วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ชวนเล่นชวนลอง เกมนินจาเต่า (TEENAGE MUTANT NINJA TURTLES) ยุคเก่าก่อน (2)

หลังจากพล่ามไว้แต่ไม่จบใน ตอนแรก เพื่อไม่ให้เสียเวลา (เด๋วก็ไม่จบอีก) เรามาต่อกันเลย

MEGADRIVE หรือ GENESIS


(ภาพจาก wikipedia)



Teenage Mutant Ninja Turtles: Hyperstone Heist (Eng) / Teenage Mutant Ninja Turtles: Return of the Shredder (Jap) (1992)

ข้ามจากเครื่องเกมของ NINTENDO มาที่เครื่องเกมจากค่ายคู่แข่งที่ขับเคี่ยวกันอย่างถึงพริกถึงขิงอย่าง SEGA กันบ้าง ซึ่งก็อย่างที่เห็นนะครับว่าก่อนนี้ KONAMI ทำเกมลงให้เครื่อง NINTENDO มาตลอด (ก็แหม เครื่องมันดัง ยอดขายก็ดี - อันนี้ก็พูดไปงั้น(แต่จริง)ไม่รู้ว่าเขามัีสัญญาอะไรเป็นการเฉพาะรึเปล่า?) ที่หลุดมาบนเครื่องของ SEGA ในยุคนั้นก็มีแค่ 2 ภาคเท่านั้น


เอาเข้าจริงแล้วเกมภาคนี้เป็นคล้ายๆกับการยกเครื่องเอาโครงหลักของ TURTLES IN TIME บน SUPER FAMICOM (ที่เราบอกไปแล้วว่าสนุกสุดๆ) มาดัดแปลงหลายๆอย่างเพื่อลงให้เครื่องของ SEGA คือทั้งโมเดลตัวละคร หรือท่าทางอนิเมชั่นต่างๆ กระทั่งคัทซีนบางส่วน บอส หรือแมคคานิคของเกมก็ยกมาจาก TURTLES IN TIME !

แหม มันช่างฟังดูเหมือนจะน่าน้อยใจเสียนี่กระไรอุตส่าห์มาลงทั้งที ดันเป็นของดัดแปลงจากอีกเครื่องมาซะอีก แต่ความจริงเมื่อพิจารณากันแล้ว นี่ก็ไม่ใช่นินจาเต่าภาคเสียของ แม้จะตัดหลายบางอย่างอันโดดเด่นจากภาค SUPER FAMICOM ออกไป (ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาคอาเขตของ TURTLES IN TIME ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ!) แต่การดัดแปลงที่ว่านั้นก็ทำให้มีมีบุคลิกที่เป็นเอกเทศไปพอสมควร เนื้อเรื่องเองก็เป็นคนละเนื้อเรื่อง (แม้จะคุ้นๆคล้ายๆบ้างในบางรายละเอียด) แถมฉากก็ดัดแปลงไปเยอะ มีฉากใหม่เพิ่มเข้ามาเยอะอยู่ รวมไปถึงบอส EXCLUSIVE เฉพาะภาคนี้ด้วย!

วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ชวนเล่นชวนลอง เกมนินจาเต่า (TEENAGE MUTANT NINJA TURTLES) ยุคเก่าก่อน (1)

อย่างที่กล่าวไว้ในพล่ามก่อนว่าหนัง นินจาเต่ารีบูทครั้งล่าภาค 2 ก็ใช่จะแย่อะไรมากมายดูได้พอเพลินๆเอาจริงๆบางอย่างก็ดีกว่าภาคแรก แต่ส่วนตัวก็รู้สึกใกล้เคียงกัน และยังมี เมแกน ฟ๊อกซ์ เล่นเป็น เอพริล แต่ว่าบอสระดับบิ๊กนั้นดูก๋องแก๋งไปหน่อยไม่ค่อยสมศักดิ์ศรี เพราะงั้นถ้าจะรำลึกอดีตเป็นความสนุกจากนินจาเต่าแบบสาแก่ใจหน่อยก็ขอแนะนำให้ลองหาเกมนินจาเต่ายุคเก่ามาลองเล่นกันดูครับ

ซึ่งแทบทั้งหมดทำโดย KONAMI แห่ง WINNING ELEVEN และ METAL GEAR SOLID (ทั้งยัง SILENT HILL) ซึ่งหลังๆมานี่ตั้งแต่ เมพฮิเดโอะ โคจิม่า บิดาแห่ง METAL GEAR SOLID ลาจากค่ายไปแบบดูมีนอกในไม่ใยดีกันเท่าไหร่ ขยับตัวทำอะไรออกมาก็มีแต่แฟนๆจะด่า (เช่น รีเมค METAL GEAR SOLID 3 เป็น...ตู้ปาจิงโกะ แต่เอาจริงๆเขาก็ทำตู้ปาจิงโกะมานานแล้วนะ) และที่เอามาแนะนำกันก็เป็นของ KONAMI ทั้งหมด

ช่วงที่ KONAMI มือขึ้นในยุคเก่าก่อนนั้นปั่นเกมอะไรออกมาก็สนุกไปถึงสนุกมากซะเป็นส่วนใหญ่ บังเกิดตำนานเกมมากมาย ทั้ง CONTRA, GRADIUS, AKUMAJO DRACULA (CASTLEVANIA) ฯลฯ ตำนาน METAL GEAR ที่หลังๆมายกเครื่องซะไฉไลก็เกิดขึ้นในยุคแถวๆนี้ บางทีคงได้เขียนถึง KONAMI ซักที แต่นั่นก็ไม่รู้เมื่อไหร่

KONAMI นั้นเป็นอีกหนึ่งค่ายที่เมื่อก่อนนั้น ไอคำว่าเกมจากหนัง จากการ์ตูน จากโน่นนี่ที่มันดังๆมักจะห่วย นั้นแทบไม่อาจแผ้วพานได้ เพราะทำอะไรออกมาก็สนุก แถมยังเป็นแบบ เกมดี ดนตรีไพเราะ! และ นินจาเต่า TEENAGE MUTANT NINJA TURTLES ก็เป็นหนึ่งในนั้น

โดยที่ก็เกริ่นไปแล้วตั้งแต่ที่พล่ามถึงหนังว่าภาคที่แนะนำมั่กๆ สนุกแบบสาแก่ใจจริงๆเบย ก็คือ TURTLES IN TIME บนเครื่อง SUPER FAMICOM (หรือ SNES สำหรับโซนฝรั่ง) แต่ไหนๆก็ไหนๆ เราขอเก็บ TURTLES IN TIME ไว้ท้ายสุด แล้วแนะนำไล่ไปเลยตั้งแต่ FAMICOM, GAME BOY, MEGADRIVE ดีกว่า

พล่ามมากกว่านี้ก็จะยาวโดยไม่จำเป็นอีกแล้ว...ก็ขอเริ่มเลยดีกว่าครับ!


