วันพุธที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

[ภาพยนตร์] PIRATE OF THE CARIBBEAN - DEAD MAN TELL NO TALES สงครามแค้นโจรสลัดไร้ชีพ : ใครๆก็ไม่รัก แจ็ค (สแปโรว์) แมร่งแค้นกันอย่างเดียว!



แบบสั้นๆ

เมื่อก่อนนั้นผมเคยคิดว่าแบบนี้ "ไตรภาค The Matrix เป็น ภาพยนตร์ไตรภาคที่เจ๋งดีมาก แม้จะไม่ค่อยเชื่อว่า พี่น้องผู้กำกับจะตั้งใจทำเป็นไตรภาคแต่แรก และแม้มันจะมันส์และเท่ไม่เท่ากัน แต่ความแตกต่างในแต่ละภาคทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นภาพยนตร์ไตรภาคที่น่าสนใจและกล้าหาญ อย่างไรก็ตามผมก็ค่อนข้างพอใจแล้วที่เรื่องราวของหนังจบลงตรงแถวๆนี้ คือถ้ามี The Matrix ภาคใหม่ออกมาอีกก็ไม่อยากจะดูแล้ว ในขณะเดียวกันภาพยนตร์อีกไตรภาคที่นึกไปถึงพอนึกถึง The Matrix ที่สนุก เอนเตอร์เทน ได้ใจอีกหนึ่งนั้น คือ การผจญภัยของพ่อกัปตันบ้าๆยวนๆ แจ็ค สแปโรว์  ใน Pirates of the Caribbean นั้นแม้ไตรภาคที่จบไปนี้ก็ดูมีเรื่องราวสมบูรณ์ลงตัวในแบบของมันแล้ว แต่ถ้าจู่ๆเขาจะยังทำการผจญภัยของพ่อบ้าบอกัปตัน แจ็ค สแปโรว์ ออกมาอีก ผมก็ยังอยากจะไปดูว์ว์อีก"

ก็ตอนนั้นก็คิดแบบนี้ล่ะครับ...

แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ความบ้าๆบอๆยวนๆกวนๆของ แจ็ค สแปโรว์ คือหนึ่งในไอคอนและความสนุกสนานบันเทิงใจของหนังชุดนี้ ว่าไปก็เรียกว่าเป็นหัวใจของหนังได้ด้วยซ้ำ

ความจริงแล้วตอนดู Pirates of the Caribbean ภาคแรก ด้วยเสียงลือเล่าอ้างว่ามันเจ๋งมากชนิดมาพลิกฟื้นคำสาปหนังโจรสลัดที่ก่อนนั้นมักจะเจ๊งกันเละ (แถมยังมีโมเดลความหวังใหม่ให้ดิสนี่ย์ที่เอาของเล่นในดิสนี่ย์แลนด์มาสร้างก็ดังเละเทะได้เฟร้ย!) ทั้งที่ทุนทำก็ต้องใช้เยอะมาเนรมิตร เรือ สมบัติ ดาบ คอสตูม ปืนใหญ่ นกแก้ว ฯลฯ โน่นนี่ กลับมาได้คำวิจารณ์ดีมากแถมทำเงินทำทองถล่ม แต่ตอนไปดูครั้งแรกไม่รู้ทำไมผมดันรู้สึกว่ามันก็ไม่สนุกจัดเต็มขนาดนั้นนะ มีจุดจับผิดเอาแต่ใจเล็กน้อยเรื่องมากอยู่นิดๆหน่อยๆ (อารมณ์ประมาณเดินเข้าโรงไปดู Transformers แต่กะว่าต้องได้อารมณ์เหมือนดู Schindler's List ไรงี้ อันนั้นก็เกินไป...) ทั้งที่รู้สึกว่า จอห์นนี่ เด็ปป์ เจ้าของบท แจ็ค ก็บร๊าบร้าดี

แต่เอาเข้าจริงตอนภาคสอง  Dead Man's Chest เข้า พอรู้สึกว่าควรไปดูภาคแรกทวนซักหน่อย คราวนี้ดันรู้สึกสึกว่า อ่าว มันก็ออกจะสนุกสนานบันเทิงเอนเตอร์เทนดีออกนี่ (อ่าว เอาอีกแล้วเอ็ง เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน...) เพราะงั้นตอนไปดูภาคสอง คราวนี้เราก็รู้สึกว่ามันบันเทิงเป็นที่ยิ่ง สนุกสัสๆ จน...ไปสะดุดกับหนังอีกแล้วในช่วงท้าย... (เอ็งจะดราม่าอะไรกันนัก)

