วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

[ภาพยนตร์] ฺBAD NEIGHBORS 2 เพื่อนบ้านมหา(บรร)ลัย 2 : อาไย?! น้องโคลอี้ เป็นเพื่อนบ้านสาวแสบหรือนี่ว์?! ไปดูดีกั่ว...



ไปดูเรื่องนี้เพราะน้อง โคลอี้ เกรซ มอเรตซ์ ครับ (เปิดมาก็แบบนี้เลยนะ...)

คือไม่บ่อยนักที่จะตีตั๋วดูหนังภาคต่อทั้งที่ไม่ได้ดูภาคแรก แต่ไปดูเรื่องนี้เพราะน้อง โคลอี้ เกรซ มอเรตซ์ ครับ

คืออารมณ์ประมาณ อ่าว หนังเรื่องนี้น้องแสดงนี่หว่า เออจะเข้าแล้ว เอ้าไหนๆดูดิ๊ เออก็โอเคมั่งไปดูได้แหละ ดูก็ดู... ตรรกะมีอยู่แค่ประมาณนี้...

เออ เอาจริงๆ เราก็เห็นว่าภาคแรกแม้จะไม่ได้ดู (ซึ่งทีแรกก็สนใจอยู่นิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดู) แต่ก็ดูว่ามันก็มีผลตอบรับใช้ได้อยู่ คงดูเพลินๆ ที่เหลือเป็นโบนัสจากตรรกะหลักๆ

ซึ่งเอาจริงๆหนังก็สนุกดีนะ ดูเพลินๆ

แม้ว่าเอาเข้าจริงๆกลายเป็นว่าไม่ได้ฟินจากการที่มีน้องโคลอี้แสดงด้วยเท่าไหร่ (อ่าว)  แต่รวมๆตัวหนังก็คิดว่าดูได้สนุกดี ซึ่ง...ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร? ไม่ใช่ว่าน้องออกน้อยหรืออะไร หรือแสดงไม่ดีเลยจะหลับ แต่อาจเพราะว่ารวมๆแล้วแม้จะเริ่มมาได้น่าสนใจดี แต่พอมาช่วงกลางๆเหมือนพลังน้องอาจจะลดน้อยถอยลงไปนิดอยู่หน่อยๆ (ยิ่งเขียนยิ่งวกวน นี่ไม่ใช่ว่าทีแรกตั้งใจมาดูหน้าน้องเขาก็พอแล้วเรอะ?! - เฮ้ย อันนั้นมันก็เกินไปป่าวฟระ!) หรืออาจจะเพราะแม้น้องจะใส่พลังในตัวละครนี้ได้ในระดับหนึ่ง แต่บทน้องมันก็อาจจะเป็นบทกลางๆ มียั้งอะไรไว้บ้าง บทมันส์ๆเลยอาจหลุดมาที่น้องไม่เยอะ ความเด่นมันเลยดูจางไปนิด พูดอีกทีคือตัวละครอื่นอาจจะได้รับบทบ้าๆบอๆในหนังซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่จะบ้าๆบอๆอยู่แล้วเยอะกว่า ความเด่นของน้องเลยอาจจะลดถอยไปบ้าง ทั้งที่จริงๆแล้วการที่น้องปรากฏตัวบทจอนี่ก็ไม่ได้ถือเป็นข้อเสียอะไรเลย

ทำไปทำมานี่เรากำลังพูดถึงการที่น้องโคลอี้มาปรากฏตัวในหนังหรือกำลังพูดถึงหนังที่มีน้องโคลอี้ปรากฏตัวกันล่ะนี่?