FAMICOM หรือ NES (NINTENDO ENTERTAINMENT SYSTEM)


(ภาพจาก reddit)



Teenage Mutant Ninja Turtles (1989)



ภาคแรกๆของเกมนินจาเต่า และเป็นภาคแรกบนเครื่อง FAMICOM เป็นเกมแอ็คชั่นด้านข้างที่มีโครงสร้างน่าตื่นเต้นทีเดียวในยุคนั้น คือแทนที่จะเป็นแอ็คชั่นลุยด่านตลุยยาวๆไป มันกลับมีรสชาติของเกมแบบผจญภัย ADVENTURE อยู่ด้วย คือแม้ว่าเนื้อเรื่องจะเป็นเส้นตรง หมด STAGE นี้ก็ไป STAGE ต่อไป แต่ใน STAGE นั้นแทนที่จะลุยยาวตั้งแต่ต้นฉากจนจบฉากแล้วไปฉากต่อไป มันกลับซอยฉากที่ให้เล่นออกเป็นจุดๆ วางไว้ในฉากแผนที่ ให้ไล่หาที่ลงกันเอาเอง แถมบางตอนก็จะเป็นอารมณ์ทำ MISSION ย่อย เช่น ถอดชนวนระเบิด

[ภาพยนตร์] TEENAGE MUTANT NINJA TURTLES : OUT OF THE SHADOW - เต่านินจา จากเงาสู่ฮีโร่ : เวงกำ อีคนดูไปดูเอพริล...



เอาจริงๆตอนภาคแรกมาฉายเราก็ไม่ได้จะไปดูด้วยอารมณ์ NOSTALGIA ไรมาก แม้ว่าพอจะมีภาพจำของขบวนการนินจาเต่า รึ เต่านินจา อยู่บ้าง ชนิดที่ชื่อแต่ล่ะท่านก็ยังจำไม่ได้ถนัด ไม่ได้นึกถึงนานๆก็มีจำสลับกันบ้าง พอจำนูู่นนี่ในเรื่องได้หน่อยๆ จำได้ว่าอาจารย์สปรินเตอร์เป็นหนู แต่เคยเป็นคนมาก่อน จำได้ว่าเหล่านินจาเต่า (หรือเต่านินจา) ชอบกินพิซซ่า มีนักข่าวสาว เอพริล โอนีล (ซึ่งถูกลักพาตัวไปบ่อยๆ(มัง)) มีวายร้ายเป็น เชรดเดอร์ กับ แครงค์ มีลูกจ๊อกเป็นมนุษย์หมูป่า กะแรด มีเต่าจักรกลด้วย ฯลฯ บลาๆๆ พอละ ซึ่งในสมัยก่อนนานมาแล้วจำไม่ผิดนินจาเต่าสร้างมาจากคอมมิคแนวอินดี้ใต้ดินหน่อยๆ แต่ไม่รู้อีท่าไหนออกมาเป็นการ์ตูนอนิเมฉายทีวี(ล่ะมัง)แล้วดันดังพอตัว ของเล่นก็มีออกมาเยอะแยะ เกมอีก ซึ่งสมัยนั้นหลายๆภาคก็สนุกมาก ดังจนได้ไปขึ้นจอหนังใหญ่มาก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนั้นยังสวมชุดยางกันอยู่เลย แถมก็ใช่จะออกมาเจ๊งอะไร สร้างมาตั้ง 3 ภาค (เคยดูภาคแรก อีก 2 ภาคอาจเคยดูผ่านๆ แถมจำไม่ค่อยได้แล้ว) ก่อนจะความนิยมตกและหยุดอยู่แค่นั้น พอรีบูทภาคแรกประกาศสร้างในยุคนี้ทีแรกออกจะงงๆมึนๆมากกว่า ว่าเฮ้ย! เขาขุดของเก่ามา(หากิน?!)กันอีกแล้ว 

ความจริงแม้ความนิยมของเหล่านินจาเต่า (ขี้เกียจซ้ำแล้ว - ไปพลิกเป็นเต่านินจากันเอาเอง - นี่มันพิมพ์เปลืองกว่าเดิมอีกไหมนี่...)จะจืดจางไปนานแล้ว แต่ก็แปลกที่จริงๆแล้วก็ยังเห็นเกมนินจาเต่าออกมาเรื่อยๆนานๆที แถมจริงๆแล้วถ้าจำไม่ผิดเมื่อไม่กี่ปีก่อนตอนที่เทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟฟิกเข้ามายุ่มย่ามในวงการหนังกันเป็นปกติ และมีหนังอนิเมชั่นคอมพิวเตอร์สร้างฉายกันปีละหลายเรื่องหลายค่าย(แต่ตอนนี้มากกว่าเดิมซะอีก) เต่านินจายังเคยกลับมาลงจอในรูปแบบใกล้ๆการ์ตูนอนิเมแล้วด้วย (ที่ดูไม่แน่ใจนี่เพราะจำไม่ค่อยได้ชัดๆเหมือนกัน)  

พอเห็นตอนเขาประกาศสร้างภาคแรก ตอนนั้นก็คิดว่า เออ เอาวะ กล้าสร้างก็ไปดูซะหน่อย คิดว่าคงดูเพลินๆ ดีไซน์อะไรก็ดูเรียลขึ้น ไปลองดูซิว่าเวอชั่นนี้จะเป็นยังไง แต่จริงๆเห็น เมแกน ฟอกซ์ แสดง (แล้วพอรู้ว่าแสดงเป็น เอพรีล โอนีล ก็แบบ... หือ??? เออ แต่ช่างมันเหอะ) (แถมสตูดิโอของ ไมเคิล เบย์ โปรดิวซ์ด้วยนะ ถ้าจำไม่ผิด ซึ่งก่อนนั้นเธอก็ตีฝีปากใส่ ไมเคิล เบย์ ตอนเฮียทำ(อีกหนึ่งของเก่าทำใหม่) ทรานสฟอร์มเมอร์ จนเด้งหายไปในภาค 3) ก็เลย เอ้า รวมๆเหตุผลกันแล้วก็ไปดูหน่อยก็ได้ 

