วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

JOJO ภาค 4 เป็นอนิเม!

JOJO ภาค 4  DIAMOND IS UNBREAKABLE จะถูกสร้างเป็นอนิเมสำหรับฉายทางทีวีเป็นครั้งแรก!

ภาพจาก http://www.gconhub.com/


ก็มีความตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะจริงๆในบรรดา JOJO ทุกภาค เราชอบภาค 4 ที่สุด (ปัจจุบัน มังงะโจโจภาคล่า คือ JOJOLION เป็นภาคที่ 8 (นับ STEEL BALL RUN ด้วย))

จริงๆก็อาจน่าสงสัยกันอยู่บ้างว่ามันไปกันไกลแล้ว ทำไมเพิ่งจะมาสร้างอนิเมล่ะเนี่ย?

อันนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะไม่ได้ตามเรื่องราวอะไร

ความจริง JOJO ก็เคยถูกสร้างเป็นอนิเมมาแล้ว แถมนานแล้วด้วย ตอนนั้นน่าจะทำเป็น OVA ละมัง? ซึ่งในตอนโน้นก็เลือกมังงะภาคที่น่าจะดังที่สุดในตอนนั้น (ถึงตอนนี้ก็น่าจะยังใช่? - และเป็นจุดเริ่มต้นความดังของ JOJO ด้วย) คือภาค 3 ภาคที่ดำเนินเรื่องราวในอียิปต์ (ชื่อภาค STARDUST CRUSADERS) มาสร้าง

แถมหลังๆ ภาคแรกๆก็ถูกสร้างเป็นอนิเมมาด้วย แต่ถ้าจำไม่ผิด ยังไงๆมันก็จะมาสุดอยู่แค่ภาค 3 ไม่ค่อยได้ไปไกลกว่านั้น แต่ก็ไม่แน่ใจว่าทำไมหยุดอยู่แค่นั้น ผลตอบรับไม่ค่อยโอ รึอนิเมเตอร์ขี้เกียจวาด รึไม่มีทุนพอดี รึขอลิขสิทธิ์ไม่ได้ รึอื่นๆ?

แต่ทำไปทำมา ต่อมาอีกนาน อ.ฮิโรฮิโกะ อารากิ แกก็ยังปั่นมังงะไปเรื่อย จบภาคนี้ก็ขึ้นภาคโน้น จู่ๆเขาก็ดำริจะสร้าง JOJO เป็นอนิเมอีกทีฉายทางทีวีอีกซักที และการที่ JOJO ภาค 4 ถูกประกาศสร้าง ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะภาค 3 (และภาคก่อนๆ) ที่เพิ่งฉายไปประสบความสำเร็จในระดับโอเคก็เป็นได้ (นี่ก็ไม่ได้ตาม)