ก่อนที่มันจะไปไกลกว่านั้น เราก็กลับมาพูดถึงหนังกันต่อดีกว่า

เพราะแบบนั้น แม้ BAD NEIGHBORS 2 จะเป็นหนังสายตลกห่ามๆที่ก็มีหนังฮิตหลุดมาก็หลายในช่วงหลังๆ แต่ที่ทำต่อแล้วเจ๊งก็มี ความห่ามของหนัง BAD NEIGHBORS 2 ก็ถือว่าอยู่ระดับกลางๆ คือ มีเรื่องห่ามๆที่พอเป็นกิมมิคในหนังห่ามๆทำนองนี้อยู่แล้ว และความห่ามมันก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้สุดขอบอะไร (ซึ่งว่าไปก็แปลกหน่อยๆถ้าคิดว่ามันเป็นหนังเรท R คือ ถ้าเทียบกับอะไรอย่าง THE HANGOVER หรือ TED - หรือเราดูหนังแบบนี้ไปจนชินแล้ว?! โอ้ววว ม่ายยย) เสน่ห์หรือความหนุกหนานส่วนหนึ่งมันก็เลยต้องไปเล่นกันที่ตัวละคร ซึ่งแม้จะยังมีอาการยั้งๆไว้แต่ในเรื่องนี้ก็คิดว่าใช้ได้นะครับ ก็เลยกลายเป็นว่าได้สนุกไปกับการแสดงของ เซธ โรแกน , โรส เบิร์น และก็ แซ็ค แอฟรอน อยู่พอควรเลยทีเดียว อย่างภาคแรกที่สนใจไปดูก็เพราะอยากไปดู แซ็ค แอฟรอน เล่นอะไรเกรียนๆอย่างนี้เหมือนกัน ซึ่งพอไม่ได้ดูภาคแรก(แต่มาดูภาคต่อ)ซะอย่างนั้นก็เลยบอกไม่ได้ว่าอะไรเกรียนกว่า แต่จริงๆคิดว่าคนที่ดูภาคแรกมาก่อนก็คงจะมีมุมมองเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวละครเดิมๆมาแล้ว อาจจะมีมุมมองต่างไป ซึ่งก็น่าสนุกดี

ก็กลายเป็นว่าสามคนนี้เล่นได้มีสีสันดีทีเดียวในหนังตลกห่ามๆทำซึ้งนิดที่ยั้งๆตัวเองไว้ในเหมือนๆจะอยู่ในเรท PG-13 แทนที่จะเป็น R? ก็คิดว่าสนุกดีอ่ะ แต่ละคนก็มีความบ้าคลั่งกันคนละแบบ และบทของแซ็ค แอฟรอน แม้จะดูไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่ทำไปทำมารู้สึกว่าเส้นเรื่องของตัวละครนี้มันดูแล้วก็เป็นแกนในความนุงนัง (รวมถึงสีสันและเรื่องทำซึ้ง) ของหนังเรื่องนี้เยอะอยู่นี่หว่า และการแสดงเกรียนๆของแซ็คก็ไม่เลวเลย เป็นสีสันความบันเทิงให้กับหนังได้ดีทีเดียว นอกนั้นก็อย่างที่ว่า ผมก็ชอบการแสดงไฮเปอร์ๆแบบนิ่มๆ(?)ของ เซธ โรแกน และการแสดงของ โรส เบิร์น ในที่นี้ด้วย รวมไปถึงบทขโมยซีนจากนักแสดงอื่นๆในกลุ่มก๊วนนักศึกษาหญิงแสบเป็นพักๆ และแน่นอนว่ามาดูเพราะน้องโคลอี้ เราก็ยังรอเวลาที่น้องโคลอี้มาปรากฏบนจออยู่ดี

นอกนั้นแล้วความจริงแม้ในส่วนเนื้อเรื่องจะไม่ได้มีอะไรที่ถึงกับแหวกๆล้ำๆ แต่มันก็เอาปัญหาเกี่ยวกับการก้าวพ้นวัยหรือการเปลี่ยนผ่านสู่สถานะใหม่ของคนในสังคมเมืองปัจจุบันนี้มาบอกเล่าไว้ในเรื่องนี้ได้น่าสนใจดีเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานกินเงินเดือนกู้เงินผ่อนบ้าน ไอหนุ่มเคยห่ามเรียนจบที่ไม่แน่ใจว่าจะยังไงต่อกับอนาคต น้องหนูวัยเคยมัธยมที่ต้องก้าวเข้าสู่การเรียนในระดับสูงขึ้นและการอยู่ไกลบ้าน ฯลฯ ซึ่งในแต่ละสถานะก็ต้องเผชิญกับทั้งรูปรอยเดิมที่ถูกวางไว้ในแต่ละสถานะและสถานที่ และความต้องการเฉพาะของแต่ละคนที่ต้องมาปะทะกัน โดยมีเรื่องของชีวิตประจำวัน เทคโนโลยี ความเป็นกลุ่มก้อน โน่นนี่เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งเหล่านี้ด้วย  แม้ว่าจะมีอะไรแหวกๆหรือเซอไพรส์ไม่มากนัก แต่หนังก็มีความสนุกความห่ามความบันเทิงในระดับที่โอเค (บางคนอาจมองว่าความไม่ห่ามเกินไปนี่เป็นข้อดีก็ได้) และก็ยังคิดว่าหนังมีประเด็นน่าสนใจดี รวมถึงในตอนจบ แม้จะเลือกจบอย่างนั้น ซึ่งจริงๆเราก็ไม่เชื่ออะไรขนาดนั้นหรอกแต่ก็ถือว่าหนังบิ๊วด์อะไรต่ออะไรรวมถึงนักแสดงอะไรมาให้เป็นบทจบของหนังที่ก็โอเคอยู่ครับ (ไม่อิมแพ็คท์เท่า TED ที่จนตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่า พี่เล่นอะไรห่ามๆเกรียนๆกัดชาวบ้านมาตลอดทางก็ตั้งเยอะแยะ ตกลงพี่จบแบบนี้นะครับ?...แต่ก็นะ มันก็ HAPPILY EVER AFTER เหมือนกันแหละนะ... ก็เลยทำให้รู้สึกว่า TED มันมาบริการหรรษาความเกรียนเฉยๆเหมือนกันนะ) คือโอเคพี่เริ่มแบบนี้มาแบบนี้จบแบบนี้เราก็โอเค แม้ไม่ได้เชื่อไรมาก แต่ประเด็นก็น่าสนใจดี และก็คิดว่าหนังก็สนุกดีนะ

