วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

[ภาพยนตร์] POISON BERRY IN MY BRAIN : สตรอเบอรี่มีพิษในหัวของอิจิโกะ


ความจริงดูหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้เพราะชื่อเรื่องมากกว่าเพราะโปสเตอร์หรืออย่างอื่น เพราะไม่รู้เลยว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร ดาราบนโปสเตอร์ส่วนตัวก็ไม่รู้จักซักคน เอาว่าดูชื่อรวมกับโปสเตอร์แล้วก็คิดว่า โอเคเรื่องนี้แหละ

ตัวหนังเองถ้าจำไม่ผิด ไอตอนที่เลือกดู เขาจัดอยู่ในหมวดดราม่า แต่ถ้าให้บอกอารมณ์ของหนังแม้จะคิดว่ามันก็ยังมีอารมณ์ในขอบเขตดราม่า แต่ก็คิดว่ามันมีสัดส่วนของคอมเมดี้อยู่ด้วย

ถ้าจะไม่ต้องสปอยล์กันเลย เอาเป็นว่ามันอาจมองเป็นเลิฟคอมเมดี้ดราม่าแบบญี่ปุ่นที่มีอารมณ์และองค์ประกอบเพี้ยนๆอยู่ครับ ซึ่งให้พอดีว่าก็ชอบแนวนี้แฮะ

แม้ทีแรกมองชื่อ(+โปสเตอร์)แล้วคิดว่ามันจะเป็นดราม่าแบบเพี้ยนๆ มืดๆ อาจจะจิตๆนิดๆ หลอนๆหน่อยๆ แต่พอดูไปแล้ว แม้ไม่ถึงกับไม่ใช่เลย แต่มันก็ไม่ได้ขนาดนั้น และก็ดีที่พอดีว่าก็ชอบครับ คิดว่าหนังก็สนุกดี

เรื่องเริ่มด้วยแหวนวงหนึ่งกลิ้งตกลงมาตามทางเดินและขั้นบันได ก่อนที่ชายคนหนึ่งจะเก็บแหวนวงนั้นได้และมีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งตามมา เธอเป็นเจ้าของแหวน และเป็นเจ้าของเรื่องราวที่เราเห็นในหนัง เธอชื่อ อิจิโกะ (แปลว่าสตรอเบอรี่) และแม้เมื่อกี้จะบรรยายว่าเธอเป็นหญิงสาวแต่เบื้องหลังของเธอคือเธอเป็นสาวที่อายุเข้าเลข 3 แล้ว และดูเหมือนว่าเธอจะมีอะไรบางอย่างกับผู้ชายเบื้องหน้าที่เก็บแหวนของเธอได้ แล้ว เรื่องราวก็เริ่มขึ้น...

จริงๆที่บอกว่าหนังสนุกดีไปก่อนเลยแต่ต้นก็เพราะเผื่อคนที่รู้แค่นี้ก็สนใจจะได้ไปลองหามาดูเลย ไม่ต้องเสี่ยงสปอยล์ แต่เอาจริงๆพอย้อนไปลองหาดูตัวอย่างหนัง หรือกระทั่งโปสเตอร์ นี่ไอที่ห่วงว่าแบบนี้จะสปอยล์ไหมฟะ? มันก็เหมือนจะบอกไปหมดแล้วนี่หว่า

เพราะงั้นที่เหลือก็ไม่ห่วงสปอยล์แล้ว ช่างมัน

เอาจริงๆ บางคนที่เห็นตัวอย่างหนัง ดูโปสเตอร์ รู้เรื่องมานิดหน่อย หรือได้เริ่มดูหนังไปแล้วก็อาจจะมีความรู้สึกว่า นี่มันอินไซด์เอ้าท์เวอชั่นเลิฟคอมเมดี้ดราม่าเพี้ยนๆแบบญี่ปุ่นนี่หว่า ซึ่ง เอาจริงๆผมก็รู้สึกแบบนั้นแหละ

