เดินทางมาถึงภาคที่ 3 ก่อนจะไปสู่ตอนจบในภาคที่ 4 จากหนังสือ 3 เล่ม
เมื่อพิจารณากันในกระบวนหนังแนว YA (YOUNG ADULT) โลกอนาคตดิสโทเปียแล้ว ดูเหมือนว่าความอะไรซักอย่างของซีรี่ส์ DIVERGENT จะมาถึงจุดที่มันดูเป็นอะไรที่ครึ่งๆระหว่าง THE HUNGER GAME กับ MAZE RUNNER ไปซะงั้น จะด้วยทั้งเรื่อง ทั้งพลอต ทั้งสถานการณ์ ทั้งคาแรคเตอร์ ฯลฯ อะไรต่ออะไรก็ตาม ทั้งที่ความจริงซีรี่ส์นี้ก็มีจุดเด่นเป็นของตัวเองที่ก็แตกต่างจากเรื่องของสองซีรี่ส์ที่ว่าพอสมควร และก็เป็นส่วนที่ทำให้หนังยังดูสนุกอยู่สำหรับผม ให้ได้ติดตามกันต่อไป ไม่ใช่จะตามดูมันไปอย่างนั้นเพราะน้อง เชลีน วูดลีย์ อย่างเดียว
สิ่งที่ผมคิดว่าซีรี่ส์นี้เอามาถ่ายทอดแล้วทำให้มันดูมีอะไรน่าติดตามดีเป็นเรื่องของ STEREOTYPE ซึ่งทำให้หนังแตกต่างไปจากบรรยากาศของ THE HUNGER GAME ที่ดูจะเน้นเรื่องของการปกครองและชนชั้น ว่าไปเรื่อง STEREOTYPE ก็เพิ่งพูดถึงเรื่องนี้ไปใน ZOOTOPIA แหละนะ
ขณะที่ใน ZOOTOPIA เลือกจะมองเรื่องนี้จากมุมนึง ซึ่งดูจะเป็นการตั้งคำถามกับการเหมารวมและความไม่ค่อยจะเท่าเทียมหรือการปิดกั้นโอกาส ซีรี่ส์ DIVERGENT เลือกมองการแบ่ง STEREOTYPE ในเรื่องของ อรรถประโยชน์ ประมาณว่าใครถนัดอะไรก็ไปทำสิ่งที่ตัวเองถนัดจะดีกว่าไปทำอะไรที่ตัวไม่ถนัดหรือไม่สามารถจะดีกว่าไหม? เอาให้มันสุดไปเลย นั่นซิ แล้วมันดีกว่าไหม? อันนี้ตอบไม่ได้ เพราะจริงๆคิดว่าในนิยายหรือหนังก็เลือกทำมันออกมาในมุมมองที่เน้นการปลุกพลังให้ฮึกเหิม และติดจะบันเทิงมากกว่า คือคิดว่านิยายและหนังมันก็ไม่ได้พยายามจะตอบแบบจริงจังขนาดนั้น (แต่อันนี้ คือ ยังไม่เคยอ่านนิยายเลย แต่คิดเอาว่าเรื่องหลักๆคงไม่หนีกันเท่าไหร่) แต่ถ้าลองมองเรื่องพวกนี้ในเรื่องของ ประโยชน์ แล้วละก็ เราก็พบว่ามันก็ทำให้การมองเรื่องแบบนี้ซับซ้อนไปกว่าเดิมพอสมควรอย่างที่ก็น่าสนใจดีเหมือนกัน
แต่จริงๆนี่เป็นประเด็นที่ทำให้ดูหนังชุด DIVERGENT ได้สนุกดีนับตั้งแต่ภาคแรก แม้ว่าโอเคจะรู้สึกว่ามันถูกบอกเล่าออกมาแบบตัดรายละเอียดทิ้งไปให้เหลือแต่เรื่องหรือนิยามที่ดูง่ายๆไม่ซับซ้อน ซึ่งความจริงก็เหมือนใน ZOOTOPIA แหละ ที่มันถูกทอนหลายๆอย่างแล้วไปทำให้เข้าใจง่ายขึ้นและสนุกกับเรื่องราวได้มากขึ้นแทน ก็อาจจะมีเสียงบ่นครหาอยู่บ้างว่าใน DIVERGENT การเล่าของมันก็ไม่ได้สนุกหรือเป๊ะหรือกระชากใจนัก ติดจะสูตรๆแบนๆซะมากกว่า คือ เทียบกับหนังที่หลายๆคนอาจรู้สึกว่ามันคล้ายกันมากอย่าง HUNGER GAME (หรือจะเน้นประเด็นให้คม(ชัด)ไปเลย ล้อมด้วยตัวละครมีเสน่ห์สุดๆ ก็อาจไม่ได้ขนาด ZOOTOPIA) ก็ต้องยอมรับว่าในส่วนนี้ DIVERGENT สู้ไม่ได้จริงๆ ในเรื่องการเล่า วางสถานการณ์ สร้างตัวละครยิบย่อย ดีไซน์ ฯลฯ เพื่อดึงดูดใจและสายตา การบีบเค้นอารมณ์และวางเรื่องราวขัดแย้ง รวมถึงการมีความโดดเด่นที่น่าจดจำเป็นของตัวเองนั้น HUNGER GAME ทำได้ดีกว่าจริง ยิ่งรวมกับพลังการแสดงที่เสริมส่งด้วยเรื่องพวกนี้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งรวมไปถึงส่วนของ 'เกม' ด้วย ทำให้ HUNGER GAME มีสวนกระทบอารมณ์ผู้ชมได้จังๆกว่า ง่ายๆว่าถ้าต้องเทียบกับ HUNGER GAME นั้นจะว่าศาสตร์ภาพยนตร์ของเรื่อง(ชุด)นั้น 'เป๊ะ' กว่าก็ว่าได้