วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2559

SHOOT 'EM UP รำลึก : ดนตรีประกอบสุดโปรด บน SUPER FAMICOM


SHOOT 'EM UP หรือ SHMUP หรือถ้าจะเรียกง่ายๆก็เป็นเกมยานยิง (แต่บ้างก็เป็นเครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์หรืออื่นๆ - บางนิยาม และบางที่อาจรวมเกมแนวอื่นที่ไม่ใช่ยานยิงเข้าไปบ้าง เช่น หุ่นยนต์ที่ควบคุมได้ แต่ในที่นี้ขอเน้นเฉพาะแนวนี้เป็นหลัก) นั้น เป็นแนวเกมที่เคยมีออกมามากมายในเจน 8 BIT และ 16 BIT และมีตระกูลสร้างชื่อมากมาย เช่น GRADIUS, SALAMANDER, TWIN BEE, 19XX, RAIDEN, STAR SOLDIER, THUNDER FORCE, R-TYPE ฯลฯ ก่อนจะเสื่อมความนิยมไปมากในเวลาต่อมา แม้จะมีรูปแบบเกมใหม่ๆออกมาสร้างสีสันและกระแสเป็นระยะ เช่นตระกูล BULLET HELL (กระสุนว่อนทั่วจอชนิดเห็นครั้งแรกๆอาจรู้สึกว่าบินชนกระสุนไปเลยจะสะดวกกับจิตใจมากกว่า) หรือเกมตระกูลเก่าก็ยังเข็นภาคใหม่ออกมาอยู่บ้างนานๆหน (แล้วก็ค่อยๆหายไป...) แต่ก็ด้วยการไม่ได้รับความนิยมมากอย่างในอดีต ความเกรียงไกรแต่หนหลังจึงไม่อาจเห็นได้ชัดถนัดตาเสียแล้วในตอนนี้

แม้ว่าในช่วงหลังเกมตระกูลนี้จะดูมีออกมาหลากหลายเยอะแยะมากมายผ่านแอพมือถือ เกมเก่าที่ถูกพอร์ตมาก็เยอะ และมีหลายเกมใหม่ๆจากผู้สร้างทั้งอินดี้และไม่อินดี้ที่น่าสนใจ มีเกมสนุกๆหลุดมาก็หลายเกม แต่ก็ดูเหมือนเป็นส่วนเล็กๆในวังวนแอพเกมจำนวนมหาศาล

จู่ๆก็จึงอยากมองย้อนไปดูเกมเหล่านี้อีกทีซะแบบนั้น  และเพื่อความสะดวก ก็ขอเลือกเกมที่อยู่บนเครื่อง SUPER FAMICOM (หรือ SUPER NINTENDO ENTERTAINMENT SYSTEM - SNES เครื่องโทนขาว-ม่วง ในโซนอเมริกาและยุโรป) ซึ่งถือเป็นอภิมหาตำนานวงการเกมเครื่องหนึ่งจาก NINTENDO และเป็นยุคที่ได้สัมผัสเกมบนเครื่องนี้เยอะหน่อยมารำลึกกันก่อน แม้ในยุคเดียวกัน เกม SHOOT 'EM UP บน PC-ENGINE และ MEGA DRIVE จะมีออกมามากและโดดเด่นไม่แพ้ SUPER FAMICOM (เผลอๆจะมากกว่าด้วย) แต่ SUPER FAMICOM ก็มีเกม SHOOT 'EM UP คุณภาพและโดดเด่นออกมาไม่น้อย และด้วยความคุ้นเคย จึงเลือกเครื่องนี้มาก่อนเลย

และโดยที่นึกๆดูแล้วแม้เมื่อก่อนจะมีช่วงที่รู้สึกว่าเกมยานยิงอะไรก็คล้ายๆกันอยู่มาก ทั้งบรรยากาศ การเล่น ดนตรีประกอบ แต่พอย้อนมองไป ก็รู้สึกขึ้นมาว่า ดนตรีประกอบของหลายเกมยังติดหูอยู่จนทุกวันนี้ และเมื่อคิดดูดีๆ มันก็มีความแตกต่างหลากหลายและโดดเด่นในตัวของมันอยู่มาก (แม้เมื่อพูดถึง SOUND TRACK แห่งยุคสมัยหลายคนมักนึกถึง TRACK จากเกม RPG รึ ACTION ไอคอนประจำเครื่องซะมาก ซึ่งอาจเป็น TRACK แสดงซีนอารมณ์ปะปนมาด้วย ขณะที่สำหรับ SHOOT 'EM UP ดนตรีประกอบส่วนใหญ่มีไว้สร้างบรรยากาศในการเล่นมากกว่า แต่จริงๆดนตรีประกอบของเกม SHOOT 'EM UP หลายเกมนั้นเรียกได้ว่าจี๊ดมากนะ) เพราะงั้นแทนที่จะมานั่งแนะนำรีวิวเกมอะไรต่ออะไร เราขอเริ่มด้วยอะไรที่จู่ๆก็อยากไว้ก่อน (ทื่อๆแบบนี้แหละ) ด้วยดนตรีประกอบเกม SHOOT 'EM UP บนเครื่อง SUPER FAMICOM ที่ข้าพเจ้าชอบที่สุด 5 อันดับแรก (ทีแรกว่าจะ 10 ก็ขี้เกียจ และมันก็ดูมากเกินไปนิด) มาบันทึกไว้ก่อน (กันดื้อๆ) ก่อนที่จะต้องลุ้น (กับตัวเอง) ต่อไปว่าตอนหน้าจะเอาอะไรมาบันทึก? หรือจะยังมีอีกไหม? เมื่อไหร่?...