ก็เอาเป็นว่า สุดท้ายแม้ไม่ได้ฟินเสียทีเดียวกับการมาดูน้องโคลอี้ในหนังเรื่องนี้ (พี่ต้องการอะไรจากสังคม?!) และแม้จะคิดว่าหนังไม่ได้มีอะไรมาเซอไพรส์เรามาก แต่หนังตลกสายเกรียนเรื่องนี้ก็มีการแสดงหนุกๆจากทั้ง  เซธ โรแกน , โรส เบิร์น และก็ แซ็ค แอฟรอน (และน้องโคลอี้ก็ยังเป็นโบนัส) และมีประเด็นที่น่าสนใจดีมาเสนออยู่เหมือนกัน และแม้จะไม่ได้เชื่อไรมากในบทสรุปของหนัง แต่ก็คิดว่าหนังก็จบได้โอเคในรูปรอยของตัวเอง และยังคิดว่าหนังก็ดูหนุกๆเพลินๆดี (ในแบบยั้งความห่ามเกรียนไว้บ้าง) และก็ทำให้อยากหาภาคแรกมาดูเสียหน่อยอยู่เหมือนกันนะ 7.3 คะแนน จะได้ดูความเป็นมาของก๊วนพวกเขาเสียหน่อย

*รู้ไปก็งั้นๆ - ในบางแห่งหนเรื่องนี้ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า NEIGHBORS 2 - SORORITY RISING นะแจ๊ะ



นึกถึง
เอาจริงๆก็อย่างที่บอกว่าก็แปลกใจนิดๆว่าหนังได้เรท R ในอเมริกา (ก็ไม่รู้นะว่าเป็นเวอชั่นเดียวกับที่มาฉายในไทยรึเปล่า?) เท่าที่ดูนี่แม้จะมุกห่ามๆบ้าง แต่ก็ยังดูอยู่ในรูปรอยของหนังประมาณนี้ ยิ่งถ้าเทียบกับ THE HANGOVER หรือ TED (ที่จะว่าเป็นต้นแบบของหนังตลกห่ามๆเรทจัดๆมาก่อนก็พอได้) โดยเฉพาะที่เป็นภาคต่อนี่ เรียกได้ว่าพวกนั้นทะลุปล้องกว่าเยอะ (ซึ่งอันนั้นก็ใช่จะเรียกว่าเป็นข้อดีซะทีเดียวนะครับ อย่าง THE HANGOVER ภาค 2 นี่ไอสนุกมันก็สนุกอยู่หรอก แต่ความไปไกลจนมักจะต้องบอกว่ามันเป็นหนังตลกห่ามถ่อยนี่ บางครั้งมันก็สร้างความกระอักกระอ่วนใจล้ำหน้าความสนุกไปเหมือนกันนะ ดีว่าบรรยากาศมันสติหลุดอยู่แล้ว เลย... เหรอฟระ?!) แต่เอาเป็นว่าแม้จะห่ามแม้จะถ่อยแต่ตอนดู THE HANGOVER ภาคแรก (ซึ่งก็อาจเป็นต้นแบบความสำเร็จในยุคหลังของหนังตลกห่ามๆในอเมริกา) นี่ ซึ่งจับอะไรไม่ค่อยได้นอกจากไอเดียล้ำๆบ้าๆ ประมาณเป็น MEMENTO ฉบับบ้าบอห่ามถ่อยก็พอได้ (แฟนโนแลนจะเคืองผมไหม? อย่านะผมก็แฟนโนแลนนะคับ) นี่คือไอเดียบ้าๆล้ำๆนี่มันเอามาเล่าได้บ้าบอบันเทิงดีจริงๆ (ก่อนที่ภาคสองแม้จะต่อยอดความบ้า แต่มันก็ถ่อยจนมีช่วงกระอักกระอ่วนกว่าเดิมด้วย) แบบจับประเด็นอะไรมาได้ก็ไม่แน่ใจ รู้แต่ว่ามันบ้าจริงๆ (เพราะงั้นคนอ่อนแอต่อความห่าม(หรือถ่อย)ก็คงต้องระวังนิดนะครับ ผมเตือนคุณแล้ว)