ตรงนี้เราจะไม่อะไรกันมาก เพราะนี่ก็ยังไม่เข้าเรื่อง Dead Man Tell No Tales เลย มันก็ทำท่าจะยาวอีกแล้ว ทั้งที่ก็บอกว่าจะเขียนสั้นๆ เอาเป็นว่าสรุปพอดูจบไตรภาคผมก็รู้สึกว่ายังเอนเตอร์เทนกับหนังชุดนี้มากๆ ไอที่เคยขุ่นเคืองอะไรตอนดูภาคแรก ภาคสอง ก็ถือว่าหายๆกันไป เพราะจริงๆมันก็สนุกดีนี่หว่า จบแล้วเราก็นับว่าพอใจมั่กๆ

เพราะงั้นอย่างที่บอกว่าถ้าเฮีย แจ็ค แกจะกลับมาอีก เราก็จะรู้สึกกระตือรือร้นที่จะไปดูเป็นที่ยิ่ง

หลังจากนั้นผ่านมาซักพัก ผ่านมาซักพัก เขาก็กลับมาจริงๆ (ก็แหง ได้ตังค์ไปขนาดไหนล่ะดิสนี่ย์)
ใน Pirates of the Caribbean : On Stranger Tides

(แล้วเมื่อไหร่จะเข้าเรื่อง Dead Man Tell No Tales ละฟ้อยย)
สารภาพว่าผมก็จำอะไรเกี่ยวกับ On Stranger Tides ได้ไม่ถนัดนัก (อ่าว) จำได้บ้างก็แค่มันเกี่ยวกับนางเงือก (อย่าหาว่าสปอยล์ เพราะมันก็มีในตัวอย่างหนังนะ) มี เพเนโลเป ครูซ แสดง ซึ่งก็คิดว่าเป็นส่วนที่ดี มีฉากเล่นกระดานหกบนเรือ และกำกับโดย ร๊อบ มาแชล  และแน่นอนว่ามี จอห์นนี่ เด็ป เล่นเป็นพ่อโจรสลัดแสบ แจ็ค สแปโรว์ เหมือนเดิม

ผมจำไม่ค่อยได้แล้วว่าทำไมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเอนเตอร์เทนเท่าไหร่? ทั้งที่เนื้อเรื่องที่จำได้ลางๆก็คิดว่ามันก็ดูสนุกดี เพเนโลเป ครูซ อาจไม่ได้มาเล่นบทลึกล้ำอะไร แต่คิดว่าก็เป็นตัวละครที่ทำให้ความสัมพันธ์กับ แจ็ค มันนุงนัง สนุกดี หรืออาจเป็นเพราะสเปเชี่ยลเอ็ฟเฟ็คท์? ที่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งหนังที่จัดมาเต็มมากและอยู่คู่กับ  Pirates of the Caribbean มาตั้งแต่ภาคแรก คำสาปไข่มุกดำ ไอฉากกองทัพโจรสลัดอมตะนี่ล่ะฉากขายโคตรๆเลย ซึ่งมันก็ทั้งน่าตื่นตาและสนุกชิหายวายป่วง(ป่วงจริงๆ)จริงๆ ยิ่งภาคต่อมาก็คงไม่ต้องพูด แค่อีตัวตอนท้ายก็ไม่ต้องพูดแล้ว (แต่เราไปเคืองเรื่องอื่นแทน) ภาค At World's End นี่ก็ยังมีอะไรต่ออะไรให้ดูเยอะแยะ แถมจะมาไม่เต็มก็ไม่ได้เพราะเดี๋ยวนี้หนังเอ๊ฟเฟ็คท์จัดหนักก็โผล่มาราวกับยุงฤดูร้อนไปแล้ว (ดีหรือไม่ดีฟระ) คือจะมาทำเอ็ฟเฟ็คท์ธรรมดาๆขาดความอู้หูอ้าหาไม่ได้ ลงไปสองพันล้านบาทก็ไม่เกี่ยว มันจะดูเป็นหนังง่อยตกระดับไปทันที 

หรือเป็นเพราะเรื่องนี้หว่า? เพราะเท่าที่จำได้ลางๆดูเหมือน  On Stranger Tides จะมาเล่นกับฉาก กับอะไรที่มันดูจับต้องได้ชัดเจนกว่าค่อนข้างเยอะเหมือนกัน? อืม...