(คำเตือน : ความอินในหัวข้อแบบนี้สำหรับคนที่จู่ๆเปิดมาฟังเลยกับคนที่เคยฟังตอนเล่นมาก่อนอาจจะไม่เท่ากัน แถมสำหรับคนที่เล่นความอินใน SOUND TRACK ซึ่งอาจมีผลจากตอนเล่นส่งผลบ้างก็อาจไม่เท่ากันอยู่ดีแหละมัง...)

สำหรับตอนนี้ขอเริ่มกันเลยในหัวข้อ ดนตรีประกอบเกม SHOOT 'EM UP บนเครื่อง SUPER FAMICOM ที่ประทับใจข้าพเจ้าที่สุด เริ่มด้วยอันดับที่ 5    



5. R-TYPE III : THE THIRD LIGHTNING
เกมยิงประจำตระกูลของ IREM ที่เป็นภาค EXCLUSIVE ลง SUPER FAMICOM ในสมัยนั้น (ต่อมาอีกนานถึงพอร์ทลง GAMEBOY ADVANCE) ซึ่งตระกูลนี้พอจะบอกได้ว่า IREM ไม่ค่อยพลาด ทั้งเกมเพลย์และ SOUND TRACK ด้วยฉากที่หลากหลาย และโทนดนตรีก็เปลี่ยนไปตามบรรยากาศในฉาก บางฉากฟังแต่ SOUND TRACK ยังไม่นึกว่าเป็นดนตรีประกอบเกมยิงด้วยซ้ำ ลดความรู้สึกอิเล็คทรอนิคส์ลง หลาย TRACK ผสมบรรยากาศร๊อคมามากขึ้น มีจังหวะกระแทกกระทั้นมากขึ้น ให้บรรยากาศต่างไปจากภาคก่อนหน้า แม้ว่าจะมี TRACK ที่ชอบมากชอบน้อยต่างกันไปบ้าง แต่เอาแค่ TRACK ที่ชื่อ OUTER SPACE ที่ REMIX มาจากดนตรี STAGE 1 ของ R-TYPE ภาคแรก ให้ฟังดูทันสมัยฉับไวขึ้นและมีบรรยากาศร๊อคๆ และยังมีสำเนียงแบบ JAZZ ผสมอยู่ (นิดๆ) นี่ก็คุ้มแล้ว TRACK อื่นๆถือว่าดีทั้งอัลบั้ม ส่วนตัวอาจติดนิดตรงที่เพลงตอนสู้ BOSS ที่แต่งใหม่และมีลูกเล่นรายละเอียดใช้ได้ ตอนเล่นก็สร้างบรรยากาศได้ดี มีช่วงรุกเร้าได้สนุก แต่พอฟังเปล่าๆรู้สึกเฉยๆไปซักหน่อย และอาจจะเป็นที่ ดนตรี STAGE 1 ของ R-TYPE ภาคแรกถูกเอามา MIX ใน TRACK อื่นซ้ำอีก แม้ว่าโดยตัว TRACK ต้นฉบับจะถือเป็น TRACK คลาสสิค และที่ MIX จะทำได้ดีก็ตาม

TRACK แนะนำ : OUTER SPACE

COMPOSER : IKUKO MIMORI

(OUTER SPACE)
(ลองฟังลิสต์ทั้งหมด ที่นี่ )


วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2559

[ภาพยนตร์] STEVE JOBS สตีฟ จ็อบส์ : หลังเวที ของชายชื่อ สตีฟ จ็อบส์


รวดเร็ว ฉับไว ยิงรัว ไม่ใช่ด้วยปืน แต่ด้วยคำพูดและบทสนทนา ปะติดปะต่อเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชีวิตของ สตีฟ จ็อบส์ ชายผู้ก่อตั้งและเป็นตำนาน(รวมถึงส่วนหนึ่งของตำนานอื่นๆ)แห่งบริษัทแอปเปิ้ล เต็มไปด้วยรายละเอียด ตัวละคร อารมณ์หลากหลาย ผ่านเรื่องราวหลังเวทีครั้งสำคัญของ สตีฟ จ็อบส์ ทลักทลายผ่านบทสนทนาและการแสดง 8.7 คะแนน

ถ้าคุณรู้จัก สตีฟ จ็อบส์ และบริษัท แอปเปิ้ล แค่เพียงผิวเผิน และอยากรู้จักมากขึ้นจากหนังเรื่องนี้ นี่อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณหรือไม่ก็ได้ ถ้าคุณหลงใหลผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ลและรู้ว่าชายชื่อ สตีฟ จ็อบส์ มีส่วนสำคัญยิ่งในการนำมันออกมาสู่โลก (และตลาด) หนังเรื่องนี้อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณหรือไม่ก็ได้ ถ้าคุณเทิดทูน สตีฟ จ็อบส์ หรือ แอปเปิ้ล มาก ก็ยังคิดว่าคุณน่าจะไปดูหนังเรื่องนี้ หรือถ้าคุณอาจหมั่นไส้ แอปเปิ้ล หรือ สตีฟ จ็อบส์ นี่ก็ยังน่าจะเป็นหนังที่น่าสนใจสำหรับคุณอยู่เหมือนกัน ที่แน่ๆมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตของชายชื่อ สตีฟ จ็อบส์ ส่วนหนึ่งของบริษัทแอปเปิ้ล และอีกหลายๆส่วนที่น่ารู้ ถ้าในทีแรกคุณรู้จักแค่ สตีฟ จ็อบส์ กับ แอปเปิ้ล เพียงแต่ว่า...ถ้าคุณเตรียมตัวมาดีในการเตรียมรับฟังเรื่องราวที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะนำเสนอ มันน่าจะดีมากกว่าที่คุณจะไม่ได้เตรียมตัวไปเลย...