ซึ่งภาคแรกก็ดูพอเพลินนะ ลุคนินจาเต่าเห็นทีแรกก็คิดว่ามันจะเรียลไปไหม เห็นทีแรกก็ยังแปลกๆ แต่ดูๆไปก็ชิน แต่ว่าไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะของเก่าจริงๆหน้าเขาเหมือนกันเป๊ะเลย ต่างกันแค่อาวุธคู่มือกะผ้าคาด(และจริงๆสีผิวก็ต่างกันนิดนึงมัง?) และด้วยความเป็นก๊วน 4 เต่า ก็เลยต้องเล่นประเด็นร่วมแรงร่วมใจเป็นธรรมดาซึ่งก็ไม่อะไรนะ ก็โอเค ดูเพลินๆ เชรดเดอร์ดูครึ่่งๆจริงจังครึ่งๆก๋องแก๋งไปหน่อยแต่ก็ไม่อะไรมาก เมแกน ฟอกซ์ โอเค

ทีนี้มันดันได้ตังค์มาพอควร จะอารมณ์ถวิลหา NOSTALGIA อะไรก็ไม่รู้แหละ ก็เป็นธรรมดาที่เขาก็จะสร้างภาคต่อกัน

ทีแรกภาคนี้ก็ครึ่งๆว่าไปดูดีไหมเพราะภาคที่แล้วก็ไม่อะไรมาก แต่เอาเป็นว่าพอเห็นตัวอย่างหนัง เราก็ อืม ไปดูอีกซักทีก็ได้ เพราะ เมแกน ฟอกซ์ แหละครับ (กำ เอ็งไม่ได้สนเนื้อเรื่องอะไรเลยใช่ไหม - ส่วนที่ว่าเธอเล่นเป็นนักข่าวได้สมจริงไหมนี่ อันนี้เราจะตัดไปเลยนะครับ เราจะไม่มาถกเรื่องมีสาระกัน ณ ที่นี้นะ - เอาจรองๆตอนข่าวประกาศสร้างภาคแรก เธอรับบทเอพริล ผมยังนึกว่าเธอจะโผล่มาผมสีส้มชุดสีเหลืองอยู่เลย เสียดายไม่มาลุคนั้น(?)) ตัดช๊อตมากะขายมาก เหมือนคนสร้างก็รู้ว่านี่จุดขายชัดๆ สรุปก็ เออ ว่างก็ดู (คือบางเรื่องไม่ว่างก็จะไปดูให้ได้(ฟระ) อารมณ์จะจริงจังกว่า)

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

[ภาพยนตร์, อนิเม] THE ANGRY BIRDS MOVIE - แองกรีเบิร์ดส เดอะ มูฟวี่ : นกโกดโดดข้ามจอ



จากพลังมหัศจรรย์ที่ส่งความฮิตต่อเนื่องมายาวนานในวงการเกม ANGRY BIRDS จึงเป็นหนึ่งความภาคภูมิใจของบริษัทผลิตเกมสัญชาติฟินแลนด์อย่าง ROVIO จนในที่สุดเหล่าบรรดาพลพรรคนกโกรธ และเจ้าหมูเขียว ก็โดดข้ามจากจอสมาร์ทโฟน (พีซี เอ็กบ๊อกซ์ บลาๆๆ) มาสู่จอหนังจนได้ 

ทำไปทำมาก็ไม่น่าเชื่อนะครับว่าเหล่านกโกรธจะมาไกลขนาดนี้ แม้หลายคนอาจจะเคยเล่นเหล่านกโกรธมาหลายภาคจนเลิกเล่นกันไปแล้ว (อ่าว - ก็มันเยอะอ่ะ เล่นนี่ไม่ผ่านไปเล่นนั่น เล่นนั่นไม่ผ่านไปเล่นโน่น เล่นไปเล่นมายังไม่ผ่านก็...เลิกเล่นซะเลย ป่อย...) และอาจมีบางคนคิดว่าเกมขึ้นจอหนังมันจะไม่แป๊กหรือ? (แม้จะไม่เหมือนกับ WARCRAFT ที่เป็นหนัง LIVE ACTION คนแสดง (ที่ก็วาดด้วยคอมพิวเตอร์กราฟฟิกเพียบแหละนะ) ตรงที่เหล่านกโกรธมาในแบบการ์ตูนอนิเมชั่นที่ก็ดูจะเหมาะมากกว่า) เพราะเนื้อเรื่องในเกมมันก็ดูไม่ได้มีเนื้อหามากพอจะเอามาขยายขึ้นจอตรงๆซะทีเดียว แถมเอามาขึ้นตรงๆก็ไม่น่าจะเข้าท่ามัง? แต่เอาเข้าจริงการถูกเล่าออกมาเป็นอนิเมชั่นว่าทำไมเหล่านกต้องไปเจอกับเจ้าหมูเขียว แล้วทำไมมันต้อง 'โกรธ' ก็จัดว่าใช้ได้ทีเดียว แถมยังเอาตัวละครหลักๆมาขึ้นจอโดยตกแต่งบุคลิกให้โดดเด่น(บ้าบอ)ต่างกันไป กระทั่ง ไมตี้ อีเกิ้ล ก็ยังมา(บ้าบอ)กับเขาด้วย แม้ว่าเนื้อหานั้นจะยังอยู่ในข่ายของการ์ตูนสอนหนูๆอยู่ (ซึ่งความอินก็คงแล้วแต่ละคน) แต่รายละเอียดและความกวนบาทาของแต่ละตัวละครที่น่ารักน่ารำคาญบ้าบอต่างกันไปก็จัดว่าเป็นชีวิตชีวาของอนิเมชั่นเรื่องนี้ได้สนุกสนานไม่เบา และฉากสนุกๆฉากแอ็คชั่นก็ใช้ได้ทีเดียว ถือว่ามีจินตนาการและสนุกเอาการ โดยเฉพาะในฉากกึ่งๆบังคับที่จะต้องทำให้คนที่เล่นเกมและพอรู้ความสามารถของเหล่านกแต่ละตัวได้สนุกสนานรำลึกถึงความยากลำบากในการยิงกันมาก่อนหน้านี้แล้วกันมั่งล่ะ

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

[ภาพยนตร์] X-MEN - APOCALYPSE เอ็กซ์เม็น อะพอคคาลิปส์ : บรรจบครบวงจักรวาลเอ็กซ์เมน!