ภาค 3 ที่ทำให้โจโจดังขึ้นมาระเบิดเถิดเทิง (คิดว่างั้นนะ) ก็เพราะเอกลักษณ์ที่ทำให้ตัวมังงะเองมีท่าทีแตกต่างออกมาจากการ์ตูนบู๊พันธุ์กล้ามทั่วๆไป (อย่างเช่น ฤิทธิ์หมัดดาวเหนือ - แต่อันนั้นก็คงไม่ถือว่าทั่วไปนัก เพราะจัดเป็นตำนานมังงะเรื่องหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดถูกอ้างอิงว่าเป็นการ์ตูนความนิยมถล่มทลายในมังงะ BAKUMAN ด้วย) ก็คือสิ่งที่ชื่อว่า สแตนด์ ลักษณะคล้ายๆเทพพิทักษ์ หรือคล้ายๆวิญญาณเข้าทรงแบบใน ราชันย์แห่งภูต อะไรแบบนั้น (แต่ JOJO มาก่อนนะ) ซึ่งทำให้ท่าทีของการ์ตูนแตกต่างจากบู๊แบบหมัดชนหมัดกล้ามชนกล้ามหรือวิชายุทธ์อะไรทั่วๆไปกันไปอย่างมีรสชาติเฉพาะตัวทีเดียว นอกจากนั้นทั้งลายเส้นและการออกแบบก็พัฒนาขึ้นมาก (แม้ว่าหลายคนจะไม่ชอบลายเส้น JOJO เลยก็ตาม) มีรูปลักษณ์และความเฉพาะตัวชัดเจนขึ้นอีกมาก ทั้งคาแรกเตอร์เครื่องแต่งกายเครื่องประดับ และสแตนด์ หลายอันจี๊ดมากๆ (รวมไปถึง ท่ายืนเอียงเอวเคล็ดอันสุดแสนจะเป็นเอกลักษณ์ และถูกนำไปล้อบ่อยๆ) และส่งผลไปถึงการดำเนินเรื่องได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจทีเดียว แถมในช่วงแรกๆที่แม้จะมีสแตนด์ปรากฏในเรื่องแล้ว แต่มันก็ยังเป็นไปในลักษณะบู๊กันตรงๆใช้ความสามารถในการบู๊ความเร็วความแรงความอึดอะไรแบบนี้ หลังๆนอกจากรูปลักษณ์สแตนด์จะหลากหลายขึ้น การบู๊กันก็เปลี่ยนแปลงไปในแบบที่มีการใช้ลูกเล่นกลยุทธ์เล่ห์กลและใช้สมองกันมากขึ้น (อารมณ์ประมาณเวลาชิกามารุบู๊ในนารูโตะ แต่มังงะ JOJO ออกมาก่อนนานแล้วน่ะนะ) เมื่อรวมกับรูปลักษณ์สแตนด์ที่ยิ่งพิสดารขึ้นในช่วงท้ายไปอีก เนื้อเรื่องช่วงนั้นก็ยิ่งไต่กราฟความมันส์หนักขึ้นไปเรื่อยๆ และแม้จะเป็นภาคแรกที่มีสแตนด์ปรากฏตัว ก็ต้องให้เครดิต ฮิโรฮิโกะ อารากิ ที่ช่างสร้างสรรค์ได้เหลือใจ สแตนด์ตัวแรกๆอาจมีอะไรจี๊ดๆชัดเจนที่รูปลักษณ์มากกว่าอย่างอื่น แต่หลังๆนี่สแตนด์ที่ดูพิสดารแบบคิดได้ยังไงก็มีหลากหลาย เช่น (ถ้าถือว่าสปอยล์ก็อ่านข้ามไปเลย) สแตนด์ที่เป็นหนังสือการ์ตูน หรือสแตนด์ที่ปรากฏตัวในกระจก ฯลฯ โอ๊ย โดยในภาคนี้ ชื่อสแตนด์จะอิงมาจากไพ่ยิปซี (ไพ่ทาโร่) ทั้งหมด คือช่วงนั้นนี่เหมือนยิ่งเขียนยิ่งพีค ไปจนฉากสู้ตอนจบที่น่าจะมันส์สะใจจนไม่น่าจะมีภาคไหนเทียบได้จนทุกวันนี้ (แม้จะมีภาคอื่นที่สนุกมากก็เถอะนะ)