และคุณควรเตรียมตัวตั้งแต่เห็นโลโก้ลูกโลกของยูนิเวอร์แซลเริ่มหมุน (สตูดิโอผู้สร้าง หลังจากโปรเจ็คท์หลุดมือจากโซนี่ และใช่ครับเป็นสตูดิโอรายเดียวกับที่สร้าง JURASSIC PARK กลับไปซ้อมดูโลโก้ไว้ก่อนก็ได้ครับ แต่อย่าดูหนังเพลิน) เลยทีเดียว...

สองหนังใต้ชายคา DISNEY : AVENGERS - AGE OF ULTRON และ TOMORROWLAND

ฉายกันไปตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้วโน่นทั้งคู่ แต่เอามาพูดถึงตอนนี้ เพราะ ติดไว้ว่าอยากพูด แต่ขี้เกียจเขียนแยกแล้ว พูดสั้นๆไปเลยละกัน

เรื่องแรก
AVENGERS : AGE OF ULTRON  อเวนเจอร์ส: มหาศึกอัลตรอนถล่มโลก
อัลตรอนเจ้าเอย...




ความจริงการที่หนังเรื่องนี้มีตัวละครที่ก็เยอะอยู่แล้ว แถมภาคนี้ก็มีตัวละครเยอะขึ้นไปอีก น่าจะดูเป็นอันตรายต่อจุดเด่นของภาคที่แล้วประการหนึ่ง ค่าที่แม้ตัวละครจะเยอะ มารวมกันจากแฟรนส์ไชน์ของใครของมันที่ปูไว้ดิบดี เมื่อมารวมกันบู๊ในหนังเรื่องเดียว (พร้อมมีตัวละครเพิ่มมาอีก) ผู้กำกับพ่วงเขียนบท จอส วีดอน ก็ยังดูเหมือนจะเข้าใจความสำคัญของแต่ละตัวละครที่มารวมกันดี จนสามารถแบ่งสรรปันส่วนช่วงเวลาและบทให้กับทุกตัวละครได้อย่างไม่มีใครน้อยหน้าใครและกลมกล่อม จนทำให้หนังออกมามันส์และฮิตระเบิดกันไป ตั้งแต่ก่อนมาอยู่ใต้ชายคา DISNEY

และภาคนี้เมื่อทุกท่านมารวมกันอีกครั้ง ทั้งยังมีตัวละครหน้าใหม่เพิ่มเข้ามาอีกก็ดูเหมือนว่าการรวมกันและแบ่งสรรปันส่วนช่วงเวลาของแต่ละตัวละครจะไม่ง่ายซะแล้ว หนังจะพร้อมรับความคาดหวังของผู้ชมและปราสาทมิกกี้ได้หรือไม่ ??!!!

วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2559

[ภาพยนตร์] THE 5TH WAVE อุบัติการณ์ล้างโลก : อุบัติการณ์ล้างโลก (อเกน!)


ไซไฟมนุษย์ต่างดาวบุกโลก ฟอร์มมาตรฐาน (ขนาดชื่อไทยยังมาตรฐาน) โธ่ น้องโคลอี้ ตอนท้ายง่ายไปหน่อย 6.8 คะแนน 

ความจริงในตอนเริ่มเรื่องของ 5TH WAVE ก็ดูไม่เลวนะครับ ซึ่งก็เห็นได้จากตัวอย่างหนังไปบ้างแล้ว ว่ามียานบินลึกลับมาเยือนโลก และหลังจากปรากฏตัวให้แปลกใจ ตระหนก กระทั่งอกสั่นขวัญแขวน ผู้มาเยือนในยานบินนั้นซึ่งถูกให้ฉายาว่า ผู้มาจากดาวอื่น (THE OTHERS) นั้นก็เริ่มจู่โจมผู้คนบนโลกด้วยวิธีต่างๆเป็นระลอกๆ (WAVE) เริ่มจาก ตัดพลังงาน คลื่นยักษ์ การใช้เชื้อโรค แฝงตัวปะปนกับหมู่มนุษย์ จนผู้คนค่อยๆลดลง และกลุ่มที่เหลือรอดก็พยายามหาทางเอาตัวรอด และรับมืออุบัติการณ์ครั้งนี้ พยายามที่จะหาวิธีรับมือผู้มาจากดาวอื่นให้ได้ ก่อนการจู่โจมระลอกที่ 5 จะเกิดขึ้น...

