วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559

[ภาพยนตร์] INDEPENDENCE DAY : RESURGENCE - สงครามใหม่วันบดโลก : มาอีกแล้วจนได้ ไอตัวถล่มโลก!



ย้อนกลับไปหลายปี (กี่ปีก็อย่าไปรู้เลย - ไปลองนับกันเอาเองดีก่าเนาะ) Independence Day หรือที่มักเรียกย่อๆว่า ID4 ถือเป็นหนังบล๊อกบัสเตอร์ที่อยู่ในใจของหลายคน ค่าที่แม้บทอาจจะพร่องโน่นนี่ไปบ้าง แต่มันก็เป็นความตื่นตาด้านภาพ และเป็นประสบการณ์บันเทิงในโรงภาพยนตร์ (และหน้าจอทีวี คอม ฯลฯ ต่อมาอีกในเวลาต่อมา) เชื่อว่าหลายคนก็ยังอาจกลับไปดู Independence Day อยู่ (และบางช่องก็อาจยังวนมาฉายอยู่มัง?)

จริงๆผู้กำกับ โรแลนด์ เอเมอริช (กะคู่หู ดีน เดิฟลิน) ก็ดูจะโด่งดังจากหนังแนวหายนะประมาณนี้และทำหนังในแนวนี้ออกมาเยอะอยู่ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จต่างกันไป โดนด่าบ้าง ได้ตังค์บ้าง อะไรบ้าง อย่างเช่น Godzilla กลิ่นฝรั่งตัวแรกที่ได้ตังค์พอใช้แต่โดนด่าเยอะ ซึ่งจริงๆก็คิดว่ามันสนุกดี ดีไซน์ก็แหวกดี แต่ก็ยอมรับแหละว่ามันไม่เหมือน Godzilla ต้นฉบับเลย (ผมชอบเรียก Godzilla หน้าคางคก - ซึ่งก็เรียกเอามันส์ไปงั้น) คือจริงๆก็บันเทิงดี และก็หนังอย่าง The Patriot หนังในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกาที่มี เมล กิ๊บสัน แสดงนำ ซึ่งตอนนั้นจำได้ลางๆว่าแม้จะบิ๊วด์ไปเยอะบ้างไรบ้างแต่ก็ดูสนุกดี เมล กิ๊บ สัน ก็เท่ดี นอกนั้นก็เป็นหนังหายนะอย่าง The Day after Tomorrow ที่มี เจค จิลเลนฮาน, เดนนิส เควด, เอมมี่ รอสซัม แสดง หรือจะ 2012 หนังหายนะตามตำนานมายาที่ตอนนี้โลกก็ผ่านปี 2012 มาแล้วอย่างสวยงาม(? - แต่ก็น่าสนใจดีว่าในตอนจบนั้นมันดูน่าเชื่อดีเหมือนกันที่ทางแก้วิกฤติจะ เป็นไปแบบนั้น - อย่างน้อยตอนนี้ที่นั้นก็เป็นร่มชูชีพของฮอลลีวู้ดไปหลายเรื่องล่ะนะ) ที่มี จอห์น คูแซค, อแมนด้า พีท ฯลฯ นอกนั้นก็เป็นหนังย้อนอดีตไปไกลอย่าง 10,000 B.C. ที่มีสาวตาสีฟ้าคมอย่าง คามิลล่า เบล หรือ White House Down ที่แกกลับไปถล่มทำเนียบขาวอีกที (ยังไม่ได้ดูนะ - แต่ไม่ได้มียานบินยักษ์แล้วนะ - เออ จริงๆสวมรอยสวมเรื่องไปพลิกเป็น Independent Day ซะเลยตอนนั้นก็สิ้นเรื่อง...) กับเฮีย แชนนิ่ง ทาทัม และ เจมี่ ฟ๊อกซ์ พอบางคราแกจะเลิกวินาศสันตะโรให้มันเพลาๆลงบ้าง วนมาสายดราม่าอย่าง Anonymous ที่เกี่ยวกับเรื่องของ เชค สเปียร์ กลับแป๊ก... (จริงๆก็อยากหามาดูนะ อยากรู้ว่าแกทำออกมายังไง) ทำไปทำมา จู่ๆ Independence Day ก็กลับมาขึ้นจอกะเขาเฉยเลย

หลายคนก็คง เข้าไปดูด้วยความรู้สึกและความคาดหวังต่างกัน เวลาก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว เฮีย วิล ก็เรียกค่าตัวแพงไป มากกว่าเดิมตั้ง 10 เท่า เขาก็เลยต้องปล่อยเฮียไป ก็คงเดาๆกันไปว่า Resurgence (ย่อๆก็เลยเป็น IDR) นี่จะมาท่าไหน? ตัวอย่างหนังก็มีฉากที่ดูน่าตื่นตาดี (ชื่อไทยนี่ก็ตั้งซะแบบ... (ภาคก่อนใช้ชื่อไทยว่า ไอดี4 : สงครามวันดับโลก))

และ...จริงๆ เขาก็คงรู้กันไปหมดแล้ว เพราะหนังลาโรงไปซักพักแล้วแหละ (นี่ก็ดองตามเคย...)

