เริ่มไปดูลำบากหน่อย ทีแรกคิดว่าลำบากขนาดนี้ ตัดไปก่อนก็ได้มัง แต่...ตอนดูหนังตัวอย่างไปๆมาๆ (เวลาไปดูเรื่องอื่น หรือตามเนตก็ตาม) ก็แบบ... มังกร แข้งเท่ดีฟ้อย (เอ็งโดนหลอกด้วยไดโนเสาร์มาทีละ ยังจะโนหลอกด้วยมังกรอีกหรือ??) ไปดูก็ได้(ฟะ)

แล้วตอนถ่อไปดูจริงๆก็...

วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ก่อนออสการ์ 2020 (ที่มาไม่ทัน...) กับหนังจากสตูดิโอ N

*จริงๆอันนี้เขียนถึงหนังเข้าชิงออสการ์ ซึ่งเขียนๆทิ้งไว้กะจะแปะก่อนออสการ์ประกาศผล แต่ด้วยความไม่ตามข่าวอย่างรุนแรงแค่จำว่ามันประกาศผลต้นกุมภา แต่ดันไม่ดูว่าวันไหน ทีแรกกะจะปล่อยก่อนซักวันสองวัน แต่...เอาจริงๆพลาดรู้ตัวอีกที เอ้า ออสการ์ประกาศผลไปแล้วไอบ้า แต่จะทิ้งไปเลยก็เสียดาย (เสียเวลาเขียนซะยาว หลังไม่ได้เขียนมานาน… - - จริงๆเขียนๆเก็บๆไว้ประปราย แต่ไม่ค่อยเสร็จเป็นชิ้นอัน) แต่ตอนนั้นพอรู้ว่า อ่าว อ่าว อ่าว อ่าววว… แล้วก็ขี้เกียจเขียน พร้อมงานเข้ามาบ้าง ก็เลย… แต่ก็คิดว่า เอาน่ะๆ เขียนต่อให้เข้าที่ทางหน่อย แล้วแปะๆไปเหอะ ก็เลย… แบบนี้ล่ะนะครับ 


 ในที่สุดก็ใกล้จะถึงงานประกาศผลรางวัลออสการ์ประจำปี ของภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี 2019 (จริงๆที่ว่าจะเขียนนี่ กะจะขึ้นว่าในที่สุดออสการ์ก็ประกาศรายชื่อผู้เข้าชิง...แต่ตอนนี้...มันจะประกาศผลแล้ว) ว่าไปแล้วปีนี้ก็ใช่จะได้ดูหนังที่มีเอี่ยวเข้าชิงมากมายใกล้ครบทุกเรื่องเสียหน่อย แม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่ได้ดูหนังแบบเกือบครบจะได้อินมากขึ้นอีกหน่อยกับการประกาศรางวัล (ที่แต่ก่อนถึงกับหยุดมาดูที่เขาถ่ายทอด แต่ตอนนี้...ก็นะ...) ในปีหลังๆก็นับว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่หนังชิงออสการ์สาขาหลักๆ ไม่ว่าสายบันเทิงหรือสายดราม่า สายดูเพลิน ดูเอามันส์ได้ หรือดูยากหน่อย ส่วนใหญ่ก็ได้เข้ามาฉายบ้านเราแบบเกือบครบ บางปีก็ได้ลุ้นมากหน่อยเพราะดูมาเกือบครบ ชมได้ ด่าได้ สบายใจ (ถึงจะชมจะด่าอยู่ในกบาลตัวเองคนเดียวซะมากก็เหอะ…)


จริงๆก่อนใกล้ประกาศผู้เข้าชิงก็ไม่ค่อยจะอยู่ในอาการอยากลุ้นมาก เพราะได้ดูไปไม่เท่าไหร่ (อย่างเช่น เข้าชิงแหงๆอย่าง Once upon a Time In Hollywood หรือ Toy Story 4 (เอาจริงๆขนาดภาคต่ออนิเมชั่นชุดโปรดชุดนึงอย่าง How to train your Dragon ภาค 3 ป่านนี้ก็ยังไม่ได้ดู…))