จริงๆแล้วในช่วงเริ่มต้นของหนังก็น่าสนใจใช้ได้นะครับ ในตอนที่ผู้มาจากดาวอื่นเริ่มจู่โจมโลกด้วยการตัดพลังงาน หรือการใช้เชื้อโรค มันก็แสดงให้เห็นกันพอประมาณว่า(มนุษย์)โลกเราต้องพึ่งอะไรบ้างในการดำเนินชีวิต ถ้าขาดมันไปจะเป็นยังไง? หรือโรคร้ายที่แฝงอยู่ในสิ่งมีชีวิตอื่นรอบๆตัวเรา ถ้ามันเกิดการติดต่อในหมู่คนแล้วมันจะเป็นยังไง? แล้วถ้ามันเกิดขึ้นพร้อมๆกันล่ะ? เราจะรับมือเหตุการณ์เหล่านี้ได้แค่ไหน?...

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559

[ภาพยนตร์] THE HATEFUL EIGHT 8 พิโรธ โกรธแล้วฆ่า : 8 คนไม่น่าไว้ใจ มาทำอะไรในที่พักกลางหิมะ?


8 คนเถื่อนในที่พำนักท่ามกลางพายุหิมะ ในช่วงใกล้ๆสงครามกลางเมืองรัฐฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ในอเมริกา (น่าจะหลังมาหน่อยๆ) ยังคงมีความยียวน ไม่น่าไว้วางใจว่าจะเอายังไงแน่ ทั้งในการแสดงและบทสนทนา พร้อมยังมีความจังหวะความรุนแรงเฉพาะตัว (แบบเดาได้บ้างไม่ได้บ้าง) ในสไตล์ของ เควนติน ทารันติโน่ เพราะงั้นขาประจำตีตั๋วดูได้เลย ส่วนขาจรถ้าชอบอะไรๆที่ว่ามาในหนังซักเรื่อง ระวังแค่เรื่องความยาวก็คงพอ (แต่เราดูก็ไม่ค่อยรู้สึกตอนดูว่า เฮ้ย ยาวจัง เมื่อไหร่จะ... นะ) 7.8 คะแนน  คะแนนอาจดูกั๊กๆซักหน่อย แต่ก็เพราะข้อด้อยสำคัญ (สำหรับพ้ม) น่าจะแค่ในกระบวนหนังเควนติน มันมาต่อจาก DJANGO UNCHAINED เท่านั้น...

จริงๆแล้วเขียนแค่ด้านบนนี้ก็คงพอ แต่เพื่อไม่ให้เสียกระบวน และไม่ให้คิดไปว่าเหมือนไม่ค่อยชอบหนัง ก็เขียนอีกซักนิดก็แล้วกัน

นั่นซิครับ? 8 คนไม่น่าไว้ใจ มาทำอะไรในที่พักกลางหิมะ? เอ้า ก็มันมีพายุหิมะ จะให้ฝ่าพายุไปเสี่ยงชีวิต ค่าหัวที่อุตส่าห์แบกมากับชีวิตตัวจะเปล่าดายตายซากท่ามกลางความหนาวเหน็บมันก็ไม่ใช่เรื่อง แต่พอดีว่าในที่พักมันก็มีคนจับจองหลบภัยกันอยู่หลายคน มันก็ต้องหลบๆด้วยกันไปก่อนนี่แหละ รอเวลาว่าเมื่อไหร่พายุหิมะจะสร่างซาและพัดผ่านไป... พูดอีกที 8 คนไม่น่าไว้ใจ มาทำอะไรในที่พักกลางหิมะ? ก็มาให้มีเรื่องกันนั่นแหละ ตามสไตล์หนังเควนตินล่ะนะครับ ดูชื่อไทยก็รู้ 8 พิโรธ โกรธแล้วฆ่า! มันต้องมีอะไร(รุน)แรงส์ๆ บ้าๆบอๆ กวนๆยวนๆ กว่าที่เราเห็นใน 12 ANGRY MEN ที่ก็โกรธแต่ไม่ได้มาทำอะไรแบบนี้แน่นอน!?

เพราะงั้นจริงๆ อะไรๆที่เราเห็นในหนังเควนตินส่วนใหญ่ก็ยังอยู่กันครบ นักแสดงแต่ละคนก็เล่นกันมันส์ใช่ย่อย ใครที่คิดว่าเฮ้ยทางเราอยู่แล้วอะไรแบบนี้ ก็ไปดูได้เลย จะได้รับอะไรที่คาดหวังไว้ไม่มากก็น้อยแน่นอน ไม่ผิดไปจากนี้ได้ ไม่ต้องอ่านต่อ เพราะที่เหลือจะไว้บ่นถึงอะไรที่ทำให้คะแนนมันกั๊กๆก็คงพอ (แปลว่าต่อจากนี้อาจมีบางอย่างที่หลุดมาแล้วบางคนคิดว่าสปอยล์ก็ได้)

วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2559

[ภาพยนตร์, อนิเม] THE BOY AND THE BEAST ศิษย์มหัศจรรย์ กับ อาจารย์พันธุ์อสูร : หนีไปในโลกสรรพสัตว์