แบบสั้นๆ
มาถึงภาคที่ 6 กันแล้ว
จะว่าไป ข้อด้อยข้อใหญ่ของ X-MEN ภาคนี้สำหรับผมแล้วก็ดูจะมีแค่ว่า มันมาตามหลังหนัง X-MEN ภาคที่มีเนื้อเรื่องน่าตื่นเต้นและแกรนด์ที่สุด ขนาดเนื้อเรื่องพยายามล้างไพ่จักรวาลพยายามวกเนื้อเรื่องมาให้ชนกันได้อย่างน่าตื่นเต้น โดยมีตัวละครระดับไอคอนกันครับ แถมยังเอาตัวละครและนักแสดงแกรนด์ๆระดับตำนานทั้ง 2 รุ่นมาร่วมภาคกันได้หน้าตาเฉย มันจึงเป็น X-MEN ภาคที่สนุกมากๆและแกรนด์มากๆ

สิ่งที่ทิ้งท้ายไว้ในภาคก่อนจึงเป็นชนวนต้นเรื่องมายังภาคนี้ เปิดตัว APOCALYPSE หนึ่งในวายร้ายตัวฉกาจแห่งจักรวาล X-MEN และจักรวาลมาเวล ความจริงรายละเอียดและเนื้อเรื่องของภาคนี้ถือว่ามีรายละเอียดที่ดี แม้ว่าจะมีเนื้อเรื่องของหลายตัวละครที่ต้องมาแชร์ความสำคัญกันเยอะเอาการ ต่างกับภาคก่อนที่ไม่ได้เกี่ยวกับแบ็คกราวด์ส่วนตัวของแต่ละตัวละครเท่าไหร่ แต่คิดว่าหนังก็ทำได้ดี และให้น้ำหนักกับเรื่องราวของแต่ละครได้พอควรเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น แม็กนีโต โปรเฟสเซอร์เอ็กซ์ มีสทีค ไซคลอปส์  จีน และอื่นๆ (นี่ยังไม่หมดเลยนะ) ตรงนี้จึงเป็นจุดที่อยากให้คะแนนมากกว่าครับ (แถมยังมีตัวละครไอคอนหาทางมาปรากฏตัวในหนังได้ด้วย) จุดที่ดูด้อยอาจจะมีเพียงแค่ แกนหลักของภาคนี้ในเมื่อเป็นการปรากฏตัวของวายร้ายอย่าง APOCALYPSE การดำเนินเรื่องตามแกนหลัก แบบร่วมกันปราบตัวร้ายนี้นี้จึงดูด้อยไปถนัดตายิ่งถ้าเทียบกับหนังฮีโร่ประเด็นหนักๆที่เล่นเรื่องระหว่างเหล่าฮีโร่อย่าง BvS หรือจะ CIVIL WAR (รึจะไปเจอกับโครงธรรมดาแต่เหนือกว่าด้วยพลังเกรียนอย่าง DEAD POOL - ซึ่งก็มาจากจักรวาลเดียวกันกับ X-MEN แหละ) ซึ่งถือเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ระดับ 'แกรนด์' ที่มาฉายปีนี้ชนกันหมด แม้กระทั่งจะไปเทียบกับ X-MEN ภาคก่อนเอง ซึ่งมีเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนทั้งน่าตื่นเต้น และแกรนด์กว่ามากอย่างที่บอก

แต่คิดว่าในเรื่องนี้ ไบรอัน ซิงเกอร์ ที่กำกับหนังในแฟรนไชส์ X-MEN (ที่เป็นภาคต่อตรงๆ) 4 จาก 6 ภาคนี้ ก็ไม่ได้ทำอะไรพลาดนะครับ ยังคิดว่า ซิงเกอร์ ทำได้ดีด้วยซ้ำในการเล่าเรื่องหลากหลายตัวละครหลากหลายแบ็คกราวด์ได้ขนาดนี้ แม้อาจมีบางตัวละครที่พร่องไปบ้างก็ตาม แต่ส่วนใหญ่โดยเฉพาะตัวสำคัญๆก็ทำได้ดี และยังรู้สึกชอบการเริ่มเรื่องเพื่อนำไปสู่เรื่องของ APOCALYPSE ที่พูดถึง 'พลัง' และ 'อำนาจ' ด้วย แม้ว่ามันจะไม่ได้ถูกพูดถึงอย่างพิสดารอะไร แต่คิดว่ามันก็เข้ากับเนื้อเรื่องและตัว APOCALYPSE ได้ดี แม้ว่าอาจมีเรื่องราว ตรรกะ รึเหตุผล บางอย่างที่คิดว่า 'แฟนๆ' ที่ได้ดูเรื่องราวจากภาคอื่นๆ(คือหลายภาคนะ - แม้ว่าบางภาคอาจจะไม่จำเป็นต้องดูก็รู้เรื่องได้)มาก่อนน่าจะ 'รับ' และ 'เข้าใจ' ได้ง่ายกว่าคนที่จู่ๆก็มาดูภาคนี้เลย นักแสดงเองก็เล่นได้ดี (ทั้งที่เป็นบทสำคัญระดับต้นๆและระดับรองๆลงมา) แม้จะยอมรับว่าฉากแอ็คชั่นอาจจะไม่ดู 'ใหญ่โต' อย่าง BvS (ที่ได้วันเดอร์วูเมนช่วยไว้ด้วยนะเออ) รึทำได้ดีมากๆอย่าง CIVIL WAR แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในมาตรฐาน แถมยังมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆวางไว้เยอะแยะให้แควนๆที่ตามดูมาทุกภาคได้ไปเชื่อมโยงกับ X-MEN ภาคที่ผ่านๆมาได้อีก ความพยายามของซิงเกอร์ที่พยายามจะเล่าเรื่องราวในจักรวาล X-MEN ที่เขาเริ่มไว้ (และถือเป็นหนึ่งต้นแบบหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ประสบความสำเร็จในยุคนั้น) ให้มาบรรจบครบวงโดยเล่าเรื่องราวของแต่ละตัวละครให้มาบรรจบกัน(แม้จะไปทำเอาตัวละครใน First Class เหี้ยนไปซะอื้อก็ตาม...)ได้อย่างน่าพอใจทีเดียว ยังสนุกนะครับ 8.2 คะแนน

ใครที่ติดตามมาตลอด ถึงตอนนี้ บรรจบครบ 6 ภาค ก็สามารถวนไปเอาภาค 1 มาดูต่อได้เลย แม้ว่า...ในบางรายละเอียดมันจะเป็นจักรวาลคู่ขนานมากกว่าจะเป็นเรื่องราวเดียวกันแบบเป๊ะทุกกระเบียดก็ตาม ผมว่า ซิงเกอร์ จบได้สวยไม่เลวเลยครับ แม้อาจจะเสียดายอยู่บ้างว่ามันไม่ใช่ X-MEN ภาคที่เยี่ยมเท่า DAYS OF FUTURE PAST ก็ตาม แต่ก็ถือเป็นบทสรุปบรรจบครบวงที่น่าพอใจ

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

[ภาพยนตร์] THE NICE GUYS - กายส์ นายแสบมาก : กายส์ (ทำไมต้องกายส์ฟระ?! คล้องจองก็จริงหรอก แต่! กายส์นี่ใคร๊?!!) พวกนายบ้าชิหาย!