สำหรับภาค 4 บรรยากาศในการดำเนินเรื่องอาจจะต่างออกไปจากภาคอื่นๆโดยเฉพาะภาคก่อนนั้นอยู่บ้าง เพราะไม่ได้ออกแนวตามล่าตามล้างอะไร แต่ไปโฟกัสที่เมืองๆหนึ่งชื่อ เมืองโมริโอ จากการตามหาทายาทในตระกูล (จะไม่เล่ามากเพราะขี้เกียจ หาอ่านเองจะสนุกกว่า และอ่านมานานจนจำหลายอย่างไม่ได้แล้ว ต้องไปขุดมาอ่านใหม่ก่อน) ด้วยความที่แรกๆ มันไม่ได้โฟกัสไปที่การเดินทางตามล่าตามล้างอะไร บรรยากาศของมันจึงเปลี่ยนไปเป็นการติดตามดูชีวิตในเมืองโมริโอมากกว่า รวมถึงการได้พบกับผู้ใช้สแตนด์แปลกๆหลากหลายในเมืองโมริโอนี้ ดังที่เขาไว้เป็นสุภาษิต (?) ว่า ผู้ใช้สแตนด์ย่อมดึงดูดผู้ใช้สแตนด์ด้วยกัน (เฉพาะในเรื่องเท่านั้นหรอกนะ...ไม่ต้องไปตามหาผู้ใช้สแตนด์หน้าปากซอยจะได้ไปดึงดูดคนอื่นหรอกนะครับ ยกเว้นจะอยู่ใกล้เมืองโมริโอ(?)) เพราะฉะนั้นจากที่เป็นสายบู๊ตรงๆกันซะมากในภาคก่อน และเป็นการตามล่าล้างกันเป็นหลัก ในภาคนี้เนื้อเรื่องจะดำเนินอยู่ใกล้ๆกลุ่มตัวเอกวัยมัธยม และพบกับคนและอาชีพมากมาย การดำเนินเรื่องก็จะผ่อนคลายและหลากหลายขึ้น (ก่อนที่จะขมวดสู่เรื่องราวที่จะนำไปสู่ตอนจบในช่วงหลังได้อย่างสนุกมากอีกภาคหนึ่งอีกที) สแตนด์ที่คิดว่าประหลาดแล้วในภาคก่อนอาจเจออะไรที่ประหลาดกว่า สแตนด์ที่คิดว่าชอบแล้วอาจจะเจออะไรที่ชอบกว่า และสแตนด์ในภาคนี้ก็จะไม่ใช่ชนิดที่บู๊กันอย่างเดียว สแตนด์ที่เราไม่ได้คิดว่ามันจะทำอะไรได้ว้า อาจเป็นตัวแสบอย่างคาดไม่ถึง และการ 'บู๊' กันก็ยิ่งพิสดารไปตามความหลากหลายเหล่านี้ บางตอนก็สนุกได้โดยไม่ได้บู๊ด้วย โดยฝีไม้ลายมือในการพลิกผันเรื่องรวมไปถึงการสร้างคาแรคเตอร์ ของ อ.ฮิโรฮิโกะ อารากิ ในช่วงนี้แกก็ยิ่งไต่ระดับไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่สแตนด์ ยังมีตัวละครที่มีเรื่องราวและอารมณ์ที่หลากหลายด้วย (แม้ผมมักจะรู้สึกว่าตัวละครมนุษย์ของ อ.แกนี่ ดูๆไปบางทีก็ไม่ค่อยจะเหมือนมนุษย์มนาธรรมดาเท่าไหร่ก็ตาม) แบบว่าเจ๋งอ่ะ

ภาพจากมังงะ ของ อ. ฮิโรฮิโกะ อารากิ (จาก www.screwattack.com)


และหลังจากภาคนี้ในภาค 5 เมื่อเนื้อเรื่องวนไปเกิดที่อิตาลี ก็จะเปลี่ยนไปเป็นสายบู๊กันอีกที ซึ่งก็ยังมันส์มาก ก่อนที่ภาคต่อๆมาอย่าง STONE OCEAN และ STEEL BALL RUN นั้น...ผมจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ (อ่าว - แต่เห็นคนที่ชอบก็มีนะ ของแบบนี้ต้องพิสูจน์กันเอง) ถึงจะมีตอนที่สนุกมีสแตนด์ที่พอจะชอบๆบ้าง แต่ก็ไม่พีคเหมือนภาคก่อนๆ พอมีภาคใหม่ต่อจากนั้นออกมาก็ไม่ค่อยจะตื่นเต้นนักแล้ว คือคิดว่าแกอาจจะหมดมุก ซึ่งจะไปโทษแกก็ลำบากเพราะของเจ๋งๆแกก็ยิงถี่ๆติดๆกันมากหลายภาคแล้ว สแตนด์อาจมีเกินร้อยแล้วก็เป็นได้ (ไม่เคยนับ) สุดท้าย...พอรวมเล่มออกมาก็ยังซื้อมาอ่านจนได้ ก่อนจะพบว่า อ่าว เฮ้ย ภาคนี้สนุกดีนี่ฝ่า (คล้ายๆกับตอนที่รู้สึกเนือยๆกับการ์ตูน อ.อาดาจิ แล้ว พลันได้อ่าน CROSS GAME นิดหน่อย - ประมาณว่า เวร สนุกดีเหมือนกันแฮะ นี่ตรูต้องตามต่ออีกแล้วซินะ?! - ตกลงเอ็งรู้สึกว่ามันดีรึไม่ดีกันแน่?!) เพราะงั้นก็อาจได้กล่าวถึง JOJO ภาคล่า JOJOLION ซึ่งเป็นภาคที่ 8 แล้ว (โอ้ว) ซักทีก็เป็นได้