อนิเมชั่นจากญี่ปุ่นยี่ห้อ มาโมรุ โฮโซดะ (THE GIRL WHO LEAPT THROUGH TIME, SUMMER WARS, WOLF CHILDREN) เล่าถึงเด็กชายหลงทางไปในโลกของสัตว์ป่า แม้จะยังไม่ได้ดูผลงานที่ผ่านมาในวงเล็บของ มาโมรุ โฮโซดะ เลย แต่คิดว่าแฟนๆไม่น่าจะผิดหวัง เพราะขนาดไม่ใช่แฟนอย่างผมก็คิดว่าดูสนุก และซาบซึ้งพอควร แม้จะให้ความรู้สึกถึงบรรยากาศของมังงะเมนสตรีม (ยกตัวอย่าง... อะไรดี... นารูโตะละกัน) แต่เป็นเรื่องที่วางรายละเอียด เนื้อเรื่อง คาแรกเตอร์ ได้ดี (ชอบกว่าหนังโรงล่าสุดของนารุโตะ - ซึ่งยังไม่ได้เขียนถึง) อาจเพราะมันไม่ต้องมีกรอบเกณฑ์จากต้นฉบับอื่นๆก็ได้ เรื่องถึงได้ดูจบสมบูรณ์ในตัวเอง และลงตัวกว่าเยอะครับ แฟนๆอนิเม รึคนชอบนารูโตะอะไรงี้ก็ดูได้นะครับ อ่อ รึแฟนๆค่ายอื่นอย่างจิบลิ ก็ยังน่าจะดูได้นะครับถ้าไม่เคยดูสายอื่นนอกจากจิบลิ ก็ถือว่าน่าสนใจ เพราะโทนอยู่ในทางซาบซึ้งอบอุ่น (แม้จะรู้สึกว่ามีความเป็นมังงะเมนสตรีม(รึจะเรียกสายมหาชนก็พอได้ - แต่จิบลินี่ว่าไปก็เป็นสายมหาชนสำหรับอนิเมรึป่าวหว่า?)มากกว่าอย่างที่ว่า) และแม้สไตล์จะไม่เหมือนกัน แต่ก็ สวย ปราณีต ดีทีเดียว 7.7 คะแนน

เรื่องเล่าถึงเด็กชายซึ่งเจอเรื่องหนักในชีวิต หลงเตลิดไปจนหลงไปในโลกของสัตว์ป่า ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงของบรรยากาศใกล้การประลองเพื่อจะขึ้นเป็นประมุข แทนประมุของค์เดิมซึ่งพ้นหน้าที่และอยู่ระหว่างเลือกว่าจะกลายไปเป็นเทพเจ้าอะไรดีต่อไป

แม้จะรู้สึกถึงโน่่นนี่หลายอย่างและผมก็สงสัยตัวเองในตอนเริ่มดูว่านี่มันจะเด็กไปสำหรับตรูรึเปล่า? ค่าที่ว่ามันออกแนวดินแดนสัตว์ (แต่นายก็ดู KUNGFU PANDA ไรงี้สนุกไม่ใช่เรอะ? < ดูอนิเมสนูปี้ยังสนุกเลยเหอะ - -) และทีแรกที่เห็นคาแรกเตอร์ในโลกนั้นก็ต้องตั้งเป้าระวังอยู่บ้าง เพราะกลัวมันจะทำตัวซาบซึ้งเกินเหตุ ว่าไปหนังก็ตั้งใจซาบซึ้งแหละครับ แถมคาแรกเตอร์ยังออกแบบมาให้ได้ใจคนดูอยู่พอควร แม้บางคนอาจจะรู้สึกว่าตรูจะซาบซึ้งไปกับมนุษย์หมี (?) มนุษย์หมา (?) มนุษย์หมู มนุษย์ลิง มนุษย์หมูป่า ฯลฯ ได้หรือเปล่าฟระ? แต่เอาจริงบุคลิกของแต่ละตัวละครก็ถูกออกแบบมาให้มีความโดดเด่นชัดเจนกันดี ในแมนเนอร์แบบการ์ตูนญี่ปุ่นแหละ (คือประมาณเปลี่ยนจากหน้าคนมาเป็นหน้ามนุษย์สัตว์ป่า)

เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของการมองเห็นคุณค่าในตัวเองผ่านตำแหน่งแห่งที่ที่เรารู้สึกเมื่ออยูท่ามกลางคน (?) อื่นๆ นั่นซิ แม้จะเห็นเรื่องอะไรแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่เราก็ยังจะได้เห็นเรื่องของการหาตำแหน่งแห่งที่ และให้คุณค่ากับตัวเอง และสิ่งต่างๆที่เราคิดว่ามีความหมายกับเราผ่านสิ่งอื่นๆที่อยู่รายรอบเสมอๆ นั่นจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีตัวตนขึ้นมา? หรือไม่นั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถสร้างตัวตนของเราโดยอ้างอิงมาจากสิ่งอื่นๆที่อยู่รายรอบ เรา(ๆ)จึงต้องสร้างตัวตนกันขึ้นมาโดยอ้างอิงตำแหน่งแห่งที่ของกันและกัน จนมีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง(หรือเป็นสมาชิก)ของที่ใดที่หนึ่ง จนเราสามารถให้ความสำคัญหรือเห็นความสำคัญของตัวเองได้

วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2559

[ภาพยนตร์, สารคดี] IRIS ไอริส...เปรี้ยวที่ใจ วัยไม่เกี่ยว : ป้าไอริสครับ ทำไมป้าจี๊ดขนาดนี้!!!???...