แต่ว่าไปหนังก็ฉายปีที่แล้วเหมือนกัน เพราะงั้นจะบอกว่าลอกก็คงลำบาก (คือฉายในญี่ปุ่นก่อนอินไซด์เอ้าท์ฉายในอเมริกาอีก) แต่จะว่าเป็นไปได้ก็พอได้เพราะอินไซด์เอ้าท์นั่นเขาก็ประกาศคอนเซ็ฟท์ล้ำๆประกาศสร้างมาก็นานแล้วอยู่เหมือนกัน หรือว่าอินไซด์เอ้าท์จะลอกเรื่องนี้ โอ้วว เอาเป็นว่าคิดว่าไม่ต้องไปซีเรียสกับประเด็นนี้มากครับ ใครจะลอกใครรึเปล่า หรือจริงๆไม่มีแต่ดันทำคอนเซ็ฟท์มาตรงกันโดยไม่ได้ตั้งใจมันก็เท่ดีนะ และแม้จะมีอะไรคล้ายๆกันอยู่ แต่จริงๆมันก็คล้ายกันแค่คอนเซ็ฟท์ ที่เหลือก็ไม่ได้เหมือนกันขนาดนั้น และฝั่งนี้แม้ลุคอาจจะดูธรรมดากว่า แต่ก็เพี้ยนกว่าเอาการ ซึ่งเหล่าเอเจ้นท์ในหัว(ความคิด?)นี่แหละที่เป็นส่วนที่ก็สนุกสนานดีในหนัง

ถ้าเอาไปเทียบกับอินไซด์เอ้าท์จริงๆ รายละเอียดความล้ำอะไรต่ออะไรในอินไซด์เอ้าท์นี่ดูละเอียดและคิดเยอะกว่ามาก ชนิดที่เหมือนถอดตำรารายละเอียดทางจิตวิทยาให้มาเป็นตัวเป็นตนกันเลยทีเดียว (ความจริงแล้วในบางส่วนแม้ตัวเองจะมีปัญหากับอินไซด์เอ้าท์นิดหน่อย แต่ก็ยังปฏิเสธความเจ๋งของอินไซด์เอ้าท์ไม่ได้อยู่ดี)

ความต่างของการนำเสนออะไรซักอย่างที่สถิตย์อยู่ในความคิดก็คือ ขณะที่อินไซด์เอ้าท์เป็นเรื่องของความรู้สึก รื่นเริง เศร้า โกรธ หวาดกลัว ขยะแขยง ใน POISONฯ ตอนแรกที่ดูแล้วก็ยังจับอะไรไม่ถูกนัก เพราะเขาใส่สูทชุดดำมาทำงานกันหมดเลย ไม่ได้ออกแบบให้เหมือนจะแยกได้ง่ายแต่แรกอย่างคาแรคเตอร์ในอินไซด์เอ้าท์ ทีแรกนึกว่ามันไม่ได้กำหนดอะไรชัด เหมือนคนมาประชุมทำงานในแผนกหนึ่งแค่นั้น พอดูไปซักพักจึงพอจะเข้าใจขึ้นมาบ้าง (และระหว่างที่ดูเขาเถียงกันนี่ก็ถือเป็นความสนุกของหนัง) ว่าในเรื่องนี้แทนที่จะเป็นเรื่องของความรู้สึกกลับเป็นอะไรที่เป็นประมาณ 'นิสัย' หรือ 'วิธีการใช้เหตุผล' เช่น (อ่านพอไม่อยากรู้ไว้อยากไปดูไปเข้าใจเองในหนังก็ข้ามๆไปบ้างนะ) คิดตรงๆไร้เดียงสาชอบก็ชอบเกลียดก็เกลียด ผูกไว้กับความทรงจำในอดีต มองโลกในแง่ดีพยายามหาข้อดีของทุกๆอย่าง ยึดติดกับข้อมูลข้อเท็จจริงก่อน หรือพยายามบาลานซ์เหตุผลทุกอย่างจนโลเลตัดสินใจไม่ได้ซะที ความสนุกของ POISON BERRY IN MY BRAIN ส่วนหนึ่งสำหรับผมก็คือการได้ดูเอเจ้นท์เถียงกันไปกันมาแล้วพารานอยด์โน่นนี่หันหน้าไปหาคนที่(เหมือนจะ)มีอำนาจตัดสินใจ แล้วก็ตัดสินใจไม่ได้ซะทีว่า อิจิโกะ จะแสดงปฏิกริยายังไงออกมาดี แล้วพอแสดงออกมาทีก็ดีบ้างพังบ้าง แถมยังมีดราม่าระหว่างเอเจ้นท์พวกนี้ด้วยนะ อารมณ์ดูๆไปก็เหมือนเห็นคนทำงานมาเถียงกันในที่ประชุม(แบบเพี้ยนๆไฮเปอร์ๆนอยด์ๆ)เหมือนกัน