และก็ที่รู้สึกว่าไม่ค่อยฟินกับน้อง น้อง โคลอี้ เกรซ มอเรตซ์ ในเรื่องนี้เท่าไหร่ อาจเพราะเคยเห็นอะไรๆประมาณนี้มาแล้วในหนังเรื่องอื่นๆก็ได้ ซึ่งก็ทำให้นึกไปถึงบทบาทของน้อง ใน KICK-ASS 2 ด้วย นอกจากนั้นแล้วพูดไปถึง เซธ โรแกน จำกันได้ไหมว่าเฮียเคยแสดงเป็นฮีโร่สวมหน้ากากใน THE GREEN HORNET ที่มี เจย์ โชว์ มาสวมหน้ากากช่วย มาแล้วด้วยนะเออ นอกนั้นแล้ว โรส เบิร์น ก็จะมาพบกับผู้ชมในหนังภาคต่อ X-MEN ด้วยนะนี่ แม้ไม่ได้เป็นบทซูเปอร์ฮีโร่ก็ตาม แม้ในเรื่องนี้เธอจะเล่นเป็นคุณแม่ลูกอ่อนแล้ว แต่ก่อนโน้นเราก็เคยเห็นเธอในหนังอย่าง WICKER PARK หรือวิ่งหนีซอมบี้ใน 28 WEEKS LATER มาแล้วเหมือนกันนะครับ (และขอแนะนำบทใน SPY) ส่วน แซ็ค แอฟรอน ประเดี๋ยวผมไปหา BAD NEIGHBORS ภาคแรกมาดูก่อนละกันนะครับ...

ความจริงในหนังก็มีพูดถึงระบบของ 'บ้าน' ในหมาวิทยาลัยซึ่งก็สร้างค่านิยมและวัฒนธรรมประมาณหนึ่ง ซึ่งทำให้เกิดเป็นรูปแบบและระบบเฉพาะขึ้น แต่ก็ไม่ได้พูดลึกอะไร หนังที่พูดถึงเรื่องทำนองนี้ได้เข้มข้นหรือล้วงลึกกว่าน่าจะเป็น THE RIOT CLUB (แต่ก็ยังไม่ได้ดู) หรือไม่ก็สารคดี THE HUNTING GROUND ก็คิดว่าพาดพิงถึงด้านมืดของเรื่องเหล่านี้อยู่พอสมควรเหมือนกัน






ถ้าจะพูดถึงเรื่องของเพื่อนบ้านล่ะก็ พลิกจากเพื่อนบ้านวินาศสันตะโรอารมณ์ตลกห่ามๆไปเป็นเพื่อนบ้านเงียบๆไม่รู้ทำอะไรอยู่ในอารมณ์ลึกลับละก็ ถ้าไม่ดูยุคใหม่อย่าง DISTURBIA (ที่จริงๆผมก็ยังไม่ได้ดูซะที) ที่มี ไชอา ลาบัฟ (พระเอก TRANSFORMERS ภาคแรกภาคสองที่โดนเด้ง - อ่าวพระเอกไม่ใช่ ออฟติมัส ไพรมส์ เหรอ?) นำแสดง ก็ไปดูต้นธารอย่าง REAR WINDOW ของ อัลเฟรด ฮิทช์คอกซ์ เลยก็ได้ครับ









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น