แม้คุณจะไม่รู้จักว่าผู้หญิงชื่อไอริสเป็นใคร (แต่ถ้ายิ่งรู้จัก ไปดูเถอะ! แต่...อาจไม่ต้องบอกแล้วมัง?) แต่ถ้าคุณเป็นคนสนใจแต่งตัว สนใจแฟชั่น สนใจศิลปะ ชอบอะไรๆที่มีสีสัน สนใจชีวิตใครๆที่มีรสจี๊ดๆ เชื่อว่า คุณน่าจะอยากรู้จักไอริสครับ ไปดูเถอะ สนุก เต็มไปด้วยสีสัน แซ่บ จี๊ด สร้างสรรค์ บลา บลา บลา โอ๊ย เยอะ! 8.8 คะแนน

"ฉันว่าชีวิตมันหม่นหมองออกจะตาย"

ความเป็น 'ไอริส' ทำให้ผมทึ่งได้ตั้งแต่หนังสารคดีเริ่มขึ้นได้แป๊บๆ และไอริสก็เป็นผู้หญิงที่มีสีสันทั้งชีวิต ทัศนคติ และเรื่องราวรายรอบเธอ (ซึ่งไม่แน่ใจว่าผมอาจจะอวยเกินไปนิด เพราะเทียบกับอะไรจืดๆอย่างผมรึก็ไม่แน่ใจ? -แต่คิดว่าไม่หรอก -ยกเว้นเรื่องที่ผมจืดๆ)

สารคดีโชว์ตั้งแต่แรกเลยว่าไอริสเป็นผู้หญิงที่ชอบแต่งตัว ชอบเลือกซื้อเสื้อผ้า ชอบเครื่องประดับจุ๊กจิ๊ก ชอบหมดทั้งสินค้าแบรนด์เนม ไปถึงสินค้าเล็กๆ พลาสติก แฮนด์เมด ฯลฯ ขอแค่มีสีสันถูกใจเธอเท่านั้น และเธอยังชอบตระเวณไปในที่ต่างๆ ยุโรป ต่างประเทศ เดินเข้าห้าง เดินในตลาด ตามตรอกซอกซอย เพื่อซื้อหาเครื่องประดับของประดับที่เธอถูกใจ แถม เธอยังชอบต่อราคา และยังเสนอต่อราคาให้คนข้างๆที่ร่วมผจญภัยไปกับเธอด้วย  

ใช่ครับ ชีวิตของไอริสบนจอดูราวกับการผจญภัย แม้ในย่อหน้าข้างต้นคุณสุภาพสตรีหลายคนจะอ่านแล้วรู้สึกว่า ไม่เห็นจะต่างกับชั้นเท่าไหร่เลยนี่หว่า? แค่ชั้นซื้อของโลคัล ซื้อในห้างโลคัล แค่เนี้ยอ่ะ ก็ใช่ครับ ไอริสในแง่หนึ่งมีความเป็นผู้ญิ้งผู้หญิง ชอบช๊อปปิ้ง ซื้อของจุ๊กจิ๊ก ต่อราคา เสียดายของ ช่างแต่งตัว ชอบถ่ายรูป บลา บลา บลา ฯลฯ แต่สิ่งที่ทำให้ไอริสพิเศษอาจเป็นด้วยความมั่นใจ จัดจ้าน หรืออาจถึงขั้นขบถในตัวเธอ โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับการแต่งตัว เธอชอบของเบรนด์เนมก็จริง และรู้ว่าอะไรเป็นของดีหรือมีคุณภาพ แต่เธอไม่ได้เลือกมันมาเพราะมันเป็นแบรนด์หรืออยากตามใคร และแม้จะใส่ของแบรนด์เธอก็ไม่ได้รังเกียจที่จะใส่เครื่องประดับพลาสติกซื้อหาจากตลาดร้านค้าข้างทาง หากเธอเห็นว่ามัน 'เหมาะ' มัน 'ใช่' หรือมัน 'จี๊ดดี' สำหรับเธอ ทั้งหมดนั้นทำให้รสนิยมของเธอดูพิเศษและโดดเด่น สั้นๆก็ต้องบอกว่าเซนส์ของเธอเป็นของจริง มีเอกลักษณ์ มั่นอกมั่นใจ ไม่(เห็นต้องแคร์ใครหรือ)เหมือนใคร

และ เซนส์ของเธอก็ถูกพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นของจริงตั้งแต่เริ่มสารคดีเรื่องนี้ไปไม่เท่าไหร่

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2559

[ภาพยนตร์, อนิเม] THE PEANUTS MOVIE สนูปี้ แอนด์ ชาร์ลี บราวน์ เดอะ พีนัทส์ มูฟวี่ : สนูปี้บนจอหนังใหญ่ น่ารักแอนด์สนุก



สวยงาม มีสไตล์  สนูปี้  ชาร์ลี บราวน์ แอนด์เดอะแก๊งค์ สนุก เพลิดเพลิน จำเริญใจ 7.8 คะแนน

สิ่งแรกที่ทำให้สนใจเมื่อเขาประกาศสร้างอนิเมชั่นเจ้าสนูปปี้ (อีกครั้ง) ในพอศอนี้ก็คือสงสัยว่าเขาจะทำยังไงให้เจ้าสนูปปี้ ที่ถือเป็นไอคอนที่หลายๆคนคุ้นเคยกันมานานนนแสนนานนน (แม้หลายคนคงไม่เคยอ่านการ์ตูน PEANUTS เลยก็ตาม) และมีลายเส้นอันแสนเป็นเอกลักษณ์ รวมทั้งผองเพื่อนอย่าง ชาร์ลี บราวน์,  วู๊ดสต๊อก, ลูซี่, ไลนัส, แพตตี้, แซลลี่ ฯลฯ ออกมาเป็นตัวการ์ตูนอนิเมชั่นคอมพิวเตอร์สร้างที่ดู 'ทันสมัย' ไปพร้อมๆกับคงความเป็น 'เอกลักษณ์' ของลายเส้นไว้ (ให้ตายเถอะ นึกถึงการ์ฟิล) เพราะคงน่าเสียดายมากถ้าเจ้าสนูปปี้และผองเพื่อนจะสูญเสียเอกลักษณ์ของมันไประหว่างทางที่ต้องต้องอัพเดทเป็นกราฟฟิกคอมพิวเตอร์สร้าง