ขณะเดียวกันอย่างนึงที่รู้สึกว่าต่างกับอินไซด์เอ้าท์คือรู้สึกว่าแม้จะออกแบบเรื่องราวในโลกภายนอกได้รัดกุมดี แต่ส่วนใหญ่เราจะได้เห็นเรื่องในโลกภายใน(หัว)มากกว่า แต่ใน POISONฯ เราจะได้เห็นโลกภายในกับภายนอก(หัว)พอๆกัน คือเราจะได้เห็นชีวิตของอิจิโกะเยอะด้วย พอมีอันนี้ก็ตัดกลับไปในหัว พออันนี้เถียงกันก็ส่งผลมาภายนอก อะไรแบบนี้ เลยยังรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องของอิจิโกะ และเรื่องภายในหัวของเธอ มากกว่าเรื่องภายในหัวของไรลีย์เหมือนในอินไซด์เอ้าท์ และส่วนนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สนุกของหนังเหมือนกันครับ

ในเรื่องนั้นเราจะได้เห็นทั้งดราม่าในชีวิตของอิจิโกะ และดราม่าในหมู่เอเจ้นท์ในหัวของอิจิโกะ ซึ่งก็ผสมไปด้วยความไฮเปอร์บางอย่างและความเพี้ยนเหมือนกัน ซึ่งในภายหลังดราม่าเหล่านี้ก็จะเพิ่มตัวละครและความโกลาหลขึ้นไปอีก เช่น จากการที่อิจิโกะเขียนเรื่องอัพเนตอ่านผ่านมือถือแล้วก็กลายไปเป็นนักเขียน และดราม่าช่วงหลังทั้งในหัวนอกหัวก็ดูเหมือนจะหนักขึ้นด้วย และด้วยการที่เป็นเรื่องความรักความโกลาหลเหล่านี้ส่วนหนึ่งก็เกี่ยวกับความเป็นอิจิโกะ(และอายุของเธอ) กับคนรอบๆตัวเธอ เรียกว่าเป็นเลิฟดราม่าสไตล์ญี่ปุ่นที่มีคอมเมดี้ความป่วงความเพี้ยนแต่ก็มีเรื่องหนักๆผสมอยู่ เรื่องอาจมีอะไรง้องแง้งๆบ้าง หรือบางครั้งเรื่องอาจดูเมโลดราม่าเลย ซึ่งใครไม่ชอบก็คงต้องทำใจ ไม่ใช่จริงๆก็คงต้องข้ามไปครับ แต่ผมรับได้ และก็สนุก(และบางช่วงก็กระทบใจหรือสะเทือนใจ)กับเรื่องนี้ไปจนจบ

ส่วนหนึ่งที่ดูไปจนจบแล้วยังทำให้ชอบหนังเรื่องนี้ก็คือตัวอิจิโกะเอง ซึ่งรับบทโดย โยโกะ มากิ ซึ่งเหมือนจะคุ้นๆหน้าเธออยู่ครับ แต่ก็จำไม่ได้เลยว่าคุ้นมาจากอะไร จนมาจำได้ทีหลังตอนค้นข้อมูลว่าเธอแสดงใน LIKE FATHER, LIKE SON ซึ่งกำกับโดย ฮิโรคาสุ โคเรอิดะ แถมเป็นตัวละครสำคัญด้วย ตอนนั้นถึงเริ่มจำได้ (แถมก็ชอบบทของเธอในเรื่องนั้นด้วยนะ) บทในเรื่องนี้อาจไม่เหมือนในเรื่องนั้นเลย บทในเรื่องนี้อาจพารานอยด์กว่า เพี้ยนกว่า มีทั้งช่วงที่สดใส ง้องแง้ง กดดัน น่าเห็นใจ ฯลฯ ใครไม่ชอบก็คงไม่ชอบ แต่เธอก็ยังนำเอาเสน่ห์มาสู่ตัวละครอิจิโกะได้สำหรับผม