หนังคู่หูนักสืบ(?) จากฝีมือผู้กำกับ IRON MAN 3 อย่าง เชน แบล๊ค ที่น่าเสียดายว่าไม่ค่อยประสบความสำเร็จทั้งในบ้านเกิดยูเอส และในบ้านเรา (นี่ก็ไปดูมาตั้งน๊านนก็ไม่ได้เขียน...) เพราะอะไรก็ตอบไม่ค่อยถูก... เพราะนักวิจารณ์ก็ดูจะชื่นชมกันดีหนิ 

เอาเป็นว่านี่เป็นหนังนักสืบในบรรยากาศย้อนยุคนิดหน่อย เซ็กซี่นิดๆ(แหละนะ...) ที่ แสบๆบ้าๆมันส์ๆหนุกๆหนานๆเป็นที่ยิ่ง (ไปหาดูตัวอย่างเอาละกัน ไปดูเพราะตัวอย่างนี่แหละ) ไรอัน กอสลิ่ง ลูซเซอร์มาก บ้ามาก เพี้ยนมาก ดีชิหาย (นี่ชม) เข้าคู่กับ รัสเซล โครว์ ที่บึ้กมาก มือหนักมาก ตัวเป็นหมีมาก (นี่ก็คงชมแหละนะ) เข้าคู่กันอย่างบ้า แถมน้องหนู แองกูรี่ ไรซ์ ในบทลูกสาวของคุณป๋า กอสลิ่ง ที่มาเข้าคู่กับสองตัวพ่อได้ดี ขโมยซีนได้ด้วย ดูแค่นี้ก็คุ้มแล้ว

เนื้อเรื่องละ เนื้อเรื่องไม่อะไรมาก (อ่าวเดี๋ยว) ไม่ต้องรู้มากเอาแค่นี้ก็พอ เอ่อ...เอาจริงๆเนื้อเรื่องมีลูกล่อลูกชน สร้างเบื้องหลังและตัวละครให้เรื่องราวได้ดีใช้ได้ ประเด็นน่าสนใจเล่าเรื่องได้สนุกมีลูกล่อลูกชนดี ช่วงที่หนังมีเอเนอจี้จะสนุกมาก แต่จังหวะกับเรื่องราวบางช่วงก็แปลกๆเพราะดูจะทำให้จังหวะและเรื่องราวมันเนือยลง และประเด็นหนักๆที่ปูไว้น่าสนใจตอนจบแล้วก็รู้สึกว่ามันปล่อยลอยลมไปหน่อย แต่ได้ยินว่าทีแรกเรื่องนี้จะเป็นตอนเริ่มของซีรี่ส์แต่เขาเอามาขึ้นจอหนังแทน ซึ่งดูกันอย่างนี้แล้ว การเป็นซีรี่ส์อาจจะเหมาะกว่าจริงก็เป็นได้ แต่ก็นั่นแหละ เท่าที่ออกมา หนังก็มีดีพอตัว แถมได้การแสดงของสองคู่หู(+หนึ่งหนูน้อย)ที่บ้ามาก เหมาะเป็นตัวนำอย่างยิ่ง ต่อให้ตัดคะแนนช่วงเรื่องเนือยบางช่วงและทิ้งประเด็นไปบ้าง แต่ยังไงก็สนุกอยู่ดี แนะนำมั่กๆ 7.9 คะแนน

เอาจริงๆชุดตัวละครนำแข็งแรงมากๆถ้าจะเป็นซีรี่ส์ แต่...ถ้าเอาคู่นี้ไป แม้จะเข้าคู่กันได้เมพมากๆ มันก็อาจจะสู้ค่าตัวไม่ไหวกระมัง?...
อาจจะนึกถึงหนังอย่าง SPY นิดๆ แต่มันก็ไม่เหมือนกันขนาดนั้น (ต่างกันเยอะอยู่แหละ - นี่คือเราก็ชอบ SPY นะ) เรื่องนี้เถื่อนกว่า มุก SPY จะดูหลุดโลกกว่า เอาเป็นว่าใครชอบ SPY เพราะ เมลิสซา แม็คคาที่ย์ (และก็ยังมี จู๊ด ลอว์, เจสัน สเตแธม ,โรส เบิร์น - เขาชอบทุกคนเลยใน SPY) มาลองดูคู่หูคู่นี้ดูมั่ง

[ภาพยนตร์] CAPTAIN AMERICA - CIVIL WAR กัปตันอเมริกา - ศึกฮีโร่ระห่ำโลก : ยกพวกฟัด บาดหมางเหล่าฮีโร่



ก็ต้องยอมรับว่าพี่น้องรุสโซ่นั้นสามารถนำพาเอารสชาติของความเข้มข้นขึงขังเข้ามาใส่ให้กัปตันอเมริกาได้จริงๆ ซึ่งทำให้ภาคก่อนของกัปตันอเมริกาอย่าง WINTER SOLDIER นั้นมีรสชาติเฉพาะตัวแตกต่างไปจากหนังมาเวลอื่นๆได้น่าสนใจดีเหมือนกัน ขนาดที่ว่าผมอาจไม่ได้เคลิ้มไปกับเนื้อเรื่องทั้งหมด อารมณ์เข้มข้นแบบมีส่วนผสมของการเมือง(ในหนัง-ที่ก็ไม่ได้เคลิ้มไปทั้งหมด) ก็ยังทำให้รู้สึกสนุกไปกับหนังมีทั้งความเอนเตอร์เทนและกดดันได้อย่างสนุก และทำไปทำมาก็ถือว่าดันลุคอเมริกาให้ขึ้นมามีบทบาทสูงขึ้นเพื่อมาเคียงบ่ากับไอรอนแมนได้อย่างน่าสนใจ

ก็ไม่รู้ว่ามาเวลวางแผนไว้เสียดิบดีขนาดนี้ตั้งแต่แรกหรือเปล่า? แต่เอาเป็นว่ายังไงวางแผนไว้ดีแค่ไหน คนทำทำออกมาไม่เวิร์คมันก็หมดท่าได้เหมือนกัน เพราะงั้นจากผลลัพธ์ที่ออกมาสองพี่น้อง โจ แอนด์ แอนโทนี่ รุสโซ่ ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับจักรวาลมาเวลเลยทีเดียว