แล้วที่ทำให้อยากไปดูก็เพราะได้เห็นภาพของอนิเมที่มีออกมานั่นแหละครับ ว่า เออ เขาเลือกแบบนี้นี่เอง ดูเข้าท่าแฮะ สวยด้วย ไปดูดีกว่าไหมน้า

จริงๆตอนแรกสุดท้ายก็ว่าจะไม่ไปดู เพราะไม่ค่อยพร้อมกอปรกับความขี้เกียจหลายๆอย่าง แถมรอบ 3D สะดวกๆที่ทีแรกอยากดู (เพราะรู้สึกว่าภาพสวย อยากดู 3D ว่าเป็นไง) ก็หาดูลำบากเสียเหลือเกิน (เพิ่งฉายมาอาทิตย์เดียวเองง่ะ) มีแต่พากษ์ไทยที่พอหาดูสะดวกหน่อย รู้สึกไม่พร้อม (ขี้เกียจนั้นสำคัญ) แต่ทำไปทำมาก็ไปดู  2D ธรรมดานี่แหละ

สิ่งแรกที่รู้สึกตอนเห็นตัวอย่าง และทำให้ไปดูก็คือเรื่องภาพ และภาพนั้นก็สวยจัง สิ่งที่ทีมงานเลือกเพื่อที่จะคงความเป็นเอกลักษณ์ของลายเส้นบนกระดาษพร้อมกับให้มันเป็นภาพคอมพิวเตอร์สร้างสามมิติดูทันสมัยไปพร้อมกันนั้นก็คือ การเอามันมารวมกันเสียเลย เพราะงั้นภาพที่ได้แทนที่จะแปลงตัวเจ้าสนูปปี้เป็น 3D สมบูรณ์แบบหมุนไปมา 360 องศาได้ (แต่อาจจะกลายเป็นแบบที่น่าสงสัยว่านี่มันสนูปี้รึเปล่าน่ะ? เอาก็เป็นไปได้เหมือนกัน... - ให้ตายเถอะ นึกถึงการ์ฟิล) ก็กลายไปเป็นภาพที่เหมือนกับการเอาภาพสนูปปี้บนกระกาษ 2D มาใส่สีสัน ใส่เท็กซ์เจอร์ (เช่นขนของสนูปปี้) และทำให้มันดูมันมีมิตินูนออกมา ซึ่งฟังดูอาจจะแหม่งๆว่ามันจะใช่เหรอฮ่ะ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นดูดีมากทีเดียวครับ เพราะแทนที่เราจะเห็นสนูปี้กระพริบตาโปนๆ 3D ใส่ เราก็จะเห็นลายเส้นวาดเป็นตาที่คุ้นเคยบนหน้าเจ้าสนูปี้กระพริบให้เราแทน และตัวละครทุกตัวจะมีผลในลักษณะนี้หมดเลย ในขณะที่ฉากหลังนั้นจะเป็น 3D เต็มรูปแบบกว่า

เรื่องราวในหนังเป็นการเริ่มแนะนำให้เรารู้จักกับ ชาร์ลี บราวน์ และเจ้าสนูปี้ ก่อนที่จะเข้าเรื่องถึงการปรากฎตัวของนักเรียนใหม่ ซึ่งดันต้องตาต้องใจ ชาร์ลี บราวน์ พ่อพระเอกของเราเสียเหลือเกิน จนต้องหาทางรู้จักกับเธอให้ได้ก่อนปลายเทอม(?) โดยมีความช่วยเหลือของเจ้าสนูปี้ เจ้าหมาช่างจิ้น(ตนาการ)คู่ใจช่วยเหลือ พร้อมกับบรรดาผองเพื่อน ซึ่งไม่แคล้วต้องมีเรื่องป่วนๆตามมาชัวร์

[นิยาย, รหัสคดี] ปริศนาคดีสุดท้ายของ คินดะอิจิ + ปริศนาสาวแว่น

คินดะอิจิที่ว่านี่ คือ คินดะอิจิ โคสุเกะ นะครับ บอกกันก่อน (แล้วทำไมมาบอกตอนนี้ หุหุ) เผื่อบางคนนึกว่าพูดถึง คินดะอิจิ ฮาจิเมะ รุ่นหลานที่ถูกเอามาสานต่อในมังงะ

ปริศนาเรื่องที่ว่ามานี้... จริงๆก็ไม่ใช่ปัญหาคอขาดบาดตายอะไร (ง่ะ) แต่อาจเกิดขึ้นได้กับคนที่เคยติดตามนิยายชุดคินดะอิจิ ประพันธ์โดย โยโคมิโซะ เซชิ ที่บุกเบิกโดย สนพ. BLISS ตั้งแต่ช่วงที่นิยายสืบสวนหรือรหัสคดีจากญี่ปุ่น (และน่าจะรวมไปถึงจากชาติอื่นๆด้วย) ยังรุ่งเรืองสุกสกาวในบ้านเรา เรียกว่าจะเจอหน้าปกประทับว่า พิมพ์ครั้งที่ 5 พิมพ์ครั้งที่ 7 สำหรับซีรี่ส์ดังๆนั้นไม่ใช่ของหาดูยาก และนิยายชุดคินดะอิจิก็เป็นหนึ่งในนั้น