ยังไง ภาค 4 ก็ยังเป็นภาคที่ชอบที่สุด เมื่อดูรวมๆทั้งภาค ทั้งความหลากหลายของตัวละคร บรรยากาศ การดำเนินเรื่อง และสแตนด์ รวมไปถึงตอนจบที่สนุกมาก แม้ความมันส์สะใจอาจสู้ภาค 3 ไม่ได้ก็ตาม (และภาค 3 ในช่วงแรกๆก็อาจยังไม่ลงตัวนัก แต่ดีไซน์นั้นก็เยี่ยมมาก) เพราะงั้นจึงยินดีด้วยที่ในที่สุดภาคที่ชอบที่สุดก็ได้เป็นอนิเมกะเขา แม้ว่า คงจะไม่ได้ติดตามอะไร เพราะปกติก็ไม่ได้ตามอนิเมอยู่แล้ว (อ่าวว)


ว่าไปที่อนิเมไม่ค่อยได้สร้างมาจนภาคหลังๆนักอาจมาจากความยากในการถอดลายเส้นอันมีเอกลักษณ์ ทั้งคาแรคเตอร์ (และท่าทางตัวละคร โดยเฉพาะท่าเอียงเอวเคล็ด) แถมยังมีสแตนด์ยุบยับเพิ่มมาอีก มาสู่ภาพเคลื่อนไหวก็เป็นได้?...

ใครสนใจชมตัวอย่างไปพลางๆ



 
ตัวข่าวอ่านมาจาก gconhub ครับ ลองไปอ่าน(เนื้อๆ)ดูได้




ทิ้งท้าย

ในไทยมังงะ JOJO จัดพิมพ์และแปลโดย NED ภาค 1-5 เลขเล่มจะเรียงต่อกันหมดเลย (ใช้ชื่อ JOJO ล่าข้ามศตวรรษ เพราะไทม์ไลน์มันก็นานเหลือเกิน แถมข้ามมาตั้งหลายประเทศแล้ว เรื่องเริ่มที่ตระกูลโจสตาร์ในอังกฤษยุค 1880s ครับ) พอขึ้นภาค 6 ถึงจะมีการเริ่มนับเลขเล่มใหม่เวลาขึ้นภาคใหม่ (และสันหนังสือของมังงะทั้งชุดทุกภาคจะเรียงภาพต่อกันยาวๆๆได้) สำหรับ ชื่อภาคแต่ละภาค (จริงๆเข้าใจว่าชื่อภาคก็มาตั้งเอาทีหลังไม่ได้ตั้งตั้งแต่แรก แต่อันนี้ไม่แน่ใจ) ของ JOJO มีดังนี้

ภาค 1 PHANTOM BLOOD









ภาค 2 BATTLE TENDENCY










ภาค 3 STARDUST CRUSADERS







ภาค 4 DIAMOND IS UNBREAKABLE







ภาค 5 VENTO AUREO







ภาค 6 STONE OCEAN







ภาค 7 STEEL BALL RUN










ภาค 8 JOJOLION 










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น