หรือ จะเป็นเพราะเรื่องที่เขาว่ากัน ว่าเพราะ จอห์นนี่ เด็ป แกนี่แหละ ที่แม้จะเล่นเป็นพ่อกัปตัน แจ็ค ได้เด็ดดวงจนเข้าชิงออสการ์จากบทบ้าๆบอๆขนาดนี้ได้อย่างไร้ข้อกังขาหน้าตาเฉย แต่มันก็อาจเพราะแกก็เอาบุคลิกเพี้ยนๆบ้าๆบอๆไปใส่ไว่ในหนังอื่นส่วนใหญ่ที่แกแสดงนับจากนั้นเหมือนกัน (ส่วนไอครั้นจะมาเล่นบทดราม่าธรรมดาๆ(กว่า)หน่อย มันก็ดันมีเรื่องให้แป้กๆไปไม่มากก็น้อยมันซะเยอะ เช่น Transcendence ไม่อาจทาบเทียบกับครั้งแกแสดงหล่อๆในหนังอย่าง Finding Neverland ได้ ทั้งๆที่พอกลับไปทบทวนดูแล้ว มันก็มีหนังที่ดูโอเคดีสลับๆกันไปนี่หว่า? (แต่จริงๆส่วนใหญ่ผมว่าแกก็แสดงโอเคนะ - บางคนอาจเห็นว่าเอ็งไม่น่าเชื่อเลยเพราะกระทั่ง Through the Looking Glass เอ็งยังบอกว่าแสดงเข้าท่าดี - แต่อันนั้นรู้สึกจริงๆนะ ทั้งที่ภาคแรกนี่(ดูครั้งแรก)ไม่ชอบเลย เพราะเทียบกัน Mad Hatter เวอชั่นดิสนี่ย์นั้น 'บ้าหลอน' กว่าเยอะ) รึเพราะพอบทดราม่าหน่อยคนก็ไม่ค่อยดู พอแฟนตาซีหน่อยมันก็ดูบ้าๆทางเดียวกันไปซะอีก?? อืม...) มันก็เลยดูซ้ำๆช้ำๆซะจนไม่อาจเป็นจุดขาย จุดต่าง ให้หนังได้ซะแล้ว??? อืม...

จริงๆผมว่ามันก็ปนๆกันไปนะฮะ ส่วนนึงก็รู้สึกคล้ายๆว่า ถ้ามันไม่ทิ้งช่วงนานนักอาจจะดีกว่าหน่อยก็ได้? (Transformers ไหมล่ะเมิง??!) แต่บางส่วนก็รู้สึกว่า ไดเรกชั่น ของ กอร์ เวอบินสกี้ ที่กำกับสามภาคแรก มันจะดูจัดเต็มแฟนตาซีพุ่งพล่านกว่าประมาณนึงซะก็ไม่รู้? อืม... ซึ่งก็เสียดายนิดๆเหมือนกันแฮะ เพราะรู้สึกว่ามีก็มีองค์ประกอบที่ดูดีพอตัว ทั้งนักแสดง ผู้กำกับ เรื่อง ก็คิดว่าใช้ได้หมด แต่พอมันมีจุดพร่องไปโน่นนิดนี่หน่อย ดูๆแล้วมันก็เลยไม่เต็มเท่าไหร่ซะอย่างนั้น (แต่คนที่ชอบก็มีแหละ ที่เคยได้ยินมา) แต่เอาเป็นว่าก็ดูพอเพลินๆได้นะฮะ ไม่เติมเต็มความหวังเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ถึงกับตีอกชกหัว

แล้วเวลาก็ผ่านไป....

ไอเราก็รู้แน่ๆแหละนะว่าเขาก็คงจะปล่อย แจ็ค สแปโรว์ มาอาละวาดอีก เพราะหนังก็ยังได้ตังค์อยู่ (ตกลงเหตุผลมีแค่นี้เรอะ?? อ่าว เฮ้ย สร้างเรือโจรสลัดลอยในทะเล ผีดิบคืนชีพ ปีศาจโคตรทะเล อะไรนี่ใช้ตังค์เยอะนะเว้ยเฮ้ย! รึจะให้แจ๊คไปล่าปลาวาฬเผือก??!! ก็ยังใช้ตังค์เยอะอยู่ดีแหละ ดูอย่าง Life of Pi ซิ นั่นก็ต้องใช้ตังค์นา... สุดท้ายเราต้อง All is Lost ไปเลย) แล้ว...เขาก็ปล่อยมาจริงๆ