จวบจนวาระหนึ่งก่อนที่ สนพ. BLISS จะปิดตัวลงซักระยะหนึ่ง ก็ได้จัดพิมพ์ คินดะอิจิ หนึ่งตอนที่ยาวขนาดต้องแบ่งเป็นสองเล่ม (ด้วยนึกถึงคนอ่านว่าจะได้นอนอ่านเพลิดเพลินได้เหมือนเดิม รึไม่ใช่ว่านอนอ่านยกหนังสืออ่านก็ลำบากแล้ว แล้วดันเกิดเกร็งแขนไม่อยู่ รึเผลออินมากคลายแรงถือหนังสือ ถ้าเป็นเล่มเดียวหนาปั๊กมันจะตกลงมาทำเอาคนอ่านจมูกเบี้ยวก็เป็นได้)  หนาพอท้วมๆมาให้แฟนๆแบกใส่บ่ากลับบ้านกันพอเข็ดเอว ในตอนที่ 17 ตอนที่ว่านั้นมีชื่อว่า เกาะวิญญาณอาถรรพ์ ซึ่งว่ากันว่า...เป็นคดีสุดท้ายของ คินดะอิจิ โคสุเกะ...



ตามมารยามารยาทของแฟนๆที่ดี... เมื่อซื้อหามาแล้วยังไม่มีเวลาผ่อนกายหย่อนใจเพื่อใช้สมาธิอ่านคดีสำคัญปานนี้อย่างเต็มที่ ก็ต้องเก็บมันเอาไว้ก่อน จนกว่าจะมีเวลาดังว่า จึงจักได้หยิบคดีสำคัญเช่นนี้มาตั้งใจละเลียดอ่านซึมซับทุกรายละเอียดคดีสำคัญของนักสืบในดวงใจเข้าไว้ในหัวจิตหัวใจอย่างเต็มที่ มิใช่การซุกไว้จนหาไม่เจอหรือเป็นพฤติกรรมถนอมมันไว้ที่เรียกว่าดองแต่อย่างใด...

...คราเวลาผ่านไป...

...มรดกตกทอดจาก BLISS ก็ได้อวตารมาสู่สำนักพิมพ์ใหม่ในนาม TALENT 1 ซึ่งก็ได้สานต่อนิยายชุด คินดะอิจิ เล่มต่อออกมาอย่างมุ่งมั่น สนองความอยากได้อยากมีแลอยากอ่านของแฟนๆที่ติดตามมาอย่างยาวนานหลายอัฐ ให้ได้ซาบซึ้งกับรสนิยายชุดนี้กันต่อไป จนได้แลเห็นความหวังกันว่าการได้ซึมซาบรสนิยายชุดนี้ที่ โยโคมิโซะ เซชิ เป็นผู้ประพันธ์ไปจนจบทุกตอนถ้วนทั่วกระบวนความนั้นเป็นดุจแสงสว่างปลายอุโมงค์ให้เห็นอยู่รำไรแล้วเป็นแน่แท้...

...ปริศนาที่ว่าในเพลาอันสุขสันต์เช่นนี้ มีแฟนๆนิยายกี่คนที่ยังคงดอง เอ๊ะ มิใช่ ยังคงเก็บรักษาตอนสุดท้ายไว้อ่านในเวลาสำคัญ หรือบ้างอาจดองไว้มากตอนกว่านั้นหรือไม่ แฟนๆที่ประพฤติปฏิบัติเช่นนี้จะมีอยู่กี่คนนั้น...คงเป็นปริศนาที่ใช่จะไขได้โดยง่าย...ได้แต่หวังไว้ว่าแฟนๆเหล่านั้นก็คงยังเป็นสุขกับการเก็บรักษานิยายเหล่านั้นไว้ในที่ปลอดภัย รอคอยเวลาเหมาะสมแก่ตนอันจะมาถึงต่อไปอย่างอดทน...

...ทว่า...

...เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว! เมื่อ TALENT 1 จัดพิมพ์นิยายชุดคินดะอิจิตอนล่าในตอนที่ 32 ออกมา! โดยจัดพิมพ์แบ่งเป็น 2 เล่ม! ราวกับเดจาวู! ในตอนที่ชื่อว่า กระดิ่งลมหัวคน พร้อมภาพปกที่ได้บรรยากาศสยองเย็นซึ่งน่าจะได้ใจแฟนๆไปเหมือนเดิม! และ! ปริศนาสำคัญที่สุดก็ปรากฏขึ้น! พร้อมคำโปรยด้านบนของปกหนังสือในตอนนี้! ว่า คดีสุดท้ายของนักสืบชื่อดังคินดะอิจิ โคสุเกะ !!!!



...ปริศนานี้คืออะไรกัน?! คดีไหนกันแน่ที่เป็นคดีสุดท้ายของยอดนักสืบ?!! แฟนๆที่ดอง เอ๊ะ เก็บรักษาคดีสุดท้ายไว้ก่อนหน้านี้เป็นอย่างดีนั้นจะต้องทำอย่างไร?! จักอกแตกตายด้วยเสียขวัญสั่นตระหนกตกใจไม่สมประดีกับปริศนาน่าสะพรึงเช่นนี้หรือไม่ ??!!!...