จู่ๆขอหวนไปพูดถึงผลออสการ์ปีที่แล้วซะอย่างนั้น...
ปีก่อน จริงๆ Green Book ก็เป็นหนังโอเค ดูเพลิน ดูสนุก แต่ก็มีจังหวะต่อยดีๆอยู่ ชอบ 2 ดารานำ ได้เข้าชิงทั้งคู่ถือว่าเหมาะสม ไม่ได้เชียร์เรื่องนี้ (จริงๆได้ดูหลังประกาศรางวัลด้วยมัง?) แต่ได้ก็พอโอเค ขัดใจ Black Panther เข้าชิงนิดหน่อย (แต่เขาก็ทำตังค์ถล่มทลายจริงๆ ทำตังค์ในบ้านเกิดมากกว่า Infinity War ซะอีก คิดดู! คือไม่ได้แปลว่าอยากให้ Infinity War เข้าชิงไรแบบนี้แทนนะ หนังมันก็ดีโอเคแหละ แต่กระผมชอบ Infinity War มากกว่าแม้จะคิดว่าข้อเสียใหญ่คือ เอ็งทำมาแบบนี้คนไม่ได้ดู(หลายๆเรื่อง)มาก่อน มันจะดูรู้เรื่องรึฟะ? แต่มันกะจะอีพิคขนาดนี้ก็นะ...จะดูเอาอินมากหน่อยก็ต้องทำการบ้านมาเองอ่ะแหละ - - (ส่วนคนไม่ชอบแนวนี้ก็ไม่น่าเข้ามาดูอยู่แล้วมัง?)) ส่วน Bohemian Rhapsody อืม… จริงๆส่วนนึงต้องยกเครดิตให้ Rami Malek ระดับซิวออสการ์นำชาย แต่อันนี้เราว่าโอเค กะจังหวะหนังสนุกๆ ที่คนไม่ใช่แฟนเดนตายวง Queen อะไรอย่างผมคิดว่าหนังดูสนุกมาก เอเนอจี้ดี กะบวกคะแนนให้ Lucy Boynton ไป… (เฮ้ย! เออ เอาน่ะ) แต่ไงก็ไม่ได้อะไรมากเพราะคิดว่าตัวเองพลาดหนังที่สนใจไปหลายเรื่อง ที่อยากดูมากที่สุดแต่ไม่ได้ดู คือ The Favourite รองลงมาเป็น BlacKkKlansman 
(แต่ก็ไม่ได้เชียร์ Roma ด้วยน่ะนะฮะ แม้เราจะคิดว่ามันดีก็ตาม แต่ไม่ได้เชียร์ขนาดนั้น เอาจริงๆสาขาหนังต่างประเทศก็เชียร์เรื่องอื่นมากกว่า Roma - แต่ก็นั่นแหละ ไม่ได้ดูครบเสียหน่อย)



แอบเชียร์ Lady Gaga เล็กน้อย แต่ก็ดูไม่ครบเลยไม่ค่อยคิดอะไร ยังไงเจ๊กับ Bradley Cooper ก็ได้วาดลวดลาย ในหนังอุ่นๆอย่าง A Star is Born (พร้อมกับเฮีย Bradฯ โชว์กำกับด้วยอีก) ถือว่าดี 



เสียดาย The Ballad of Buster Scruggs ของพี่น้องโคเอนไม่ค่อยมีบทบาทมาก แต่สาขาที่เข้าชิงก็คิดว่าดีแล้ว ตอนได้ดูก็คิดว่าสเกลหนังมันอาจไม่ถึงระดับพิมพ์นิยมออสการ์ แต่มันเป็นหนังที่สนุกมากเลยนะ เราชอบมาก แก้คิดถึงพี่น้องโคเอนได้ดีเลย 





First Man ยังเป็นหนังเอเนอจี้พุ่งพล่านของ Damien Chazelle แม้ท่าทีจะคนละแบบกับสองเรื่องก่อนของเฮีย แต่ในแง่การเรียกความสนใจมันก็ไม่ได้อยู่ในทางแบบ Lala Land รึกระทั่ง Whiplash เราดูเองเราก็คิดว่าดี แต่เราก็ไม่ได้ติดใจมาก ประมาณว่าไม่ได้ชอบเป็นส่วนตัวขนาดนั้นแม้จะคิดว่ามันดี และไม่ได้เข้าชิงก็ไม่ได้แปลกใจอะไร 