นอกจากนั้นตัวละครสำคัญอื่นๆก็ยังแสดงได้ดีนะทั้งหมู่เอเจ้นท์ในหัว (ซึ่งมีบางคนเหมือนคุ้นหน้าคุ้นตาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ขยันค้นข้อมูลเท่าไหร่) ทั้งในส่วนที่เพี้ยนไฮเปอร์และในส่วนที่เคร่งเครียดกว่า และตัวละครสำคัญอื่นๆ แม้เนื้อเรื่องที่ถ่ายทอดการบอกอะไรซักอย่างในเรื่องนี้อาจไม่ทะเยอทะยานและไม่กว้างขวางเท่าในอินไซด์เอ้าท์ แต่การที่เรื่องนี้โฟกัสในเรื่องความรักของอิจิโกะ และนิสัยรูปแบบในการใช้เหตุผลเลือกตัดสินใจอะไรซักอย่างก็รู้สึกว่ามันยังมีประเด็นที่เราครุ่นคิดและเราเชื่ออยู่ คิดว่าน่าสนใจ แถมบางครั้งดูเอเจ้นท์แล้วก็ดันพ่วงไปคิดถึงการพูดคุยตัดสินใจในการทำงานจริงๆได้หน้าตาเฉย ลูกเล่นบางอย่างที่มีแม้อาจเพื่อส่งผลกับคนดูมากกว่าจะส่งแมสเซจให้คนดูก็ยังคิดว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจที่ใส่ไว้ แถมยังเป็นเหมือนจุดเซอไพรส์จุดพลิกในหนังด้วยซึ่งก็คิดว่าสนุกดี ยังมีเรื่องให้กลับไปคิดเล่นๆว่าทำไม บุคลิกของเอเจ้นท์ในหัวอันนี้ถึงเป็นชายหรือเป็นหญิง (ซึ่งจะไม่ขยายความไว้ในที่นี้ - อันนี้อินไซด์เอ้าท์ก็น่าจะคิดประเด็นนี้ได้ด้วย แต่ด้วยที่เราจะเห็นในหัวของคนอื่นที่ไม่ใช่ไรลีย์ผ่านๆจึงดูเหมือนอินไซด์เอ้าท์ก็ไม่ได้จะเคลียร์ประเด็นนี้ชัดเจนเท่าไหร่ หรือไม่ใช่อาจจะว่าในหัวผู้ใหญ่บุคลิกปรับเข้าที่อยู่ตัวหมดแล้วเราเลยเห็นเป็นเพศเดียวกันหมดก็ได้? - ไม่ชัวร์มากๆเพราะจำแม่นๆไม่ได้นะกรุณาอย่านำไปอ้างอิง)  ทำให้การติดตามเรื่องราวของอิจิโกะในเรื่องราวความรัก ชีวิต ในการย่างผ่านอายุเลข 3 นำและเรื่องราวในหัวของเธอนั้นไม่ได้เป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับผมเลย

เรื่องนี้ก็เป็นเลิฟคอเมดี้ดราม่าที่มีรสเพี้ยนๆปนแบบญี่ปุ่นที่สนุกและมีเสน่ห์สำหรับผมครับ ใครไม่ชอบผมชอบ 8.0 คะแนน
ชอบ โยโกะ มากิ ในบทนำด้วย เพี้ยนบ้างไรบ้างก็ยังอยากตามดูเธอไปจนจบครับ

ใครชอบสไตล์นี้ก็ลองไปหาดูกันครับ (หาดูจากไหนดีก็บอกไม่ได้เหมือนกันแฮะ...)



นึกถึง

เรื่องที่น่าลองดูก็คงเป็นอินไซด์เอ้าท์ครับ (หรือใครดูอันนี้แล้วก็ลองมาหาดูอันนี้ก็ได้) ส่วนถ้าจะเป็นหนังญี่ปุ่นรสชาติเพี้ยนๆ จริงๆก็มีเยอะนะคิดว่า แต่พอจะนึกดันนึกไม่ออกทันทีนัก (อีกแว้ว)