จริงๆ หนังเริ่มได้น่าสนใจดีนะครับ การวางบทวางอะไรของตัวละครเก่าก็ใช้ได้ หลายตัวก็วางมาน่าสนใจดีครับ ตัวละครใหม่ก็โอเค เหตุการณ์ลึกลับที่ฐานบนดวงจันทร์ก็โอเค เริ่มเรื่องได้น่าสนใจดี

ความ จริง รวมๆหนังก็บันเทิงใช้ได้ในระดับหนึ่งเลย หลายๆฉากก็น่าตื่นตาตื่นใจใช้ได้ แม้ว่ามันอาจไม่ทำให้อู้หูได้อย่างตอนดู ID4 แต่ฉากใหญ่ๆก็มีให้ตื่นตากัน การร้อยเรียงเรื่องก็พยายามวางหมากโน่นนี่รายละเอียดไว้เยอะแยะ วางความลึกลับไว้ประปรายให้ได้ติดตาม ดูไปดูมาจริงๆคิดๆไปภาคนี้ก็คล้ายๆกับเอา ID4 ไปรวมๆกับหนังหายนะของแก แต่ว่ามันมีตัวละครเยอะที่มีรายละเอียดและดราม่าส่วนตัว ซึ่งแม้จะเพิ่มรายละเอียดและความเป็นมาให้เรื่อง แต่มันก็ต้องไปแชร์ความสำคัญกันเองเหมือนกัน ทำให้บางครั้งเรื่องราวมันก็ดูขาดตกรึห้วนไปได้เหมือนกันเนื่องจากตัวละคร ที่ต้องการเล่ามันเยอะ บางรายก็น่าสนใจมากน้อยต่างกันไป แต่รวมๆมันก็ขาดทีเด็ดทีขาดไปซักหน่อย แถมตัวละครทำหน้าที่บู๊มันส์ฮาอย่าง วิล สมิธ ก็ไม่มีซะด้วย เรื่องเลยอยู่ในโทนซีเรียสสลับขำๆกันไป ไม่นับว่าออกจะมีฉากสูตรที่เล่นง่ายไปนิดประปราย หรือดราม่าบางฉากก็ออกจะฝืนไปหน่อยหรือจงใจไปนิด ส่วนที่ออกจะด้อยซักหน่อยคือเมื่อพยายามวางบรรยากาศเรื่องราวความลึกลับไว้ ในช่วงต้น พอเฉลยออกมามันก็ไม่ขาด คือไม่ได้ทำให้ถึงขนาดโอ้ว ว้าว รึก็มีงงๆอยู่หน่อยๆ ฉากแอ็คชั่นจัดใหญ่ใช้ได้และน่าตื่นตาในหลายช่วง แต่ว่ามันอาจไม่ทำให้ว้าวเพราะการออกแบบของมันนอกจากความรู้สึกใหญ่โตมาก ขึ้นแล้วก็รู้สึกออกจะธรรมดาเป็นส่วนใหญ่ เอาว่าดูจบก็โอเค คือในฐานะหนังบันเทิงช่วงซัมเมอร์(ของอเมริกา)นี่ก็ตอบโจทย์ในระดับหนึ่ง แต่ความเพลี่ยงพล้ำของมันก็อาจเป็นที่มันเคยเป็นถึงระดับตำนานความคาดหวัง จึงสูง หรือก็ไม่แน่ใจว่าเพราะเป็นตำนานมันจึงดึงคนให้มาลองดูกันได้พอควรรึเปล่า นะ?

