วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

[ภาพยนตร์] THE REVENANT ต้องรอด : ชีวิตที่ได้มา


THE REVENANT เป็นหนังสุดทะเยอทะยานอีกเรื่องของผู้กำกับ อเลจานโดร กอนซาเลส อินนาริตู หลังจากฝากความทะเยอทะยานไว้ในหนังออสการ์ปีที่แล้วอย่าง BIRDMAN ขณะที่เรื่องนั้นถ่ายทำให้ดูเหมือนลองเทคขนาดยาว และเล่าเรื่องต่อเนื่องไปเรื่อยๆ THE REVENANT เป็นความพยายามในการถ่ายทำโดยใช้แสงธรรมชาติ ซึ่งแม้งบจะบานปลายไปมากด้วยความยากในการถ่ายทำเช่นนี้ แต่ดูเหมือนผลตอบรับด้ายรายได้และบทบาทในเวทีล่ารางวัลดูเหมือนจะคุ่มค่า (และทำให้ค่ายหนังลดอาการอกสั่นขวัญหายไปได้)

เรื่องราวเล่าในช่วงที่อเมริกายังมีดินแดนหลายส่วนเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนและยังมีการส่งกองทหารไปเพื่อเอาทรัพยากรจากในเขตป่าที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต้องเผชิญหน้ากับอินเดียนแดง ซึ่งก็มีการแตกแยกและแบ่งเขตปกครองเป็นหลายเผ่า ตัวเอกมีลูกกับสาวชาวอินเดียนแดงคนหนึ่ง และร่วมขบวนในการหาของป่าครั้งนี้ด้วย ด้วยความสามารถในการเดินป่าและความชำนาญพื้นที่จึงได้รับการคาดหมายให้เป็นผู้นำทางเพื่อนำเอากองหนีเอาชีวิตรอดออกจากป่าให้ได้หลังจากเจอการโจมตีจากอินเดียนแดงกลุ่มหนึ่ง การแย่งชิงเหล่านี้เป็นไปทั้งการแย่งชิงทรัพยากร ผลประโยชน์ และการแย่งชิงสิ่งสูงค่าทางจิตใจ ซึ่งต้องต่อกรระหว่างมนุษย์ด้วยกันทั้งต่างความคิด หรืออาจต่างเผ่าพันธุ์ ทั้งต้องต่อกรกับธรรมชาติอันโหดร้าย อะไรที่จะเป็นสิ่งผลักดันให้เอาชีวิตรอดไปจากสิ่งเหล่านี้... แม้เมื่อรอดชีวิตจากเหตุการณ์ขับคันมาได้ สิ่งที่ผลักดันให้เราหอบสังขารดั้นด้นต่อไปนั้นคืออะไร? หรือเพื่ออะไร? หรือมันเป็นไปเพื่อชำระล้างจิตใจ? หรือชำระล้างเอาความคับข้องใจออกไป? แม้จะต้องล้างด้วยเลือดก็ตาม...



ด้วยตัวเรื่องราวเอง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริง เรื่องอาจไม่ได้มีอะไรพิสดารนัก และเทียบโครงสร้างหรือเรื่องที่เล่า มันก็อาจไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับหลายๆเรื่อง

แต่สิ่งที่ทำให้หนังขับเคลื่อนและน่าติดตาม ทั้งยังส่งพลังออกมาได้ทำให้หลายคนติดตามไปได้จนจบ ก็น่าจะเป็นเพราะทักษะและสไตล์ในการเล่าเรื่องของผู้กำกับเอง ซึ่งแม้ไม่ได้ใช้ลองเทค(ตัดแต่ง)ยาวนานเหมือนในเรื่องก่อน การใช้ลองเทคในหลายช่วงทำให้ทั้งสิ่งที่เราเห็นและไม่เห็นเพิ่มความกดดันในความรู้สึกของคนดูได้ดี และอีกอย่างคือการแสดงของทั้ง ทอม ฮาร์ดี้ และโดยเฉพาะ ลีโอนาโด ดีคาปริโอ ที่พกพาความหวังมาเข้าชิงออสการ์อีกครั้ง (และดูกระแสจะแรงมากด้วย) ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ลีโอนาโด ใส่ความเข้มข้น บ้าคลั่ง กราดเกรี้ยว ทั้งสุขุมเยือกเย็นเมื่อถึงเวลา เข้าไปในการแสดงจนทำให้ผู้ชมติดตามเรื่องราวการเอาชีวิตรอดของตัวเอกไปได้ตลอดทั้งเรื่อง ในอีกทางหนึ่ง ทอม ฮาร์ดี้ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่แม้เวลาในการปรากฎบนจอจะไม่มากเท่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทอม ฮาร์ดี้ มีการแสดงที่สร้างตัวละครสำคัญขึ้นมาเพื่อเชื่ีอมโยงเรื่องราวและตัวละครของลีโอนาโดเอาไว้ชนิดที่ให้ผู้ชมรับรู้และติดตามเรื่องราวของการเอาตัวและเอาชีวิตรอดครั้งนี้ไปได้อย่างน่าติดตาม