แต่ถ้าเอาที่พอนึกออกแม้จะไม่ได้คล้าย POISON BERRY IN MY BRAIN ขนาดนั้น แต่เพี้ยนๆ สนุกๆ เหมือนกัน ก็เอาเป็น KAMIKAZE GIRLS กำกับโดย เทตซึยะ นากาชิมะ นำแสดงโดย แอนนา ทซึชิยะ กับ เคียวโกะ ฟุกุดะ (นางฟ้าของหลายคนในยุค 90 - ใช่ไหมนะ? - มาเล่นอะไรกันตอนนี้ เขาเลิกเล่นกันไปหมดแล้วฟ้อย!) เคยมาฉายในไทยด้วย เป็นงานกำกับในช่วงกลางๆของผู้กำกับนะครับ ก่อนแกจะเพิ่มดีกรีความโหดขึ้นเรื่อยในเรื่องหลังๆ อย่าง 2 เรื่องหลังสุดที่มาฉายในไทย คือ CONFESSIONS กับ THE WORLD OF KANAKO (จริงๆเรื่องที่ไม่ขนาดพวกนี้ก็พอมีมัง? แต่มันไม่มาฉายในไทยนี่ซิ เลยมีแต่เรื่องโหดๆมาหมด) เพราะงั้นเรื่องนี้(ซึ่งสร้างจากนิยายด้วย) ก็จะเป็นหนังเพี้ยนๆ สนุกๆ มากกว่าครับ ชอบเรื่องนี้ ลองหามาดูกัน (แฟน เคียวโกะ ฟุกุดะ ก็ไม่ควรพลาดนะ ลุคเพี้ยนน่ารักจะพลาดไปทำไม - กรุณาดูโปสเตอร์) DVD ในไทยก็มีนะเออ

กับอีกเรื่องที่ดันนึกถึงแต่ก็ไม่ค่อยจะเกี่ยวกันอีกแล้ว ก็ยังเป็นหนังเอเชียนะ แต่ข้ามไปเป็นหนังฮ่องกง กำกับโดย ตู้ฉีฟง ที่ทำหนังแอ็คชั่นเข้มๆ หนังมาเฟียมาก็เยอะ แต่เรื่องนี้มากำกับหนังรักดราม่า ชื่อภาษาอังกฤษว่า DON'T GO BREAKING MY HEART (ชื่อเหมือนเพลงเลย - แค่ชื่อเรื่องก็ดราม่ามาแต่ไกลแล้วไหม) หนังก็ยังมีความลัลล้านะครับ (เดี๋ยวจะหาว่าโปสเตอร์โกหก) แต่ก็มีความ(เมโล)ดราม่าด้วย

คือ ตู้ฉีฟง ก็เป็นผู้กำกับฮ่องกงที่ชอบคนนึง แล้วเห็นมันเป็นหนังรักและดราม่าด้วยเลย(และยังมีองค์ประกอบบางอย่างทำให้)นึกถึงเรื่องนี้ จริงๆเรื่องนี้ส่วนที่ผมอินหรือผมเชื่ออาจน้อยกว่าใน POISON BERRY IN MY BRAIN ซะอีก (อ่าว) และจริงๆก็ไม่ได้ติดใจอะไรเรื่องนี้มาก (อ่าว) แต่หนังก็ยังดูสนุกดีภายใต้ฝีมือกำกับของ ตู้ฉีฟง เรื่องนี้ก็เคยมาฉายในไทยนะ ใครชอบแนวนี้ (รัก ดราม่า รสชาติเอเชีย หรือชอบละครประมาณนี้) ก็ลองหามาดูกันครับ

หนังมีภาค 2 ด้วยนะ ซักพักแล้ว แต่ในไทยเงียบฉี่เลย ก็คงไม่มาฉายแล้วแหละมัง (หรือมาแล้วไม่รู้หว่า?)


และถ้าอยากจะพักจากอะไรเพี้ยนๆ รักๆ ไปหาอะไรแบบหนักๆเลยบ้าง แล้วยังให้เกี่ยวกับเรื่องบุคลิกตัวตนทำนองนี้ ก็แนะนำเรื่องนี้ละกัน เห็นแค่ชื่อก็เกี่ยวแล้วไหม? ฆาตกรรมกันเลยทีนี้ อันนี้หนังฮอลลีวู้ดนะครับ กำกับโดย เจมส์ แมนโกลด์ เอาว่าสนใจก็ลองไปหาดูกันนะครับ








ก็แค่นี้แหละเนาะ พอหอมปากหอมคอครับ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น