กับ Dead Man Tell NoTales

สรุปเลยนะครับ จริงๆคนที่อาจจะรู้สึกว่าภาคที่แล้วไม่หนุกเท่าไหร่ ผ่านภาคนี้ไปเลย ก็น่าเสียดายอยู่นะครับ เพราะอย่างน้อยที่สุดหนังก็เปิดเรื่องมาได้แบบมีเอเนอจี้ เล่าไม่ชักช้า เริ่มเล่าต้นสายปลายเหตุมาไม่นาน (มันก็ต้องเล่าบ้างอยู่ๆจะมาซัดกันไม่มีเหตุผลมันก็ออกจะไร้ทิศทางไปซักนิด) และการเล่าเช่นนี้ก็พา แจ็ค สแปโรว์ ไปเกรียนแบบมันส์ๆได้สนุกว่องไวดีทีเดียว เรื่องที่สวมมาถึงใจนึงจะรู้สึกว่า เออ การพยายามโยงตัวละครเยอะแยะเข้ามาในชะตากรรมหนหลังของ แจ็ค (ซึ่งก็เยอะอยู่แล้ว) มันก็ทำให้เรื่องมันนุงนังรุงรังไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่จริงๆมันก็โอเคนะ ก็ไม่ได้แย่ เอาแบบนี้ก็สนุกดี ตัวละครใหม่ทีแรกก็รู้สึกตอนดูจากตัวอย่างว่ามันจะเข้าเร้อ แต่เอาจริงๆตอนดูก็รู้สึกว่าจังหวะอะไรก็เข้ากับ แจ็ค (บาย จอห์นนี่ เด็ป) ใช้ได้ เรื่องที่มันนุงนัง กับฉากแอ็คชั่นที่มันนังนุงไม่แพ้กัน แม้จะไม่ถึงกับทำให้รู้สึกใหม่กริ๊ปถอดด้าม แต่ว่าพอเอามาสวมในบริบทของไอแก๊งโจรสลัด มันก็ยังมีเอเนอจี้พอให้เรื่องสนุกสนานดี ความนุงนังมันก็ดันไม่ใช่เรื่องที่ไม่เข้ากับ แจ็ค สแปโรว์ ซะด้วย ก็สนุกดี แถมฉากโชว์หลายฉากก็ออกมาไม่ผิดหวัง (แม้ไม่ได้หวังอะไรเป็นเรื่องเป็นราวนัก) คือ ดูเจ๋งดี ดูดี หลายฉากทีเดียว

ส่วนตัวร้ายที่แสดงโดย ฆาเวียร์ บาเด็ม ก็ดูน่ากลัวน่าหยะแหยงปนๆกันดีทีเดียว ตอนปรากฏตัวในตัวอย่างนี่รู้สึกยังไง ตอนปรากฏตัวในหนังก็ได้อย่างนั้นเลย (ส่วนใครที่แหยะตั้งแต่ดูตัวอย่างก็...)

ข้อดีมีเยอะ และหนังก็ดู 'สนุก' จริงๆ บางคนว่าคล้ายที่ได้นับจากภาคแรก ซึ่งผมจำแม่นๆไม่ได้แล้ว (อ่าว - แถมเคยไม่ชอบตอนดูหนแรกอีก - อ่าว) ก็ช่างมัน แต่เอาเป็นว่าหนังมาได้สนุกดีทีเดียว แถมยังมีเรื่องราวแต่หนหลังของ แจ็ค สแปโรว์ ให้ได้สัมผัส ซึ่งทำได้โอเค ดูเท่ลงตัวเข้าแก๊ปดีทีเดียว จนบางทีก็สงสัยว่าแล้วทำไมโตมามันเป็นแบบนั้นฟะ เอาบ้างเลย