แม้จะถ่ายด้วยแสงธรรมชาติ ก็อาจเป็นเรื่องย้อนแย้งอยู่บ้างที่หลายฉากก็เป็นการใช้ซีจีประกอบ เช่น ฉากหมี เป็นต้น ซึ่งก็คงไปกำกับการแสดงให้หมีทำแบบนั้นไม่ได้ (หรือไม่ก็คงเสี่ยงมาก) เรื่องนี้ทำให้มีการตั้งคำถามสำหรับรางวัลด้านการถ่ายภาพอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะในยุคที่อะไรแทบทุกอย่างก็สร้างได้ในขั้นตอนโพสท์โปรดักชั่นอย่างนี้

อย่างไรก็ดีคุณภาพของซีจีก็เนียนตา และเข้ากับภาพที่ถ่ายมาได้ดี และในฉากที่ไม่น่าจะมีการใช้ซีจีอะไรในภาพก็เรียกได้ว่าสวยแตกต่างไปจากภาพแบบที่มีการจัดแสง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าทักษะการเล่าเรื่องของผู้กำกับยังทำให้เรื่องราวน่าติดตาม อีกทั้งการแสดงของตัวละครสำคัญอย่าง ทอม ฮาร์ดี้ ก็สร้างความน่าติดตามและความเข้มข้นได้ดีมาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลีโอนาโด ดีคาปริโอ ซึ่งทุ่มเทในบทที่ดูจะต้องแสดงความบ้าคลั่งกราดเกรี้ยวอีกครั้งก็สามารถดึงให้ผู้ชมติดตามเรื่องราวของการเอาชีวิตรอดนี้ไปได้จนจบ ซึ่งถ้าออสการ์จะตบรางวัลให้จริงๆก็ไม่ได้ถือว่าไม่สมควร (แต่ว่า...) ทั้งแสงและภาพก็สวยงาม ซีจีก็เนียนตา และดนตรีประกอบก็ส่งเสริมบรรยากาศได้ดี แม้ส่วนตัวจะไม่ค่อยรู้สึกว่าติดใจอะไรกับหนังมากนัก แต่ก็ไม่ถือว่ามีอะไรให้ต้องบ่นกัน 8.6 คะแนน


นึกถึง

จะบอกให้ไปหาการ์ตูนมังงะเรื่อง ต้องรอด มาอ่าน (หลังสุดน่าจะจัดพิมพ์เป็นบิ๊กบุ๊คในชื่อ SURVIVAL โดย สนพ. สยามอินเตอร์คอมมิค) ก็ยังรู้สึกว่ามันดูไม่เข้าแก๊บ หรือจะบอกให้ไปขุดหนังอย่าง UNBREAKABLE มาดู มันก็ยังไม่ใช่ (DIE HARD ยิ่งไม่ใช่ใหญ่) เผลอนึกไปถึง THE BOURNE IDENTITY นิดๆก็ยังไม่ใช่ อืม...ทั้งๆที่รู้สึกว่าเรื่องราวประมาณนี้ก็ดูคุ้นหูคุ้นตาอยู่ แต่นึกไม่ออก... อืมๆ...

ก่อนจะกลายไปเป็นนึกเล่นมุกไปงั้นๆซะก่อน เอาเป็นว่า แนะนำการแสดงของ ลีโอนาโด ดีคาปริโอ ของเราที่มีทั้งส่วนผสมของความหรูผู้ดีกับส่วนผสมความคลั่งที่คิดว่าน่าจะเป็นที่รู้จักน้อยกว่าเรื่องหลังๆ แถมประกบผู้เข้าชิงนำหญิงปีนี้อย่าง เคท แบลนเชต ด้วย เป็นอีกเรื่องที่ชอบของผู้กำกับ(จอมอกหักเหมือนกัน แต่เขาได้ออสการ์ไปแล้ว) มาร์ติน สกอเซซี่ อย่าง THE AVIATOR ละกันครับ ซึ่ง...เรื่องนี้ เคต ได้ออสการ์ไปจากสมทบหญิงครับ ส่วน ลีโอฯ ชิงนำชาย แต่ไม่ได้(ก็รู้กันอยู่แหละนะ)ครับ... ที่แนะเรื่องนี้บอกก่อนว่าไม่เกี่ยวกับรางวัลนะ มันบังเอิญนึกถึงรายละเอียดมาเองทีหลัง...




อีกเรื่อง อยู่ๆก็นึกได้ แนะนำ TRUE GRIT ฉบับของพี่น้องโคเอนละกันครับ อย่าถามเลยว่าทำไม ลองหามาดูดีกว่า (รึเจ้าตัวที่แนะนำก็ไม่รู้เหมือนกัน...) เป็นอีกเรื่องที่ชอบของพี่น้องโคเอนครับ แม้คอนเซปท์จะดูไม่ทะเยอทะยานเท่า หรือสไตล์จะดูไม่หวือหวาเท่า แต่ฝีมือการเล่าเรื่องของพี่น้องโคเอนนั้นแม่นมาก และตัวละครผ่านนักแสดงสำคัญก็มีเสน่ห์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น