 ก่อนหน้านั้นคนหนึ่งที่ต้องซูฮกในจักรวาลภาพยนตร์มาเวลไว้ ณ ที่นี้ด้วยก็คือ จอส วีดอน ผู้ถูกเลือกให้มากำกับหนังยำรวมมิตรซูเปอร์ฮีโร่เรื่องแรกในอ้อมกอดมาเวล (คือเราข้าม X-MEN ของ FOX ในมือ ไบรอัน ซิงเกอร์ ไปก่อนนะครับ) อย่าง THE AVENGERS ได้ชนิดที่ไม่ยอมให้ใครน้อยหน้าใครได้อย่างสนุกสนานเอนเตอร์เทนเป็นที่ยิ่ง (แถมยังดันโลกิให้ทำไปทำมาจะได้รับความนิยมล้ำหน้า THOR ไปซะอีกมัง? อุ๊บส์! ทั้งๆที่ก็เป็นตัวร้ายสุดจะน่าเตะในเรื่องแท้ๆ - และมาเวลก็ดูจะนำจุดนี้ไปใช้ประโยชน์ต่อได้เป็นอย่างดี THOR : DARK WORLD จึงยังดูสนุกดีนะผมว่า) แม้ว่า ALTRON จะแผ่วไปบ้าง แต่ผมก็ยังคิดว่าเฮีย จอส แกยังกำกับแบ่งบทบาทให้แต่ละตัวละครนำได้ดีอยู่นะครับ อาจจะไปด้อยตรงตังค์ไม่พอบิ๊วด์อัลตรอนให้มันไปไกลกว่านั้นซักหน่อยรึเปล่าก็ไม่รุ?

ตัดกลับมาที่พี่น้องรุสโซ่ที่ครั้งก่อนจริงๆก็ฝากฝีไม้ลายมือไว้ในการเอาตัวละครมาร่วมจอกันก็ใช่น้อยใน WINTER SOLDIER ไปแล้ว พอมาถึง CIVIL WAR ที่เป็นมินิ AVENGERS ดีๆนี่เองล่ะ? (เอาจริงๆ...นับไปนับมาซูเปอร์ฮีโร่ในเรื่องจะเยอะกว่า AVENGERS ซะอีกละมัง...) พี่น้องคู่นี้จะเอาอยู่หรือไม่?!

[ภาพยนตร์] LEGEND OF TARZAN - ตำนานแห่งทาร์ซาน : จ้าวป่ากล้ามบึ้ก



แบบสั้นๆ

ความจริง เดวิด เยตส์ ที่กระโดดมากำกับเรื่องนี้หลังจากจบมหากาพย์หนังพ่อมด (ซึ่งแกกำกับตั้งแต่ภาค 5 ไปยัน 7 part 2) ก็ดูไม่ได้ทำอะไรตกมาตรฐานแกไปนะครับ เพียงแต่ว่าความเป็น 'แมจิค ' ของเรื่องราวและตัวหนังเองอาจไม่มากเท่าหนังพ่อมดชุดนั้น และแม้หนังจะมีลุคจริงจัง และฉากแอ็คชั่นในระดับหนึ่ง ทั้งมีชุดนักแสดงที่แข็งแรง (ไม่ได้หมายถึงมีกล้าม แต่ก็มีแหละกล้ามน่ะ) เอาการ (มี มาร์โก ร็อบบี้ ด้วยนะเออ - ส่วนใครสายกล้ามก็ดูพระเอกครับ) แต่ท่ามกลางหนังอุดมความเว่อวังและเอ็ฟเฟ็คท์อย่างในทุกวันนี้ ก็ยากเหมือนกันที่จะไม่ทำให้รู้สึกว่าทาร์ซานนั้นออกจะธรรมดาไปซักหน่อย แต่ถ้าใครไม่ชอบหนังเว่อๆหรือหนังวินาศสันตะโรแบบมียานบิน มิสไซส์ ปืนเลเซอร์ หรือสูทบินได้อะไรพวกนี้ล่ะก็ ทาร์ซานก็ถือเป็นตัวเลือกที่ก็พอใช้ได้ครับ (แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะปราศจากอะไร'เว่อๆ'นะ) 7.3 คะแนน ใครเคยดู TARZAN ฉบับดิสนี่ย์มา (ซึ่งเรื่องราวของ TARZAN ก็มีต้นฉบับเป็นนิยายแหละตามแต่ใครจะเอาไปสร้างดัดแปลงอะไรยังไง) ก็มาดูอันนี้ได้นะ เพราะทีแรกดูจากตัวอย่างก็คิดว่าเล่าเรื่องราวเดียวกันเลย แต่พอมาดูเข้าจริงๆเรื่องราวเป็นคนละช่วงกันนะครับ


แบบยาวๆ
ไว้มาเขียนเพิ่มอีกนิดหน่อย...

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

[ภาพยนตร์] THE BFG ยักษ์ใหญ่หัวใจหล่อ : โลกของยักษ์ใหญ่กับหนูน้อยใจกล้าในสายตาสปีลเบิร์ก



