วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2559

[ภาพยนตร์] JASON BOURNE เจสัน บอร์น ยอดจารชนคนอันตราย : กูชื่อ เจสัน บอร์น! *




* เอามาจากชื่อเรื่องภาษาไทย ของฉบับแปลภาษาไทยของนิยาย The Bourne Identity เล่มแรกในชุด แปลโดยคุณ ธนิต ธรรมสุคติ (แต่เขาไม่มีเครื่องหมาย '!' นะ)


แบบสั้นๆ
ตั้งแต่เห็นโปสเตอร์เวอชั่นนี้ ความรู้สึกแรกของผมก็คือ ผมก็เป็นห่วง จูเลีย สไตลส์ ขึ้นมาทันที แต่ก็จะทำยังไงได้ เพราะ อลิเชีย วิกันเดอร์ ดาราสาวนัยน์ตาโศกที่เพิ่งคว้าออสการ์สมทบหญิงยอดเยิ่ยมไปจากหนังเรื่อง The Danish Girl นั้น ใช่ว่าผมจะรังเกียจรังงอนอะไรเธอเสียเมื่อไหร่ ส่วนจริงๆจะเป็นยังไงก็ไว้ว่ากันอีกที

ผมชอบหนัง Bourne ทุกภาคที แมท เดมอน แสดงเป็นบอร์น และคิดว่า Bourne Legacy ก็ยังสนุกดี ทั้งไม่ได้แปลกใจอะไรมากกับการกลับมาแท็คทีมกันของผู้กำกับ พอล กรีนกราส และเจ้าของบทบอร์น แมท เดมอน (ต่างฝ่ายต่างบอกว่าถ้าอีกคนไม่มาทำ Bourne ก็จะไม่มาด้วย - พอดูภาคนี้ก็พอเข้าใจเหมือนกันว่ามีก็มีความกดดันมหาศาลของมันอยู่)

ถ้าแบบสั้นๆ Bourne ภาคนี้ยังสนุก แม้จะรู้สึกว่ามันอยู่ในร่องรอยเดิมไปซะหน่อยแม้ว่า บอร์น จะได้ชื่อของเขาคืนมาแล้ว (อย่างที่แปะไว้เป็นชื่อเรื่องซะเลย) และเรื่องราวของบอร์นภาคนี้มีประเด็นน่าสนใจหลายอย่าง โดยเป็นประเด็นในปัจจุบัน เช่น การสอดส่องโดยรัฐ ซึ่งพูดให้เป็นเนื้อของหนังได้มากกว่าในหนัง Bond ภาคล่า หรือจะเป็นประเด็นเดิมเรื่องโครงการลับของรัฐบาล ที่ก็ยังใส่ความเข้มข้นซับซ้อนให้ประเด็นที่ยกมาได้พอควร เว้นเรื่องร่องรอยที่อยู่ในรูปแบบเดิมมากอยู่ ฉากแอ็คชั่น ความเข้มข้นก็ยังอยู่ในมาตรฐานของบอร์น ซึ่งแปลว่าอยู่ในระดับสูงสำหรับหนังแนวนี้ และเราก็จะได้เห็นกล้องเหวี่ยงเหมือนเดิม จากที่นิ่งๆไปใน Bourne Legacy (อันนี้ไม่ได้บอกว่าเป็นข้อดีข้อเสีย แค่เป็นข้อเท็จจริง) เรื่องราวมีรายละเอียดและความซับซ้อนในตัวเอง แม้โครงจะคล้ายเดิม แต่ไม่รู้ทำไมผมกลับรู้สึกว่าแม้รายละเอียดจะค่อนข้างเยอะ และการผูกเรื่องก็ทำได้ดีอยู่ แต่ความเข้มข้นซับซ้อนในเนื้อหนังตัวเรื่องมันดูจะมีอะไรพร่องไป? และก็รู้สึกว่าคราวนี้มันมีบางจุดที่รู้สึกมีข้อสงสัยแว่บมาบ้างเป็นพักๆ (จากที่คราวก่อนๆ บางครั้งมันอาจจะมีก็ได้? แต่เราจับไม่ได้ไล่ไม่ทันเอง...) นอกนั้นหนังแม้จะเข้มข้น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกขั้นพีค ซึ่งคิดนิดๆว่าถ้าไม่ได้ปล่อยเวลานานขนาดนี้จึงจะมีภาคต่อ ความรู้สึกแบบนี้อาจไม่เกิดมากเท่าไหร่ก็ได้?

ตัวละครของ อลิเชีย วิกันเดอร์ ซึ่งถูกเติมเข้ามามีการแสดงที่มั่นอกมั่นใจ และเพิ่มองค์ประกอบให้เนื้อเรื่องได้น่าสนใจดี แม้ไม่ได้ท๊อปความคาดหวังขึ้นไป แต่คิดว่าบอร์นภาคนี้ก็ยังมีความสนุกและเข้มข้น แถมฉากไลล่าบนถนนยังจัดมา 'ใหญ่' รวมๆแล้วก็สนุกดี ไม่ได้ผิดหวังอะไรหนักๆ และก็ไม่อะไรถ้าจะมีภาคต่อ (แต่ก็ไม่น่าจะรอนานขนาดนี้นะ) 8.2 คะแนน ครับ  และจะน่าสนใจถ้ามีภาคต่อแล้ววิธีการหรือรูปรอยของเรื่องถูกพลิกแพลงไปทางอื่นดูจากการที่สถานะของบอร์นเองก็เปลี่ยนไปแล้ว (อย่างที่หนังก็พอจะปูไว้ให้มีทางอยู่ได้เหมือนกัน)


แบบยาวๆ

คงมีพูดอะไรเพิ่มๆนิดหน่อย...


นึกถึง
จริงๆ อย่างที่ว่าว่าไม่ได้ยี้ Bourne Legacy ซึ่งขณะเดียวกันก็โอเคถ้า Bourne จะมีภาคต่อ หรือจะเอาเส้นเรื่องมารวมกันซะเลยก็ยังโอเคเหมือนกัน ก็ไม่รู้ว่าเขาจะยังไงอะไรกันต่อ แต่ว่าพอดีตอนหาข้อมูลก็ไปเจอใน imdb ว่ามี จัสติน ลิน (แห่ง Star Trek : Beyond หมาดๆ) เข้าชื่อผู้อำนวยการสร้างแถมผู้กำกับ ให้กับภาคต่อบอร์นของ เจเรมี เรนเนอร์ ใน Bourne Legacy แฮะ?! ก็ดูกันต่อไป...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น