ข้อเสีย อืม...มาถึงตรงนี้จนได้ มีอยู่สองข้อใหญ่ หนึ่ง เรื่องนี้ผมรู้สึกว่ามาแก๊ปเดียวกะ อัลตรอน อีกแล้ว ตัวร้ายดูน่ากลัวดี ให้มากกับการเป็นตัวร้าย ฆาเวียร์ บาเด็ม ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังนะ (แถมดูทุ่มเท เหมือนกัปตันปีศาจตนนี้กับลูกเรือนี่จะต้องไปถ่ายใต้น้ำให้ผมมันพลิ้วๆรึเปล่าก็ไม่รู้ คงลำบากพิลึกพอๆกับฉากอวกาศไร้แรงโน้มถ่วงที่ต้องไปถ่ายใต้น้ำใน Gravity เลยทีเดียว แต่ถ้าไม่ใช่ คอมพิวเตอร์แต่งหมด...ก็ถือว่าทีมกราฟฟิกทุ่มเทดี (ตอนเขียนซอฟต์แวร์ก็คงยากละวะ) ก็เจ๊ากันไป เพราะภาพที่ออกมาก็ดู 'ได้' ทีเดียว) อันนี้จริงๆชอบนะ แถมจริงๆฉากแอ็คชั่นใหญ่ตอนท้ายก็ ใหญ่ ดี แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันห้วนๆวืบๆอยู่ จบแล้วก็จะรู้สึกว่ามันร้ายหรือยากปางตายไม่ถึงใจ อย่างไรก็ดีดราม่าช่วงนี้ก็ถือว่าส่งอารมณ์ใช้ได้ อาจรู้สึกว่ามันเร็ว ห้วนไปบ้าง แต่จะมาสโลว์ช้าเชือนตรงนี้ก็คงไม่ใช่อีก จุดอ่อนก็อาจมีอยู่ด้วยว่าหนังบิ๊กๆหลายเรื่องก็เล่นดราม่าประมาณนี้บ่อย ดูติดๆกันความรุ็สึกมันก็ถูกทอนไปได้ แม้คิดว่า จอฟฟรี รัช จะเล่นได้ดีแล้วก็ตาม และนางเอก(?-ก็ได้แหละ) คาย่า สโคเดดาริโอ (อ่านแบบนี้มัง? - ผิดก็ขออภัย) ก็เล่นได้ใช้ได้ ไม่ได้ดีเลิศทะลุ แต่โอเคแหละ ผ่าน ชอบซีรี่ส์ Maze Runner เหมือนกันฮะ (เกี่ยวอะไรอีกแล้วฟะ) ส่วนพระเอก เบรนตัน อีกคน ก็โอเคนะ (สั้นจัง) อย่างที่บอก ดาราโอเคนะฮะ

จอห์นนี่ เด็ปป์ ล่ะ? ใครจะว่าซ้ำจะว่ายังไง ฆาเวียร์ บาเด็ม จอห์นนี่ เด็ปป์= แจ็ค สแปโรว์ ก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธลำบาก เสียก็แต่แกมีญาติพี่น้องอยู่ในหนังอื่นๆเยอะเรื่องไปหน่อย ว่าไปเล่นหนังดิสนี่ย์นี่ก็แนวนี้ทั้งนั้นเลยนี่หว่า? จริงๆผมว่าเฮียก็ยังเล่นได้ดีนะ สนุกดี มีจังหวะดีๆหลายอย่าง จริงๆไม่มีปัญหากับเฮียเท่าไหร่ แต่พอดู แจ็ค ผจญภัยมาถึงตอนนี้ ที่มีปัญหาจริงๆน่าจะเป็นว่า ตกลง แจ็ค สแปโรว์ (ควร?)เป็นคนยังไง(แน่ฟระ)? มากกว่า คือ แม้เราจะชอบ แจ็ค ที่เป็นคนบ้าๆบอๆบวมๆเจ้าเล่ห์ๆโกงๆมาตั้งแต่ภาคแรก แต่ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่เราชอบตัวละครตัวนี้ก็เพราะ มันมีความเป็น ดาร์คฮีโร่ อยู่ด้วย คือถึงจะบ้า เจ้าเล่ห์ โกง แต่ก็คล้ายๆมีช่วงพลิก เหตุผลเบื้องหลัง คุณธรรมประจำใจ(โจร(สลัด)) อยู่ด้วย พร้อมกับความลึกลับในตัวแจ็คที่พ้องพานกับสิ่งเหล่านี้ สุดท้ายผมคิดว่ามันจึงเป็นองค์ประกอบที่ทำให้ แจ็ค ดู 'เท่ห์' ได้ขนาดนั้น