แบบสั้นๆ
ด้วยความเป็นติ่งผู้กำกับ สปีลเบิร์ก ประมาณหนึ่ง อย่างเคยกล่าวไว้ตอนไปดูหนังเรื่องก่อนที่ได้ชิงออสการ์มา แม้จะไม่ใช่ภาพยนตร์ขั้นสุดยอดของผู้กำกับ แถมผมที่ไปดูก็ยังไม่เคยอ่านงานต้นฉบับของ โรอาลด์ ดาห์ล แต่ก็รู้สึกเพลิดเพลินและคิดว่าโลกใน  BFG ถูกสร้างมาอย่างประณีต ด้วยท่าทีของหนังคิดว่าหลายอย่างน่าจะพยายามคงไว้จากต้นฉบับ  เรื่องราวบางจุดจึงดำเนินไปหรือคลี่คลายในกรอบแบบแฟนตาซีสำหรับเด็ก (ด้วย) แบบวรรณกรรมในยุคก่อน ซึ่งท่าทีก็ต่างไปจากวรรณกรรมเยาวชนยุคปัจจุบันอย่าง พ่อมดน้อยคนนั้น และอื่นๆ แต่ความรู้สึกหลุดก็ไม่ค่อยเกิดสำหรับผม เพราะรู้สึกว่าท่าทีการเล่าและเรื่องราวของมันกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกันดี ในครั้งนี้ผมไม่ค่อยรู้สึกว่า ผกก.สปีลเบิร์ก บิ๊ลด์จนเกินพอดี ซึ่งก็แปลกที่ในหนังบางเรื่องที่ไม่รู้สึกกลืนกันขนาดนี้ผมกลับไม่รับเท่าไหร่ (แม้จะชอบบุคลิกของบางตัวละครในหนังมาก) เช่น Alice in Wonderland ของ ทิม เบอร์ตัน แต่กลับกันยังรู้สึกว่าความรู้สึกของความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครยังไปไม่สุด เมื่อเทียบกับหนังก่อนๆอย่าง เช่น Jurassic Park หรือจะ Bridge of Spies ก็ตาม ขาดไปนิดนึง แม้ว่าหนังจะเล่าด้วยความยาวเกือบ 2 ชม.แล้วก็ตาม  อย่างไรก็ดีนักแสดงก็ทำหน้าที่กันได้ดี มาร์ค ไลแรนซ์ ที่เล่นเป็น ย.จ.ล. และหนูน้อย รูบี้ บาร์นฮิล ที่เล่นเป็นโซฟี ทำหน้าที่ถ่ายทอดตัวละครออกมาได้ดีมาก รวมถึงตัวละครอื่นๆก็ทำหน้าที่ของตัวได้ดี (เช่น เพเนโลพี วิลตัน ที่แสดงเป็นควีน ในบทบาทอันน่าจดจำโดยเฉพาะในฉากหนึ่ง...) และที่ประทับใจคือโลกแฟนตาซีอันประณีต ที่คิดว่าสร้างออกมาได้อย่างสมจริง สวยงาม และพิถีพิถัน และแม้การเล่าเรื่องจะยังไม่ถึงทีเด็ดทีขาด แต่ สปีลเบิร์ก ก็เล่าเรื่องนี้และกำกับออกมาได้ลื่นไหลและเปี่ยมเสน่ห์ แม้จะไม่ใช่หนังในทางสนุกตื่นเต้นลุ้นระทึกอย่าง Jurassic Park แต่ก็ชอบเรื่องนี้ของ สปีลเบิร์ก มากครับ 8.3 คะแนน อยากให้ลองไปดูโลกแฟนตาซีใบนี้ของสปีลเบิร์กกันดู  


แบบยาวๆ
ไว้จะลองมาร่ายทีหลังนะครับ...

[ภาพยนตร์] I AM A HERO - ข้าคือฮีโร่ : ชิหายยยเอ๊ยยย!!!



หนังซอมบี้จากมังงะที่แม้จะไม่ถึงกับฉีกรูปแบบของหนังซอมบี้ชนิดถอนรากถอนโคน แต่ก็มีเรื่องราวและรสชาติเฉพาะตัวที่ทำให้หนังฉีกตัวเองออกมาจากความจำเจได้ (โดยยังไม่นับ มาซามิ นากาซาว่า - แฟน OUR LITTLE SISTER อย่างผม จินตนาการไปว่าหนึ่งในสี่พี่น้องหลงมาเที่ยวแล้วกลับตาลปัตรชีวิตพลิกผันต้องไปเผชิญภัยชิหายซอมบี้ทีเดียว - อะไรของเอ็งงง!!!) แถมเป็นรสชาติมีมีความเป็นญี่ปุ่นๆ(นี่ก็วัดยังไงฟระ - เอาว่าไปดูแล้วบางคนคงสัมผัสได้แหละ - ใครสัมผัสไม่ได้ก็อย่าไปสน)ที่ต่างไปจากซอมบี้อเมริกัน (รวมถึง สเปน อิตาลี หรืออื่นๆ) ไม่เคยอ่านมังงะแต่คิดว่าแคสดีนะ และ... โดยเฉพาะอย่างยิ่งความโหดสัสแบบที่ต้องเตือนคนที่ไม่ชอบอะไรฮาร์ดคอร์ๆว่าระวังให้ดีนะครับ ขนาดต้องร้องในใจว่าชิหายเอร๊ยยยรัวๆ ในหลายส่วนของหนัง... ส่วนขาโหดผมตอบไม่ได้นะว่าในกระบวนหนังซอมบี้(แบบเทรดดิชั่นๆหน่อย-วัดยังไงฟระ?!)เรื่องไหนจะโหดสุด แต่เรื่องนี้น่าจะติดนะ  แม้หนังไททันฯจากมังงะปีก่อนจะมีลุคและเรื่องโหดๆแต่ใครคิดว่าหนังอาจด้อยไปบ้างหรือเอ็ฟเฟ็คท์ก๋องแก๋งไปหน่อย เชิญมาลองเรื่องนี้ คอมังงะเชิญเสพ ขาโหดเชิญลองเรื่องนี้ตามอัธยาศัย 8.1 คะแนน แอบตัดคะแนนตามอำเภอใจไปบางจุดเพราะความชิหายเอร๊ยยยไปนิดนึงฮะ... พอดีว่าไม่ใช่คอซะทีเดียว (แล้วจะถ่อไปดูทำไม๊??!!! - แหม...ก็มีจิตใจอ่อนไหวอ่อนแอไรงี้อยู่บ้าง - แบบเสียงญี่ปุ่นมีบางสาขาของเมเจอร์และเอสเอฟฮะ) กระทั่งซอมบี้ก็ยังออกแบบได้มีสไตล์เฉพาะแบบญี่ปุ่นๆ และโหดสัสนะ ลองไปดูว์กันนนน พิสูจน์ความชิหายได้ ณ บัดนี้

(เขียนช้าไป(ไม่)หน่อยตามเคย... เช็ครอบกันเอาเองนะฮะว่ายังเหลือมากน้อยอย่างไร ขออำภัย - -)


ในเมื่อเป็นหนังจากมังงะอีกเรื่องที่ดังในญี่ปุ่น (และเข้าใจว่ามีกระแสอยู่เหมือนกันในบ้านเรา) ที่ผมก็ไม่ได้ตามอ่านเพราะเหตุผลอย่างที่กล่าวไว้ตอนพูดถึง หนังซัดแมลงกลายพันธุ์สยองของมิอิเกะ ว่าช่วงนี้มังงะที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่นนี่ออกแนวโหดๆหยองๆซะเยอะ เพราะงั้นอ่านติดกันเยอะๆก็อาจไม่ไหวต่อสภาพจิตใจอันอ่อนไหว (อ่อนไหวมากก็ไม่ต้องอ่านเลยไม่ดีเรอะ?!) เพราะงั้น... ในเมื่อหนังชิหายขนาดนี้... ไว้เด๋วกลับลำไปหามังงะ (แปลไทย ลิขสิทธิ์ สยามอินเตอร์ฯ) มาอ่านก่อนจ้า แล้วจะมาเขียนถึงยาวๆอีกทีละกันนะ...