แต่ดีใจที่ Mirai ได้เข้าชิงอนิเมชั่นยอดเยี่ยม จริงๆผู้เข้าชิงในสาขานี้เราชอบหมด (อาจจะมี Ralph2 ที่ง้องแง้งไปหน่อย แต่ฉากบรรดาเจ้าหญิงดิสนี่ย์รับน้องนี่ชอบมาก) ชอบมากๆชนิดไม่แน่ใจว่าถ้าตรูเป็นกรรมการตรูควรให้เรื่องไหนดี The Incridibles 2 ก็โคดสนุก Isle of Dogs ก็โคดสไตล์ (แต่ถ้าต้องตัดกันในหนัง ผกก. จิงๆเราชอบความกวนตีนของคาแรกเตอร์ใน Fantastic Mr.Fox มากก่า) แต่เอาจริงๆ Spider-Man: Into the Spider-Verse นี่คือโคดเซอไพรส์ สนุกสัสๆ ดีที่หลงตามคำเชียร์ที่คนอื่นเขาบอกมา ไม่งั้นทีแรกจะชวดไม่ถ่อไปดูละ สาขานี้ก็ค่อนข้างตรงใจ แม้จะชอบทุกเรื่อง แต่เราไม่มีปัญหาแม้แต่นิดที่ Spider-Verse ได้  





เอาแค่นี้แหละ ที่เหลือ… จำไม่ค่อยได้ละ นานเกิน ดันไม่ได้เขียนตอนผ่านไปหมาดๆ… 


ไว้ค่อยหาเรื่องเขียนย้อนแบบเบลอๆเลือนลางๆแบบนี้อีก…
(ซึ่งหนังที่เข้าเงื่อนไขนี้น่าจะมีระดับร้อยเรื่อง…)


กลับมาเข้าเรื่องออสการ์ 2020 ดีก่า…


หนังเข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้ดูในโรงไป 4 เรื่อง คือ Joker, Once upon a Time in Hollywood, Parasite  และก็ Ford V Ferrari ที่เหลือคืออยากดูมากๆหมด โดยเฉพาะ Jojo Rabbit กับ Little Woman 





ส่วนสาขาภาพยนตร์อนิเมชั่นยอดเยี่ยม...ได้ดูในโรงแค่ Toy Story 4 ซึ่ง...ก็จัดว่าสมศักดิ์อนิเมชั่นภาคต่อที่ทีแรกภาคต่อเมื่อหลายปีก่อนก็ตกใจแล้วว่า เอาจิงดิ แต่เขาก็ทำมาดีจริง อันนี้ก็ตกใจกว่า แต่ช่วงนี้เหนื่อยเลยตกใจแบบเนือยๆหน่อย แต่ของเขาก็ยังดีจริงอีกให้ตายเถอะ ถึงจะไปดูแบบเหนื่อยๆ และเอาจริงๆก็ไม่ค่อยเซอไพรส์อะไรแล้วหลังตกใจได้ราว 3 นาทีตอนรู้ข่าวประกาศสร้าง แต่ Pixar ก็มั่นใจแหละว่ามีของ เลยกล้าสร้างภาคต่อของ 1 อนิเมชั่นในตำนาน และเป็นที่รักของหลายๆคน 


ส่วน Star Wars ก็… 
ไตรภาคล่าสุด ผมชอบ The Last Jedi ที่สุดครับ





อันนั้นไว้ว่ากัน
กลับมาเข้าเรื่องต่อ

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2561

PlayStation Classic ! Sony เอามั่ง! 2ตำนานเครื่องเก่าของ Nintendo เวอ Classic ขายดีนักนี่ เราก็ Classic เหมือนกันนะว้อย! แต่...ทว่า...


ขอสั้นๆ ทำไมรู้สึกว่า การไม่มี Castlevania: Symphony of the Night (Akumajō Dracula X: Gekka no Yasōkyoku) คือ...ผิด.

จบ.

ภาพจาก http://castlevania.wikia.com

สั้นกว่าชื่อเรื่องซะอีก - -

เพราะงั้นเอาอีกหน่อย...


ถึงแม้ว่า...
- เอามาลงใหม่แล้วจะไม่มีเพลง I'm the Wind สูญเสียความโคตรคลาสสิคอันสมบูรณ์ เพราะมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ที่ทำให้ในทุกเวอชั่นหลังจากยุคนั้นก็ไม่สามารถมีเพลงนี้ในเกมก็ตาม...

- หรือจะว่า...