เรื่องราวน่าสนใจในหนังก็มีประปราย เช่น ทุกวันนี้หนังหลายเรื่องก็มีเอี่ยวกับบริษัทจีน (Warcraft ก็ใช่ แบบมากๆเลยด้วย) และหลายเรื่องถ้าไม่มีฉากเอี่ยวประเทศจีน(หรือเขตปกครอง) ก็จะมีคาแรคเตอร์เชื้อสายจีน หรือดาราจีนแสดง ในเรื่องนี้ก็มี ซึ่งก็ดีเพราะดูตามเหตุผลความเป็นไปได้ เอาจริงๆมันก็ไม่ได้ขัดนะ (อย่างด้านบนน่ะแหละ) และ แองเจล่าเบบี้ ก็ดีครับ (นี่ขนาดบทเขาก็พร่องๆนะ เอ็งยังจะหยั่งงี้อีก) อีกเรื่องคือ คาบเกี่ยวกับบทนักบินหญิง ของ แองเจล่าฯ คือ ภาคนี้นอกจากเรื่อง เทคโนโลยี อะไรที่อัพเดทขึ้น (ซึ่งก็คงไม่ใช่ข้อเด่นอะไร เพราะเขาก็ทำกันเป็นปกติ) ก็มีคาแรคเตอร์หญิงในบทสำคัญๆมีบทบาทในเรื่องมากขึ้นด้วย หรืออีกเรื่องคือความจริง ไอเรื่องความลับบนดวงจันทร์ที่มาเฉลยมันก็น่าสนใจดีในแง่ของการล่า(เพื่อ อะไรก็ว่าไปอีกที) แต่มันก็ไม่ได้เล่าอะไรได้ว้าวนัก และแม้จะมีอะไรน่าสนใจอยู่บ้างมันก็ไม่ได้กลายไปเป็นประเด็นที่ดูสำคัญใน เรื่องเท่าไหร่ซะด้วย

แม้ว่าอาจมีหลายอย่างพร่องไป และอาจไม่สามารถกลายไปเป็นหนังระดับตำนานความบันเทิงได้อย่างเดียวกับ ID4 ต้นฉบับ หนังก็ยังถือเป็นหนังตอบโจทย์ความบันเทิงสำหรับคนชอบหนังแนวนี้ได้พอสมควร และฉากหลายฉากก็น่าตื่นตาดี 7.3 คะแนน ละกันครับ


รู้ไปก็งั้นๆ : ในบางเวลาสถาน เขาใช้ชื่อเรื่องนี้ว่า ID Forever Part 1 ทำไมน่ะเหรอ? เพราะเขากะจะสร้างอีกภาคนะเซ่!!!!  ซึ่งระหว่างนั้น โรแลนด์ เอมเมอริช ก็คงต้องไปทำการบ้านมาเพิ่มเติมอีกแหละนะครับ


นึกถึง

จริงๆดีไซน์มนุษย์ต่างดาวใน ID4 (รูปคงไม่ถือว่าสปอยล์นะ หนังก็ฉายมาตั้งนานแล้ว) ก็พอจะถือเป็นไอคอนได้ดีไซน์นึงเลย ในช่วงที่มนุษย์ต่างดาวยังไม่โผล่มากันเพียบอย่างนี้ (แต่ก็เยอะอยู่น่ะนะ) แม้อาจไม่ดังเท่า Predator หรือเจ้า Xenomorph จาก Alien ก็ตาม  (มีฉากที่ IDR ทำได้ใหญ่ดีและสนุกพอควร แต่ก็เทียบกับ Q...A... ใน A...s ไม่ได้เลย ทั้งความน่าสะพรึง และดีไซน์) แต่เอาจริงๆคิดๆดูหลังๆก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่กับดีไซน์มนุษย์ต่างดาวยุคหลังมาก (คือจำไม่ค่อยได้ ว่างั้นเหอะ - นี่ความผิดดีไซน์รึความผิดเราฟระ?) ไว้วันหลังอาจจะเขียนเกี่ยวกับหนังมนุษย์ต่างดาวดู (อีกแล้ว...)  
จริงๆก็ไปดูสารคดีเกี่ยวกับการทำเอ็ฟเฟ็คท์ในหนัง ก่อนและคาบๆยุคที่คอมพิวเตอร์กราฟฟิกก้าวเข้ามามีบทบาท (ซึ่ง...แน่นอนว่าก็ยังไม่ได้เขียนถึง) ซึ่งก็ประทับใจตามประสาคนชอบอะไรพรรค์นี้ เรื่อง The Frankenstein Complex ใครชอบอะไรแบบนี้ หนังตัวประหลาดงี้ น่าไปดูแบบไม่ควรพลาดนะครับ ทีแรกเขาจะฉายแค่ไม่กี่วัน ตอนนี้ก็ยังได้ฉายเพิ่มอยู่อีกนิดหน่อยนะครับ ลองเช็ครอบดูที่เว็บ SF (ในกรุงเทพ ฉายที่ SF Central World) โดย Documentary Club (เจ้าเก่า)

ในภาพโปสเตอร์ไม่แน่ใจว่าเป็นทีมของ ฟีล ทิฟเปต ทดสอบ Go Motion เพื่อใช้ใน Jurassic Park (ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆเรื่องที่สารคดีกล่าวถึงและพาไปพูดคุย) อยู่รึเปล่านะครับ? (พอดีจำหน้า ฟีล ทิฟเปต แม่นๆไม่ได้ด้วย... - -") แม้จะปรับมาใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิกแทน แต่ก็มีส่วนที่เป็นหุ่นกลไก และเทคนิคการแต่งเอ็ฟเฟ็คท์แบบเดิมอยู่นะ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น