แต่ พอเล่นไปๆหลายๆครั้ง มันก็มีช่วงที่แจ็คต้องกลับไปเป็นคนบ้าๆบอๆดูสติไม่พอ ดูไม่มีเป้าหมายหรือความลึกลับอะไรยกเว้นเป็นคนบ้าๆบวมๆเท่านั้น การต้องสลับบุคลิกไปมาแบบนี้ แม้ทางหนึ่งจะบอกว่าถ้าไม่มีโหมดบ้า แจ็คก็น่าจะดูจืด แต่มันก็ทำให้แจ็คดูเป็นอะไรไม่เป็นโล้เป็นพายไปด้วยเหมือนกัน ประมาณ เท่ห์แล้วต้องกลับไปบ้าบอก่อนแล้วค่อยหาช่วงกลับมาเท่อีกครั้ง ซึ่งบางทีก็เลยไม่รู้จะยังไงกับเฮียดี เพราะบางทีมันดูไม่เหมือนมีเรื่องลึกลับอะไร เพียงแต่เฮียกลับไปอยู่ในโหมดบ้าเท่านั้น มันก็เลย...หลายเป็นภาพลักษณ์ของ แจ็ค เองที่ทีมบทก็ไม่รู้จะอะไรยังไงดีเหมือนกัน มีอะไรยังอยู่เบื้องหลังตัวละครนี้บ้าง? ตัวละครนี้จะต้องบ้าไปถึงไหนดี? หรือจะแค่ไหน? บางทีความเท่ของ แจ็ค ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ดูเหมือนว่าก็ต้องมี ก็เลยถูกทอนลงไปอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ

เอาเป็นว่า นี่เป็นการผจญภัยของโจรสลัดกับเรือต้องสาปภาคที่ดูสนุก โอเคเลยทีเดียว เรียกว่าการเปลี่ยนทางมาลองให้สองผู้กำกับ Joachim Rønnin และ Espen Sandberg เจ้าของงานกำกับ Kon-Tiki หนังนอร์เวย์การผจญภัยในทะเลสเปเชี่ยลเอฟเฟ็คท์เรื่องฮิตที่ทำรายได้สูงสุดในบ้านเกิดในปีที่ออกฉาย ถือเป็นแนวทางที่น่าสนใจ จังหวะของหนังเปลี่ยนไปจากภาคก่อน มีเอเนอจี้ขึ้น และก็หรรษาใช้ได้ ช่วงแรกของหนังสนุกมากทีเดียว อาจน่าเสียดายที่ตัวร้ายที่ก็ดูร้ายได้ใจดีจะดูห้วนไปนิดในตอนท้าย และบุคลิกของ แจ็ค ที่ จอห์นนี่ เด็ปป์ ก็ไม่ได้จะพลาดอะไร แต่พอไม่รู้ว่า แจ็ค นี่ควรจะยังไงไปไหนดี มันก็เลยอาจดูเป็นตอนต่อซีรี่ส์ที่พา แจ็ค ไปผจญภัยในแต่ละสัปดาห์ที่แบบว่าพออาทิตย์นี้ไม่ได้ดังใจ ไม่ถึงใจ ก็น่าไปลุ้นต่ออาทิตย์หน้าได้ทันทีเผื่อมันส์อาทิตย์หน้าไปซะมากกว่า ทั้งที่จริงๆมันก็ไม่น่าจะทำแบบนั้นได้ เพราะคงสร้างกันไม่ทันหรอก (ทุนนี่ก็อีก) แต่ จะว่าน่าผิดหวัง อืม... มันก็ไม่ใช่แฮะ 
ก็เป็นว่า แม้จะไม่ใช่ภาคสุดพีคที่ดูแล้วน้ำตาไหลอาบแก้ม (เพราะมีตัวเปรียบเป็นไตรภาคแรก) แต่มันก็เป็นหนังเอนเตอร์เทนที่สนุกดี และก็ยังไม่ทำให้ยี้ แจ็ค จนอาจจะทำให้ครั้งหน้าแจ็คล่องเรือผ่านมาอีกเราก็อาจปล่อยให้ล่องเรือผ่านไปซะอย่างนั้นเลย เอาเป็นว่า (ผมว่าทีมเขียนบทคงการบ้านหนักเหมือนกันอีกเรื่อง) แม้ไม่ถึงใจนักอย่างน่าเสียดายเพราะเริ่มมาสนุกดีไปไกลเหมือนกัน แต่ก็เอาเป็นว่าถ้ามีข่าวแจ็คล่องเรือผ่านมาอีก เราก็ยังแบบ 'เฮ้ย แจ็คมาแล้ว ไปดูกันดีกั่วว ชิวๆ' ได้อยู่หละนะครับ เอาว่า...ครั้งหน้าก็มาดูกันว่า (เขาจะเขียนให้) แจ็ค จะเอายังไงต่อ? 7.6 คะแนน  