[ภาพยนตร์] WARCRAFT : THE BEGINNING - วอร์คราฟต์: กำเนิดศึกสองพิภพ : แม้ไม่ถึงฝันหนังโคดดีจากเกมโคดดัง แต่มันเป็นหนังแฟนตาซีที่สนุกดีนะ



แบบสั้นๆ
ภาพยนตร์จากเกมตระกูลดัง (ต้นกำเนิดผู้มาก่อนอีกหนึ่งตระกูลดังจากค่ายเดียวกัน ที่ดูจะดังชิหายมากในบ้านเราในยุคนึงอย่าง STARCRAFT) ที่ขณะมีข่าวเป็นความหวังแห่งบรรดาหนังจากเกม ที่จะกลายไปเป็นหนังระดับคุณภาพและไม่แป๊กกะเขาซะที เพราะกำกับโดยน้ำมือของผู้กำกับ ดันแคน โจนส์ ณ หนังไซไฟที่ได้รับคำชมอย่าง MOON (ดูแล้ว ชอบพอประมาณไม่เท่าที่คิด แต่หลายคนชอบหนังเรื่องนี้มากก็มีเยอะ) กับ SOURCE CODE (อยากดูมากพอประมาณแต่ยังไม่ได้ดูเสียที) แถมเป็นแฟนเกม WARCRAFT ตัวยงอีกต่างหาก

ทำไปทำมา แม้หนังดูจะไปไม่ถึงฝั่งฝัน (แถมแป๊กในบ้านเกิดยูเอส - แต่ทำรายได้ถล่มในจีน - จีงพอรอดตัว...) แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนเกม (แต่พอรู้จัก) อย่างผม ในฐานะหนังแฟนตาซีเรื่องหนึ่ง ปรากฏว่าจริงๆหนังสนุกดีนะ แม้จะดูไม่ค่อยเน้น(และอาจทำให้มันขาด)โมเม้นต์และการนำเสนออย่างอลังการ อย่างหนังแฟนตาซี(อย่างที่ LOTR รึ HOBBIT สร้างภาพจำและมาตรฐานไว้)ในช่วงหลังๆมานี้ รวมทั้งการเล่าเรื่องในจุดสำคัญอาจจะดูห้วนหรือตกขาดไปบ้าง แต่ดูจากการนำเสนอ ตัวละคร และเนื้อเรื่อง กลับรู้สึกว่า WARCRAFT มีเรื่องราวในแบบแฟนตาซีที่เกี่ยวกับ พ่อมด อาณาจักร นักรบ ออร์ค ฯลฯที่สนุกดี หนังดูมีสไตล์เฉพาะตัวแม้จะไม่ถึงกับโดดเด่นกินขาด และแม้ไม่เท่าที่หวังเนื่องจากอาจจะตกหล่นองค์ประกอบบางอย่างไปแบบแปลกๆ แต่จะให้บอกว่าน่าผิดหวงั น่าเบื่อ ไม่ไหวเล้ย นี่ก็ไม่ใช่นะ สนุกดี และยังเหมือนมีอะไรไม่ได้เล่าอีกหลายอย่างจนคิดว่า ถ้าแป๊กแล้วแป๊กเลยไม่ทำต่อแล้ว ก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกันนะ เพราะในฐานะหนังแฟนตาซี คิดว่ามันมีรสชาติเฉพาะตัวของเรื่องราวและตัวละครที่รสชาติน่าสนใจใช้ได้ทีเดียวแฮะ 7.7 คะแนน


แบบยาวๆ
เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น...

[ภาพยนตร์, อนิเม] FINDING DORY - ผจญภัยดอรี่ขี้ลืม : จำดอรี่(ที่ขี้ลืมอย่างน่ารัก)กันได้ไหมมมม



แบบสั้นๆ
ภาคต่อของหนังอันเป็นที่รักของใครหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเรื่องราวของตัวละครที่เป็นที่รักของใครหลายคนและทำให้เรื่องราวตามหาปลาการ์ตูนน้อยก่อนหน้าสนุกสนานและมีเสน่ห์อย่างไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกันอย่างดอรี่ (ซึ่งไม่ใช่ปลาดอรี่(อย่างในเมนูของร้านอาหารหลายๆร้าน อืม... แต่เป็นปลาบลูแทงค์) ปลาขี้ลืม ยังคงนำตัวละครจากภาคแรก ความมีสีสัน  สนุกสนาน และการเดินทางครั้งใหม่มามอบความสนุกสนานและความประทับใจมามอบให้ผู้ชมได้ พร้อมตัวละครหน้าใหม่ แม้โลกใต้ทะเลที่สีสันงดงามอาจไม่ทำให้ว้าวได้อย่างภาคแรก และความประทับใจแรกอาจไม่เท่าครั้งแรกที่เราได้รู้จักเพื่อนพ้องในโลกใต้ทะเลแห่งนี้ แต่การผจญภัยของตัวละครอันเป็นที่รักที่มาพร้อมตัวละครหน้าใหม่สุดแสบสันต์นั้นไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกันว่ามันยังคงมอบความสนุกสนานเพลิดเพลินให้กับเหล่าคนดูได้ แฟนๆจากภาคแรกไม่ควรพลาด 8.4 คะแนน


แบบยาวๆ
ไว้มาเขียนเพิ่ม...



[ภาพยนตร์] THE SHALLOWS - นรกน้ำตื้น : สาวสวยผจญฉลาม



แบบสั้นๆ
ถึงเรื่องราวจะดูอยู่ในพื้นที่จำกัด แถมมีตัวแสดงไม่น่าจะกี่คน แต่กรุณาอย่ามองข้ามหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะคอหนังที่ชอบหนังหวาดๆ (จะผีหรือมือสับก็ตามที ลองมาดูหนังฉลามกับสาวสวยเรื่องนี้ (แปลว่าคอหนังฉลามก็มาเหอะ) หน่อยเป็นไร เบลค ไลฟ์ลี่ย์ (ในชุดนุ่งน้อยห่มน้อย - ก็เขาเล่นเซิร์ฟ จะให้ใส่ชุดราตรี รึผ่าข้างแดงแป็ดแบบ มิลล่า โจโววิช ใน Resident Evil เรอะ?! - เออ แต่แบบนั้นก็เข้าท่าดี (?) เอาไว้เป็นภาคต่อละกัน... Red Dress in the Shallows พอ! - พอก่อน! แค่นี้ก็เอาอยู่แล้ว) กับฉลามเอาอยู่จริงๆครับ  8.1 คะแนน


แบบยาวๆ
ไว้มาเขียน...