แบบยาวๆ 
ไม่รุ สงสัยต้องไปหาเวลาดูทวนภาคแรกมาดู - -



นึกถึง
จริงๆก็นึกถึง One Piece มานานแล้วพอพูดถึง Pirates of the Caribbean (ไม่ใช่ แจ็ค สแปโรว์ นะ อัน
นี้...นึกถึง...มิสเตอร์ทูเรอะ?! ก็ไม่นะ 55) จริงๆ One Piece ก็มีช่วงดร๊อปเหมือนกันสำหรับผม แทบจะเลิกอ่าน และบางครั้งดราม่าของเรื่องก็ซ้อนกันมาจนบางทีก็... แถมบางช่วงยิ่งหลังๆเรื่องมันก็นุงนังเยอะแยะซะจน แจ็ค ยังเทียบไม่ได้ - -  อ่านแล้วจำไม่ได้ว่าถึงไหน ด้านนี้มีใคร ด้านนั้นมันไปทำอะไรกัน เอ๊นี่มันมาถึงตรงนี้ได้ยังไง ก็ออกบ่อย... แต่ก็ยังนับถือจินตนาการบรรเจิด (ที่มาขนาดนี้คือ One Piece จะเอาอะไรมาใส่ในเรื่องก็คงได้หมดแล้วแหละ อันนี้ ยอม...)  ของ เออิจิโร่ โอดะ อยู่ฮะ

ก็...อันนี้ก็หวังว่า จะได้รู้ในช่วงชีวิตนี้ (ระหว่างรอ แจ็ค?... ไหวเหรอฟระ) ว่าวันพีชคืออะไรฟระ? และหวังว่ามันจะไม่แป้ก...นะฮะ


และเอาจริงๆ คิดว่า สองผู้กำกับ Joachim Rønnin และ Espen Sandberg ก็กำกับหนังได้สนุกดี ก็อยากไปหา Kon-Tiki มาดูเหมือนกันฮะ (จริงก็อยากดูมาซักพักแล้ว ก่อนหน้าไพเรทฯภาคนี้เข้าอีก) ก็เหมือนเห็นออกแผ่นอยู่แว่บๆนะ ไว้...









จริงๆถึงแม้จะพูดถึง All is Lost แต่มาแนะนำในเรื่องนี้ก็ดูจะไม่ใช่ (เหมือนจะพูดถึงตอนเขียนถึงเรื่องอื่นไปแล้วด้วย) เพราะงั้น ก็คิดว่าจะแนะนำหนังผจญทะเลเรื่องอื่นแทน ก็คือ In the Heart of the Sea กำกับโดยผู้กำกับ รอน ฮาวเวิร์ด ซึ่งออกมาช่วงที่หลายผู้กำกับฮิตทำหนังสามมิติออกมา (อย่าง The Walk ของ ผกก.โรเบิร์ต เซเมกคิส) ทีแรกเห็นเงียบๆคำวิจารณ์ก็ไม่ดีอะไร แต่พอไปดูจริง เรื่องนี้ถือว่า สนุก กว่าที่คิดพอควรเลยครับ หนังสร้างจากเรื่องราวการผจญปลาวาฬยักษ์ที่เขาว่าเกิดขึ้นจริง และเป็นต้นแบบของเรื่อง โมบี้ ดิ๊ก อาจจะได้มาพูดถึงเต็มๆกว่านี้ซักที แต่เอาว่าใครเคยข้ามเรื่องนี้ไป จริงๆลองหยิบมาดูก็ได้ครับ คิดว่าหนังน่าสนใจกว่าที่คิด (แต่มันก็ไม่ใช่จะเป็นสายเอนเตอร์เทนสุดตัวแบบ  Pirates of the Caribbean นะ แม้ ผกก. รอน ฮาวเวิร์ด จะมีท่าบิ๊วด์ของแกก็ตาม)


ปล.ก็มีข่าวว่า Matrix นี่เขาจะ...กลับมา...กะเขาด้วย...อีกแหล่ว... โรงเรียนฮอลลีวู้ด
โปรดรอด้วยใจระทึก...

งึกๆ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น